ปฏิบัติธรรมด้วยความสุข…


การประพฤติการปฏิบัติธรรม คือการมาแก้ที่ใจของตัวเอง มาแก้การประพฤติการปฏิบัติของตัวเอง มาแก้คำพูดกิริยามารยาท


พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราทุก ๆ คนเป็นผู้เสียสละ ไม่ทำตามใจตัวเอง  ทำตามอารมณ์ตัวเอง ทำตามความอยากของตัวเอง การทำตามใจตัวเองทำตามอารมณ์ตัวเองนั้นมันมีแต่ปัญหา มันเป็นการสร้างปัญหา ต้องปรับจิตปรับใจของเราเข้าหาธรรมะ ปัญหาในโลกนี้สรุปแล้วมันล้วนมาจากจิตจากใจของเราเอง

การมาประพฤติการปฏิบัติก็คือการมาอบรมบ่มอินทรีย์ในภาคปฏิบัติ...

คนเราน่ะถ้าไม่ได้ตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองแล้วมันจะต้องอึดอัดขัดเคือง  กดดันตัวเอง สิ่งเหล่านี้น่ะทุกท่านทุกคนต้องพึงรู้พึงเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมก็คือการมามีสติ มาหยุดตัวเอง มาเบรกตัวเอง มาฝืน มาอด มาทน มาเข้าใจ

เราทุก ๆ คนต้องมีสมาธิ มีความแข็งแรงแข็งแกร่งทางจิตทางใจ ไม่ใช่ว่าจะทำตามความอยากความต้องการตามสัญชาตญาณที่เคยชิน

มนุษย์ของเราเป็นผู้ฉลาด สามารถที่จะทำแต่สิ่งที่ดี ๆ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี ๆ พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักทุกข์ รู้เหตุถึงความเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ต้องมาปรับตัวเอง เข้าหาธรรมะ

ชีวิตของเราที่มันไม่ได้รับความสำเร็จในชีวิตก็เพราะว่าเรานี่นะทำตามจิตตามใจของตัวเอง ไม่เอาความถูกต้องเป็นใหญ่ ไม่เอาความดีเป็นใหญ่ ถ้าเราทำตามใจของเราน่ะจิตใจของเราก็ยิ่งร้อนยิ่งทวีคูณ สิ่งไหนที่ข้าพเจ้าชอบข้าพเจ้าก็จะเอา สิ่งที่ไหนข้าพเจ้าไม่ชอบข้าพเจ้าก็จะไม่เอา

เราทุก ๆ คนที่เกิดมาน่ะมีคุณสมบัติที่เราจะต้องได้รับก็คือ ความแก่ ความเจ็บ  ความตาย ความพลัดพรากน่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นน่ะเราไม่ชอบเลยไม่ต้องการเลยแต่ทุกคนก็ต้องได้ ด้วยเหตุผลนี้เราถึงต้องมาปรับจิตปรับใจเข้าหาธรรมะ ทุกคนต้องมาชอบความแก่ ชอบความเจ็บ ชอบความตาย และความพลัดพราก ยอมรับว่านี้คือสัจธรรมนี้คือความจริง  คือสิ่งที่ทุก ๆ คนต้องได้รับอย่างแน่นอน ทุกคนน่ะไม่อยากเป็นคนแก่คนเจ็บคนตายแต่ทุกคนก็ย่อมได้สิ่งนั้น ๆ พระพุทธเจ้าท่านถึงไม่ให้เราสนใจเรื่องความชอบความไม่ชอบน่ะ พยายามทำจิตทำใจของเราให้มันสงบ สิ่งที่ไหนเรามีปัญหานี้ก็คือความชอบไม่ชอบนี้แหละ จิตใจของเรามันถึงไม่สงบ

พระพุทธเจ้าเทศน์เราบอกเราสอนเราเรื่องการเสียสละ

เสียสละขนาดไหน...? ขนาดที่เราไม่มีตัวไม่มีตนโน่นแหละ ถ้าเรามีตัวมีตนอยู่เราก็ย่อมมีความทุกข์ เรามีความทุกข์ก็เพราะเรามีตัวมีตน

ทุกท่านทุกท่านนั้นไม่มีตัวไม่มีตน ไม่ได้เป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นคนแก่คนหนุ่มคนสาวไม่ได้เป็นพระหรือไม่ได้เป็นโยม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปตามเหตุตามปัจจัยที่อวิชชาคือความหลงของเรานี้มาปรุงแต่งจิตใจให้เราทำบาปทำกรรม ไม่มีที่หยุดไม่มีที่ยั้ง

ใจของเรานี้มันมีแต่จะเอา... มันจะเอาความสุข มันเป็นผู้เอามาตั้งหลายภพ  หลายชาติแล้ว แม้แต่เกิดมาเราพอที่จะสังเขปได้ มันเริ่มเอาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว  เมื่อออกมาก็มาเอากับคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเจริญวัยเป็นวัยเรียนวัยศึกษามันก็จะเป็นผู้เอา  เอากับเพื่อนบ้าน เอากับสังคม มันจะมาเอาความสุขกับผู้อื่น

พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเราให้เรามาเป็นผู้เสียสละมาเป็นผู้ให้ เป็นคนขยัน  เป็นคนไม่ขี้เกียจ มาหยุดตัวเอง มาเบรกตัวเองว่าตั้งแต่นี้ต่อไปน่ะ ข้าพเจ้าจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของข้าพเจ้าใหม่ จะเป็นคนขยันสุด ๆ เสียสละอย่างสุด ๆ จะมาละอัตตามาละตัวละตน  จะไม่เป็นคนฟรีสไตล์มักง่าย เอาแต่ใจตัวเอง มีโลกส่วนตัว เอาตัวเป็นใหญ่เอาตัวเป็นประธานน่ะมันไม่ถูก ต้องมาพิจารณาตัวเองว่าตัวเองได้เสียสละอะไรบ้าง ตัวเองได้ให้ความสุข  แก่คุณพ่อคุณแม่แล้วหรือยัง แก่ครอบครัวแล้วหรือยัง แก่หมู่แก่คณะแก่สังคมแก่ประเทศชาติแล้วหรือยัง...?


คนเรามันต้องเสียสละ ถ้าไม่เสียสละตัวเองก็ไม่มีความสุข ยิ่งคนอื่นเค้าก็ยิ่งเดือดร้อน ถ้าเราไม่เสียสละนี้ครอบครัวของเราแย่เลยแหละ ทุกคนก็แย่ไปหมดเพราะเกิดจากเราเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเป็นคนที่ไม่เสียสละ มีแต่จะได้มีแต่จะเอา ไม่รู้จักทำใจให้สงบ ถ้าเรามาหยุดตัวเองมากระตุ้นตัวเองอย่างนี้แหละ จิตใจของเราก็จะสงบขึ้นเย็นขึ้น

การเปลี่ยนตัวเองนี้มันเปลี่ยนยาก เพราะธรรมะภาคปฏิบัติน่ะทุกอย่างมันต้องทวนกระแสหมดน่ะ มันจะว่ายตามน้ำตามความต้องการไม่ได้

คนเราเอาชนะอะไรมันไม่ประเสริฐไม่ดีเท่ากับชนะใจตัวเอง ชนะอารมณ์ตัวเอง

การรักษาศีลให้ทุกคนเข้าใจไว้ว่าก็คือการพากันมาเสียสละ ไม่ใช่เราจะพากันมาเอานะ เราพากันมาเสียสละ

การทำสมาธิก็คือการเสียสละเหมือนกัน...

สมาธิแปลว่าไม่มีความโลภความโกรธความหลง คือการปล่อยการวาง การไม่เอาไม่มีไม่เป็น คืนธรรมชาติสู่ความเป็นจริงเพราะทุกอย่างมันไม่ได้มีไม่ได้เป็น มันเป็นของบริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่เรามันสุขมันทุกข์ก็เพราะเรามาเป็นตัวบงการ ตัวที่จะให้มันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้

การทำสมาธินี้พระพุทธเจ้าท่านให้เรามาเข้าใจว่าคือการมาละนิวรณ์ ก็คือความโลภความโกรธความหลงในจิตในใจของเรา ใจของเราไม่สงบ ใจของเรามันร้อน ใจของเรามันคิดมากเพราะเต็มไปด้วยความอยาก เผาด้วยความวิตกกังวล เผาด้วยความอยาก ความต้องการ ความโกรธความเกลียด ความพยาบาทอิจฉามันเผาเรา เรายังไม่ตายมันก็  เผาเราทั้งเป็น

พระพุทธเจ้าท่านบอกเราสอนเราให้เข้าหาความสุขความดับทุกข์ เข้าหาความสงบในปัจจุบัน เรื่องทั้งหลายทั้งปวงน่ะล้วนแต่เป็นความอยากความต้องการทั้งนั้นที่มันมาเผาเราน่ะ

