มิตรภาพที่มีให้ต่อกัน
วันนี้ผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกแล้วครับ เป็นเรื่องราวของมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นที่รพ. St.’s Vincent ระหว่างนักเรียนแพทย์และนักการภารโรงของแผนกผู้ป่วยฉุกเฉิน
ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าเย็นวันหนึ่งเมื่อกลับมาถึงที่พัก รู้ตัวว่าได้ลืมทิ้งสมุดและหนังสือไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่แผนกฉุกเฉิน เวลานั้นเย็นมากแล้ว จึงรีบเดินกลับไปที่รพ. แต่พอจะเข้าไปที่ห้องก็พบว่าลืมเอา Keycard เข้าห้องมาด้วย ยืนอยู่หน้าห้องสักพักก็พบชายคนหนึ่งเดินผ่านมา จำได้ว่าเป็น John จึงได้เดินเข้าไปทักทายพูดคุยและเล่าเรื่องราวให้ฟัง
John เป็นพนักงานทำความสะอาดและเวรเปลประจำแผนกฉุกเฉิน ซึ่งลูกสาวได้เคยเจอและได้พูดคุยกันมาก่อน John เป็นชายชาวแอฟริกัน ผิวดำสนิท อายุประมาณ 30 ย้ายมาอยู่ที่เมลเบิร์นได้ 10 ปีแล้ว และเข้าทำงานที่รพ.นี้ได้ 3 ปี วันนี้ John ต้องอยู่เวรถึงเที่ยงคืน เมื่อ John ทราบเรื่องจากลูกสาว จึงช่วยเหลือหากุญแจมาไขให้
หลังจากได้หนังสือมาแล้วก็ได้คุยกันต่ออีกพักนึง John เล่าว่าตั้งแต่มาอยู่รพ.นี้ยังไม่มีหมอคนไหนมาคุยกับเขาอย่างเป็นเพื่อนเลย ลูกสาวตอบไปว่า ไม่ใช่หมอนะเป็นแค่นักเรียนแพทย์ John ก็ยืนยันว่านักเรียนแพทย์ก็เช่นกัน และแน่นอนไม่มีแพทย์หรือนักเรียนแพทย์คนไหนที่รู้จักหรือจำชื่อของเขาได้เลย
ลูกสาวสังเกตได้ว่า เสียงของ John สั่นๆในลำคอ ที่ดวงตามีน้ำอาบอยู่ทั้งสองข้าง ลูกสาวเล่าให้ผมฟังต่อว่า ความรู้สึกในตอนนั้นมันชั่งดีและมีความสุขเหลือเกิน มิตรภาพเพียงเล็กน้อยกับคนที่ทำงานด้วยกัน สามารถก่อให้เกิดพลังได้มากขนาดนี้ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความแฉ่มชื่นและมีคุณค่าที่เกิดขึ้นณขณะนั้น
เพื่อนๆคงเห็นนะครับว่า มิตรภาพและไมตรีที่มีให้ต่อกัน การมองเห็นความดีของเพื่อนมนุษย์ สามารถก่อให้เกิดพลังชีวิตได้อย่างมากทีเดียว ใช่ไหมครับ
ไมตรีจิตและมิตรภาพ เสมือนดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและงดงาม หากหยิบยื่นให้กับผู้ใดแล้วคง
ไม่มีใครปฏิเสธ และไม่ยิ้มรับอย่างแน่นอน
มิตรภาพเป็นสิ่งดีงามนะครับ...
ธรรมชาตินิสัยคนไทยเรา เด่นด้านนี้นะครับ