คัดสรรประโยคประทับใจมานำเสนอต่อในบันทึกที่ ๒ นี้ ...
สติ
ช่วยให้เราแก้ปัญหาเป็นเปลาะุ ๆ เป็นเรื่อง ๆ
ไม่เอาปัญหาใดมาครุ่นคิดหากยังไม่ถึงเวลา (หรือไม่ใช่เวลา)
ที่จะแก้ เวลาพักผ่อน ก็พักผ่อนเต็มที่ เมื่อถึงเวลาแก้ปัญหา
ก็ใช้ปัญญาอย่างเต็มที่ ไม่มามัวตีโพยตีพาย หรือ
น้อยเนื้อต่ำใจว่า "ทำไมถึงต้องเป็นฉัน?"
(ง่ายแต่งาม, หน้า ๑๑๒)
ความสุข นั้นไม่ได้อยู่ไกล
และไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าให้เหนื่อยยาก
เพราะแท้จริงความสุขนั้นมีอยู่กับเราในขณะนี้แล้ว
นั่นคือการที่คนรักยังอยู่กับเรา
และให้โอกาสแก่เราได้ทำความดีกับเขาอย่างเต็มที่
อย่ามองข้ามความสุขอย่างนี้
และอย่าปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือเราไป
(ง่ายแต่งาม, หน้า ๑๑๓)
"ความทุกข์ หรือ ปัญหา มันไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม"
มันมีไว้ให้แก้ เราก็ต้องเริ่มต้นด้วยการยิ้มรับสิ่งเหล่านี้
ไม่ใช่บ่น โอ้ย ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ทำไมถึงเป็นอย่างนี้
โทษคนโน้นคนนี้ หรือก่นด่าชะตากรรมตัวเอง
ทำไมถึงต้องเป็นฉัน ๆ ถ้าคิดแบบนั้นเสร็จ
แสดงว่าโง่แล้ว
(ง่ายแต่งาม, หน้า ๘๑)
หนังสือ เป็นประตูนำไปสู่ ชีวิตในแ่ง่มุมใหม่
แต่หนังสือมีข้อจำกัด คือ ตราบใดที่มันยังเป็นเพียง
แค่ความเปลี่ยนแปลงที่อยู่แค่ระดับความคิด
ก็ยากจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้
เราต้องเปลี่ยนความคิดเป็นการกระทำ
หลายคนอ่านหนังสือธรรมะแล้วสงบเย็น
พอเลิกอ่านจิตใจก็ร้อนรุ่มใหม่ หรือ
พอกระทบกับปัญหา จิตใจก็เกิดความทุกข์ขึ้นมา
นี้เป็นเพราะว่าสิ่งที่ได้จากหนังสือ
ยังอยู่แค่ระดับสมอง ระดับเหตุผล คือ
เป็นความรู้ชั้น ๒ เป็นความรู้ของคนอื่น
จนกว่าเราจะเอาสิ่งที่เรารู้ นำมาทดลองปฏิบัติ
จนเห็นผลด้วยตนเอง จะได้ความรู้ชั้นแรก คือ
เป็นความรู้ที่เิกิดจากการปฎิบัติ
ทำให้สิ่งที่เรียนรู้จากหนังสือได้ผลที่ยั่งยืน
ดังนั้น หนังสืออาจเป็นประตู หรือ
เป็นกำแพงที่ขัดขวางไ่ม่ให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ได้
(ง่ายแต่งาม, หน้า ๑๔๐)
"สำหรับผู้ที่ต้องการจะสร้างความดี
เพื่อก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม"
เราต้องไม่กลัวเปลืองตัว และเราควรจะยินดีถ้าหากตัวตนจะสึกหรอ
เพราะว่านั่นยิ่งทำให้จิตใจโปร่งเบาสบายมากขึ้น
แน่ละว่าการทำงานเพื่อสังคมคงจะไม่ใช่มีแต่คำด่าว่า
แต่คงจะต้องเจอปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย
อาจจะสูญเสียอิสรภาพ หรือสูญเสียอย่างอื่นที่มีค่า
แต่ถ้าเราตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิต
และเชื่อในความดีงาม ว่าจะมั่นคงยั่งยืนแล้ว
ก็ไม่มีอะไรที่เราจะต้องหวาดกลัว
เราจะมีความมั่นคบงในการทำความดี
และหากเราจะต้องละจากโลกนี้ไป
ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียดาย
เพราะเราเกิดมาอย่างไร
เราก็ไปอย่างนั้น
(ง่ายแต่งาม, หน้า ๑๖๙)
...................................................................................................................................................................
คัดสรรสำหรับตัวเองก่อนใคร
ตามด้วยกัลยาณมิตรทุกท่าน
ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ ณ เวลานี้
ก็เป็นได้
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
.....................................................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือ ....
พระไพศาล วิสาโล. ง่ายแต่งาม. กรุงเทพฯ : เพชรประกาย, ๒๕๕๖.
อาจารย์วัส...ทำให้ครูนกต้องเพิ่มหนังสืออีกเล่มแล้ว
"เราต้องไม่กลัวเปลืองตัว และเราควรจะยินดีถ้าหากตัวตนจะสึกหรอ
เพราะว่านั่นยิ่งทำให้จิตใจโปร่งเบาสบายมากขึ้น
แน่ละว่าการทำงานเพื่อสังคมคงจะไม่ใช่มีแต่คำด่าว่า
แต่คงจะต้องเจอปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย
อาจจะสูญเสียอิสรภาพ หรือสูญเสียอย่างอื่นที่มีค่า
แต่ถ้าเราตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิต
และเชื่อในความดีงาม ว่าจะมั่นคงยั่งยืนแล้ว
ก็ไม่มีอะไรที่เราจะต้องหวาดกลัว"
ชอบมากค่ะโดนใจใช่เลย
ชอบเหมือนผมครับ คุณครูนก noktalay ;)...
คนดีจะต้องเชื่อมั่นในความดีที่เราทำครับ
รูปแบบของบันทึกนี้ "ง่าย...งาม" จริง ๆ ค่ะ
ชอบการอ่านบันทึกที่มีความสร้างสรรค์
การจัดวางตัวหนังสือที่อ่านง่าย น่าสนใจ แบบนี้จังเลยค่ะ
เพราะมันสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของผู้เขียน
ขอบพระคุณค่ะ
ตามมาอ่านบันทึกดีๆ ค่ะอาจารย์
Less is More ฮืมมม....
ง่าย แต่ งาม ... จริงครับ พี่ครู อิงจันทร์ ณ เรือนปั้นหยา ;)...
ขอบคุณมากครับพี่ ;)...
ขอบคุณครับ อาจารย์ nmintra 555
ขอบคุณมากครับ คุณ tuknarak ;)...
แน่นอนครับ อาจารย์จัน จันทวรรณ 555
ขอบคุณที่แวะไปเยือนพร้อมกับวลีที่ทำให้ยิ้มได้ค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์
แฮะแฮะ ยินดีครับ คุณ tuknarak ;)...
เห็นด้วยกับครูนกครับ ชอบเหมือนกันเลย
ขอบคุณมากครับ "พี่หนาน" ;)...
...อ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ที่ www.visalo.org
_/\_
สาธุ
ขอบคุณมากครับ ท่าน สายน้ำความคิด ;)...