ท่านให้เรามาเจริญสติสัมปชัญญะให้จิตใจของเราสมบูรณ์ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก  ไม่ต้องไปรู้อะไรมาก รู้ตัวเองในปัจจุบันน่ะ อันไหนมันดีเราก็เราก็คิดอันไหนไม่ดีเราก็ไม่คิดหรือว่าอันไหนมันดีมันคิดมากเราก็ไม่ต้องไปคิดมัน เพราะว่าสิ่งที่ดีไม่ดีล้วนแต่เป็นอนิจจัง  ทุกอย่างก็ต้องจากไปหมด สิ่งที่ดีก็ต้องจากไปสิ่งที่ไม่ดีก็ต้องจากไปทุกอณูทุกลมหายใจ  ทุกเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน

เราทุกคนต้องทำใจให้สงบ ให้เย็น ไม่ต้องวิ่งตามอารมณ์ไม่ต้องไปวิ่งตามโลก ถ้าไปวิ่งตามอารมณ์ตามโลกน่ะ ว่าทำไม ๆ ๆ ๆ ๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เพราะสิ่งเหล่านี้น่ะมันเป็นธรรมชาติมันเป็นกฎของธรรมชาติมันก็ต้องเป็นอย่างนี้

เราไม่ต้องไปเอาดีเอาชั่วเอาผิดเอาถูกกับสิ่งภายนอกน่ะ สิ่งภายนอกก็ถือว่านี้แหละมันเอาธรรมะมาให้เราว่าสิ่งอันนี้มันไม่น่าเป็นมันก็เป็นน่ะ ถ้าเราคิดอย่างนี้แหละใจของเรามันก็จะหยุดมันก็จะเย็น เราจะได้กลับมาแก้ไขตัวเองไม่ได้ไปคิดเรื่องภายนอกยุ่งเรื่องภายนอก

ทุกท่านทุกคนให้ถือเอาโอกาสถือเอาเวลานี้มาประพฤติมาปฏิบัติมาอบรมบ่มอินทรีย์ให้จิตใจของเรามีอินทรีย์บารมีแก่กล้าขึ้น ต้องอาศัยความอดความทน อาศัยข้อวัตรปฏิบัติ

คนเราเมื่อไม่ได้ตามใจก็ต้องมาแก้ที่ใจ เพราะสิ่งที่มีปัญหาก็คือใจที่มีปัญหา

ต้องทำใจของเราให้สงบให้ได้น่ะ... ใจของเรามันก็ค่อย ๆ เกิดปัญญาว่าธรรมะนี้  มันเป็นสิ่งที่ทวนกระแส ถ้าเราทำตามใจตามอารมณ์น่ะชีวิตนี้ก็มีแต่ผิดหวัง โลกนี้ก็ย่อมมีแต่ความเห็นแก่ตัว ถือพรรคถือพวก ถือชั้นวรรณะชาติตระกูล “เอาดีใส่แต่ตัว เอาสุขใส่แต่ตัว เอาความทุกข์ให้คนอื่น มันไม่ถูกต้องเลยมันไม่ยุติธรรมเลย...!”

ใครคิดได้มาก ใครวางแผนได้ดีกว่ากัน ใครวางแผนได้ดีกว่าคนอื่นก็เอาเปรียบคนอื่น ขาดความเป็นธรรมขาดความยุติธรรม อาชีพบางทีก็ไม่ยุติธรรมน่ะ ขายเหล้าขายเบียร์ ขายปืน ทำบ่อน ค้าขายมนุษย์ ค้าขายสิ่งเสพติดยาเสพติด เพราะว่าอะไร...? เพราะว่ามีความเห็นแก่ตัว

บางคนก็คิดนะ... คิดว่าเราเป็นคนเสียสละมาก ๆ เป็นคนมีศีลมีธรรมเราก็ถูกคนอื่นเอาเปรียบ เราก็เสียเปรียบ ถ้าเราคิดอย่างนั้นมันไม่ใช่ตัวเรานะ มันเป็นกิเลสในตัวเราคิดนะ “มันเป็นกิเลสคิดมันไม่ใช่ธรรมะ...”

