ศ. ดร. ฉัตรทิพย์ นาถสุภา ให้หนังสือ ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม และการศึกษา รวมบทความไทยศึกษาเพื่อระลึกถึงศาสตราจารย์ อิฌิอิ โยเนะโอะในวันที่สี่สหายนัดพบรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันเมื่อวันที่ ๓ มิ.ย. ๕๖ ผมอ่านแล้ววางไม่ลง
โดยเฉพาะบทที่ ศ. ดร. ฉัตรทิพย์เขียนเอง เรื่อง โครงการศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ที่ท่านเขียนเล่าอย่างละเอียด ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการด้านวิชาการของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว ซึ่งผมถือว่าเป็นศูนย์ทางวิชาการที่มีคุณค่ามาก และผมเคยไปเยี่ยมชมถึง๒ ครั้ง ดังบันทึก ๑, ๒ ผมขอเสนอแนะว่า ผู้ที่มีหน้าที่ทำงานส่งเสริมหรือสนับสนุนการวิจัยควรได้อ่านบทความนี้ จะมองเห็นข้อจำกัด และโอกาสทำงานสนับสนุนการวิจัยในมิติที่ลึกซึ้งจริงจัง
ที่จริงบทความเกือบทุกบทความ น่าอ่านและประเทืองปัญญามาก เช่นเรื่อง ความหมายของตัวตน : พัฒนาการหนังสือแจกในงานศพ เขียนโดย รศ. ดร. อรรถจักร สัตยานุรักษ์ เป็นบทความยกย่อง ศ. อิฌิอิ ในฐานะผู้เห็นคุณค่าของหนังสือแจกงานศพ ของไทย และซื้อไปรวบรวมไว้ที่ห้องสมุดของศูนย์ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ถึง ๘ พันเล่ม รศ. ดร. อรรถจักร นำเอาข้อมูลจากหนังสือแจกในงานศพมาอธิบาย การเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยอย่างน่าสนใจมาก
ในเล่ม มีเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อยุธยาหลายบทความ อ่านแล้วทำให้ผมสรุปว่า อยุธยาเป็นเมืองท่ามาก่อนเป็นเมืองหลวง เพราะทำเลที่ตั้งเหมาะสม การตั้งอยุธยาเป็นเมืองหลวงก็เพาะทำเลดีในด้านการค้าระหว่างประเทศ และภายในประเทศ ผมชอบคำของ ศ. ดร. ผาสุก พงษ์ไพจิตร และ ดร. คริส เบเกอร์ ที่เสนอคำว่า “สังคมอุตสาหะ” (industrious society) และตั้งคำถามว่า จะถือว่าเกิดสังคมอุตสาหะ ขึ้นในพระนคร ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ได้หรือไม่ โดยนิยามสังคมอุตสาหะว่า เป็นสังคมที่ครัวเรือนและธุรกิจขนาดย่อม ทำงานหนักขึ้น มีรายได้มากขึ้น และใช้จ่ายซื้อของใช้ของกินมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโต
วิจารณ์ พานิช
๘ มิ.ย. ๕๖
ไม่มีความเห็น