Schisma (σχισμα)


Schisma (อ่านว่า 'sɪzəm หรือ 'skɪzəm) นั้นเป็นภาษากรีกโบราณแปลว่ารอยร้าวของกำแพง หรือ รอยร้าวของเปลือกไข่ และในภาษาอังกฤษคำว่า Schism ถูกใช้ในด้านของการปกครองด้วยเช่นกัน หมายถึงแบ่งออกเป็นสอง...ซึ่งเราจะไม่พูดถึงกันที่นี่หรอกนะครับ แต่ในที่นี้เราจะมาพูดถึงกันว่ามีอะไรหลักๆในโลกนี้บ้าง ที่ถูกมนุษย์ตีความ "แยกแบ่งย่อยมากกว่าหนึ่ง"



ความดี-ความชั่วร้าย
จุดเริ่มต้น-จุดสิ้นสุด
หลักธรรม-บาปกรรม
ศาสนิกชน-อศาสนิกชน



ทั้งหมดนี้เป็นการบัญญัติความจากมนุษย์ทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดและให้ทุกสิ่งล้วนมีสิ่งที่ตรงกันข้าม กำหนดนิยามความหมายให้กับสิ่งต่างๆมากมายเพื่อเป็นความหมายที่เข้าใจสากล แต่ในท้ายที่สุดของมนุษย์แล้วนั้น แม้แต่ศีลธรรมจารีตอันดีงามที่ได้ถูกกำหนดนิยามไว้มากเกินไป ก็ต้องมีอันขัดแย้งกันเอง (Paradox) - ในทัศนะของผมมนุษย์สมมุติกำหนดหลายสิ่งไว้มากเกินไป... เช่นกันกับที่มนุษย์ต่างใช้ศีลธรรมจรรยา(อันดีงาม?)ของตน เพื่อเป็นเครื่องมือเหตุผลในการขจัดประหัตประหาร "สิ่งตรงข้าม" และตลกร้ายเสียจริงๆ....ที่มันรวมถึง "ผู้ที่ถือ" มันอยู่ด้วยเช่นกัน


ในหนึ่งมือที่ถือศีลอีกมือถือแสงศาสตร์(ตรา) ฟาดฟันมันให้ล้มดับสิ้นแดดิ้นไปจนเหลือเพียงข้างหนึ่ง...ด้วยอาวุธไฟ, ด้วยอุดมคติ-อุตริและวิปลาส, ด้วยนัยย์ตาสัตว์ร้ายกระหายหิวไร้มนุษยธรรม เราล้วนเถลิงเริงรมย์เต้นระบำบนความพ่ายแพ้ของอีกฝ่ายอย่างสะใจ ผ่านนัยย์ตาของผู้อื่น...น่าสังเวช...ย้อนกลับไปที่ก่อนกาลตอนที่ค้นพบไฟ ตอนที่เหล่าโฮโมเซเปี้ยน "หน้าโง่" ทั้งผองเรา ล้วนผิงกองไฟเล็กๆกองเดียวกันหน้าสลอน หลับตาและฝันถึงการนำพาฝูงเผ่าหน้าโง่ของตนไปวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าด้วยแสงไฟกองเล็กๆกองนี้เป็นเครื่องมือ



แล้วทีนี้...ผมยังตามไม่ทันนัก เมื่อไหร่กันหรือ ที่ "มนุษย์" เช่นพวกเราเป็น "ฝั่งตรงข้ามกัน"? เมื่อไหร่กันหรือที่พวกเรายอมศิโรราบให้ "เครื่องมือสมมุติ" ที่มนุษย์มโนสร้างขึ้นมามีบทบาทอำนาจอยู่เหนือมนุษย์ด้วยกันเอง?  เมื่อไหร่กันหรือที่เครื่องมือกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทย์ควรค่าแก่การสักการะบูชาเหนือกว่าชีวิตของใคร? เมื่อไหร่กันหรือที่เราเปลี่ยนมาล่า "มนุษย์" แทน "สัตว์ร้าย"? เมื่อไหร่กันหรือที่ "ผู้แข็งแกร่งที่สุดย่อมถูกเลือกให้อยู่รอด"? แล้วทีนี้ เมื่อไหร่กันหรือที่ลมหายใจเป็นสิ่งที่ต้องซื้อแลกมา?


ในตอนนี้เราทุกคนล้วนรู้จัก "คุณค่า" ผ่านฉลากบอกฉลากราคา (Price) ที่แปะไว้ที่ทุกสิ่ง เชื่อฟังและจับจ่ายโดยไม่หวนกลับมาประเมินคิดคุณค่าที่แท้จริงแม้แต่น้อย...ไม่มีสิ่งใดเลยที่พวกเรารู้ซึ้งถึงคุณค่า (Intrinsic value) ที่มากพอที่จะนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แทนที่การพัฒนาวิวัฒน์...เรานำมันมาใช้ประหัตประหาร และคล้ายกับในเพลง "หมอผี" ของคุณ มาโนช พุฒตาล ที่ว่า ในเมืองนี้มีหมอผีตัดสินพิพากษา ว่าชีวิตของอีกฝ่ายนั้นไม่ควรค่าแก่การสูดหายใจ ในขณะที่มีหมอความชี้ว่าไม่ควรร่วมใช้ทรัพยากรอันทรงคุณค่าที่ได้มา สองฝ่ายสวดร่ายคำสาปแช่งแบ่งมันออกเป็นสอง นิยามแยกแบ่งแตกออกเป็นสาม สี่ใส่ความยัดใส่ปากอีกฝั่งฝ่ายป้ายสาดโคลนละเลงสี จนมนุษย์เช่นเดียวกับเราคนนี้มีสารร่างเป็นปีศาจและสัตว์ประหลาด

ผมคิดเรื่อยเปื่อยไปไหม ว่า...


มันอาจเริ่มจากแบ่งเป็นสอง......ในขณะที่ อนาคต ของเรา
นับถอยหลังหนึ่งก้าวรอวันรีไซเคิลเป็นหนึ่งเดียวกันที่ศูนย์


คุณคิดว่ายังไงบ้างครับ?





คำสำคัญ (Tags): #Wonderland#falling#yesterday
หมายเลขบันทึก: 541113เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2013 05:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม 2013 05:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

Huh?

Aren't we on an infinite path when we start walking on Occam razor? (But, sooner or later we will fall off the edge and land on one side because of our balance in physics or in our own mind.)

Don't we become what we often do? (But I can see - I am not a seer.)

When does a lump of matters become life and 'thinker'?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท