อ่านบทสัมภาษณ์ท่านอาจารย์ Fred Kummerow
จากหลายๆที่ในช่วงนี้แล้วทึ่งกับความกระตือรือร้นในการทำงานของท่านมากๆเลยนะคะ ในวัย 98 ปีนี้ท่านยังคงทำงานอยู่เลย ท่านเริ่มงานวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการกับอาการหลอดเลือดแข็งตัวมาตั้งแต่ปี 1948 แล้วก็สนใจศึกษาเรื่องส่วนประกอบของผนังหลอดเลือดหัวใจ และสิ่งที่อาหารไปมีผลจนเกิดโรคของหลอดเลือดหัวใจมาต่อเนื่องยาวนาน และท่านยังคงยืนยันด้วยผลงานวิจัยของท่านเองว่า คอเลสเตอรอลไม่ใช่ต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างที่เราเชื่อกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นไขมันที่ถูกออกซิไดซ์ในร่างกายเราต่างหาก ท่านเป็นผู้แต่งหนังสือ "
บทสัมภาษณ์ของท่านที่ มีรายละเอียดน่าสนใจหลายอย่างมากเลย ขอแนะนำให้ตามไปอ่านนะคะ ที่ Correlation between oxysterol consumption and heart disease. Clinical Lipidology. June 2013, Vol. 8, No. 3, Pages 289-294 , DOI 10.2217/clp.13.34
แต่สิ่งที่อยากเอามาฝากก็คือ แนวปฎิบัติของท่านเกี่ยวกับอาหารที่ทำให้ยังคงชึวิตที่มีคุณภาพได้ในวัย 98 ปีก็คือ
มื้อเช้า: ไข่กวน (scrambled egg) เมล็ดธัญพืชและข้าวโอ๊ตสุก ผลไม้ต่างๆเช่นกล้วย และอย่างอื่นๆหลากสี นมสด ถั่ววอลนัท พีแคน หรืออัลมอนด์ และโยเกิร์ต
มื้อเที่ยง: เนื้อหรือปลาที่ย่างหรืออบ มันฝรั่ง ผักสด สลัดใส่น้ำมันมะกอกและน้ำมะนาว ผลไม้และนมสด
มื้อเย็น: ผักสดหรือซุปผักรวม ขนมปังโฮลวีทหนึ่งแผ่นกับชีส ผลไม้และนมสด
ท่านแนะนำว่าให้กินอาหารที่สมดุลโดยมีแหล่งโปรตีนต่างๆกันไปในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และไม่ดื่มน้ำอัดลม
เป็นผู้สูงวัยที่น่าทึ่งจริงๆค่ะ
สวัสดีค่ะดร.อโณทัย...ขอบคุณบันทึกที่ดีมีประโยชน์มากๆค่ะ...
เช้านี้ มารับอาหารสมองกับ “น้องดร.โอ๋-อโณ” ได้ประโยชน์หลายอย่างมากเลยค่ะ ...(ขอบคุณมากนะคะ)
1) จากตัวอย่างท่านอาจารย์ Fred ที่ยังคงทำงานวิจัยในขณะอายุ 98 ปี ทำให้มีกำลังใจว่า ถ้าเรายังมีสุขภาพดี สามารถทำงานบริการทางวิชาการแบบ Informal Education Management ได้จนถึงอายุ 80 ปี (ไม่หวังถึง 98 ปีอย่างท่าน) ก็ยังมีเวลาอีกเกือบ 20 ปี สำหรับการทำงานแทนคุณประเทศขาติที่ให้การชุบเลี้ยงมาตลอด
2) ได้ความรู้ใหม่ เกี่ยวกับสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
3) ได้ความรู้เกี่ยวกับเมนูอาหารเพื่อการมีสุขภาพดี (ซึ่งบางรายการคงต้องปรับเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในสังคมไทย) ...ดีใจว่าเมนูต่างๆ คล้ายกับที่ตนเองปฏิบัติมานานแล้ว
ข้อสงสัยคือ คำว่า "ไขมันทรานส์" เป็นยังไงคะ
และสุดท้าย "เพื่อนภาษา" ขอชี้การพิมพ์ตกหล่นในบรรทัดรองสุดท้ายของบันทึกนี้นะคะ "...โดยมีแหล่งโปรตีน่างๆกันไปในแต่ละวัน..." โปรตีนต่างๆ พิมพ์ตกตัว "ต" นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านและให้ดอกไม้และความเห็นเพิ่มเติมไว้นะคะ โดยเฉพาะอ.วิผู้น่ารักและแสนขยันของเรา ขอบคุณมากๆค่ะที่ช่วยเพิ่มเติมและแก้ไขที่ตกหล่น เพราะเขียนแล้วแวะโน่นนี่จนหมดเวลา เมื่อคืนหาปุ่มซ่อนบันทึกไม่พบก็เลยต้องโพสต์ไปโดยไม่มีโอกาสอ่านทวนอีกรอบค่ะ แก้ไขที่ตกหล่นแล้วค่ะ
ส่วนเรื่องไขมันทรานส์ จะหาโอกาสมาเขียนขยายความเพิ่มเติมอีกทีนะคะ ระหว่างนี้อ.วิ หาอ่านได้จากที่คุณ Laura Dolson เธอเขียนอธิบายไว้ที่เว็บไซต์ About.com เรื่อง Trans Fat อ่านเข้าใจง่ายได้ใจความดีมากค่ะ
บอกไว้ง่ายๆก็คือ ไขมันพวกที่ผ่านกระบวนการก่อนเพื่อทำให้มันคงทนหน่อย อย่างมาการีน หรือไขมันที่มีอยู่ในอาหารพวกขนมปัง คุ้กกี้ ซึ่งไขมันทรานส์มักจะเกิดจากการผลิตของมนุษย์โดยการเติมไฮโดรเจนเพื่อปรับรูปร่างของโมเลกุลไขมันให้คงทนขึ้น แต่ไขมันทรานส์ในธรรมชาติก็พบได้ในอาหารหลายอย่างเช่นชีส นมสดก็มีค่ะ แต่พวกนั้นจะไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ที่ให้หลีกเลี่ยงคือพวกที่สังเคราะห์ขึ้นมาหรือพวกของที่เกิดจากการทอด เพราะน้ำมันถูกทำให้เปลี่ยนสภาพไปค่ะ เรื่องนี้มีรายละเอียดเยอะ เข้าใจยาก เคยเจอคนที่เขียนเข้าใจง่ายๆว่าจะเอามาแปลอยู่เหมือนกันค่ะ เขียนเองก็ต้องเรียบเรียงนานค่ะ อิ อิ
ขอบคุณครับพี่โอ๋ สำรับความรู้ดีๆนี้ครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ที่ดีมากสำหรับอาหารการกินของคนยุคนี้ ให้ได้สาระบ้างร่างกายก็ขอขอบคุณที่ช่วยให้เขาได้มีชีวิตที่ยั้งยืนอีกยาวนานต่อไป
ขอบคุณพี่โอ๋มาก ๆ ที่นำสาระน่ารู้มาแบ่งปันกันจ้ะ
Thank you for this informative and inspiring post.
I have been doing this กินอาหารที่สมดุลโดยมีแหล่งโปรตีนต่างๆกันไปในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และไม่ดื่มน้ำอัดลม for many years now but still waiting to see the results (I don't have long to go before I can report my results -- no, no not at 98 -- that may be 'never' in my case ;-)
รักและคิดถึงพี่โอ๋และครอบครัวครับผม เป็นบันทึกที่มีคุณค่ายิ่งครับผม
ความรู้ที่น่าแบ่งปัน ขอบคุณค่ะ