คนเรานี้ความสุขต้องได้มาจากเป็นผู้ให้ผู้เสียสละอันเกิดจากความสงบ

เราดูตัวพระพุทธเจ้าน่ะท่านเป็นผู้ให้เป็นผู้เสียสละท่านก็ได้รับแต่ความสุข  ถ้าเรามาคิดว่าเรามันไม่ใช่พระพุทธเจ้าน่ะเราจะปฏิบัติเหมือนพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้  เราคิดอย่างนั้นเราคิดไม่ได้ไม่ถูก เรามีความคิดเห็นผิดมาก ๆ นะ

การทำตามใจตัวเองนั้นน่ะคือการสร้างปัญหา ถ้าเราเป็นคนเสียสละเป็นคนดีน่ะ ครอบครัวเราก็ย่อมมีความสุข องค์กรของเราก็ย่อมมีความสุข ประเทศชาติก็ย่อมมีความสุข ทุกคนก็มีความต้องการ

สิ่งที่สำคัญอยู่ที่เราทุกคนมีความเห็นแก่ตัวไม่ยอมเสียสละ ไม่ยอมลดมานะละทิฏฐิ  มีแต่จะเอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่อารมณ์ตัวเอง

ธรรมะที่ทำให้เราเป็นพระเบื้องต้นคือการลดมานะละทิฏฐิละความเห็นแก่ตัวไม่เอาความสุขทางวัตถุ ไม่ความสุขทางเนื้อทางหนังลาภยศสรรเสริญ จะเอาความสุขทางทำความดีมีศีลมีธรรม เอาความสุขทางการทำจิตใจให้สงบทางการเสียสละ เรื่องเงินเรื่องสตางค์เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เค้ามาพร้อมกับความดีของเราโดยที่เราไม่ต้องไปอยากไปต้องการ อย่างเค้าให้เราเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลจนถึงด๊อกเตอร์นี้ก็เพื่อเป็นคนดีเป็นคนเสียสละ ละความเห็นแก่ตัวความขี้เกียจขี้คร้าน อย่างให้เค้าเรียนนักธรรมตรีไปถึง ปธ.๙ ก็เพื่อเป็นคนดีเป็นคนเสียสละละความเห็นแก่ตัว

โลกเราที่มันร้อนอยู่นี้เพราะอะไร...? เพราะเราทุก ๆ คนมีความเห็นแก่ตัว มันถึงได้สร้างปัญหา

เราทำความดีมันมีแต่สงบมีแต่เย็นน่ะ ไม่มีใครมาได้เปรียบเรา เราไม่ได้เสียเปรียบ  ใครหรอก การชนะจิตชนะใจตัวเองได้คือการชนะข้าศึกทั้งหลายทั้งปวง พระพุทธเจ้าท่านเมตตาสอนเราอย่างนี้นะ

ในโอกาสนี้ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกท่านทุกคนจะได้ฝึกจะได้ปฏิบัติขัดเกลากิเลสอาสวะของตัวเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัดหรือจะอยู่ในบ้าน อยู่ที่ไหนทุกคนก็ต้องปฏิบัติตัวเองทั้งหมด เราอยู่ที่ไหนเราก็แก่เราก็เจ็บเราก็ตายเหมือนกันหมด สัจธรรมคือความจริงเค้าไม่ได้ยกเว้นใคร

ความสุขทุกคนมันเป็นสิ่งเสพติด ทุกคนมันชอบมันติด เราทุกคนจำเป็นต้องทำใจ  เฉย ๆ น่ะ เดินหน้าประพฤติปฏิบัติธรรม “ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความติดสุขติดสบาย  ธรรมเหล่านั้นไม่ใช่ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า”

คำว่าติดทุกคนก็รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้มันถึงติด...

จิตใจเราจำเป็นจะต้องเดินหน้าไป ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง อย่าไปเสียดงเสียดายอาลัยอาวรณ์มัน แข็งใจสู้มัน มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ถือว่าเราได้เดินตามรอยบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ประเสริฐไม่มีอะไรที่จะประเสริฐยิ่งกว่า  จงดีใจจงภูมิใจในตัวเองในการประพฤติปฏิบัติของตัวเองว่าเราได้เดินทางมาดีแล้วถูกต้องแล้วชื่อว่า “สุขโต ปฏิบัติธรรมด้วยความสุข...”

การบรรยายพระธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวันนี้ก็เห็นสมควรแก่เวลา ด้วยอำนาจพลังแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่านทุกคนจงได้มีกำลังจิตกำลังใจเข้มแข็งและแข็งแรง มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติเพื่อบำเพ็ญอินทรีย์บารมีให้แก่กล้า ให้บรรลุมรรคนิพพานด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...


พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย

เช้าวันอาทิตย์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


หมายเลขบันทึก: 543906เขียนเมื่อ 28 กรกฎาคม 2013 16:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม 2013 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท