หลังจากได้แจ้งไว้ว่า ได้ถอดบันทึกของบล็อกเกอร์ Happy Ba ครั้งที่ 5 แล้วปรากฏว่า มีความผิดพลาด บันทึกหายไปหมด หลังจากนั้นก็มีภารกิจยุ่งๆ และกลับมามักจะลาจนไม่ได้เข้ามากลั่นกรอง บันทึกของท่านที่เหลืออีก แต่วันนี้ พร้อมแล้วค่ะ ที่จะนำใจของตัวเอง เข้าไปแทรกซึมความสุขของสมาชิกท่านถัดไป
17. บันทึกของคุณลูกหมูเต้นระบำ ย้อนอดีต อ.ไพบูลย์..เล่าให้ฟังหนังเรื่องอวตาร ที่ http://www.gotoknow.org/posts/533182
คุณลูกหมูเต้นระบำ มีแรงบันดาลใจที่จะเขียนบันทึกนี้ เนื่องจากได้มีโอกาส ฟังอ.ไพบูล วัฒนศิริธรรม ได้กล่าวถึง ชาวนาวี แห่งดาวแพนโดรา ซึ่งมีความพิเศษ ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีหาง ใช้หางในการสื่อสารและเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ต้นไม้ บรรพบุรุษ และอื่นๆ "ผมก็มานึกเอาเองว่าหากเรามีหางที่สามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้รับรู้ความ รู้สึกระหว่างกันบ้างก็น่าจะดีแน่ เพราะบางครั้งการที่เราไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกคนอื่นได้ สิ่งนั้นเองก็ทำให้คนอื่นก็ไม่เข้าใจเราเองเช่นกัน" อ.ไพบูลย์ ท่านประทับใจ สาระสำคัญของภาพยนตร์ "อวตาร"
คุณลูกหมูเต้นระบำจึงถอดบทเรียนจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้ได้รับรู้กันค่ะ
อวตาร เป็นเรื่องของดาวแพนโดร่า ที่ชาวนาวีอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้มีทรัพยากรแร่ธาตุที่มีค่า ตามความต้องการของมนุษย์โลกเรา นอกจากนี้ ชาวนาวียังมีจิตที่บริสุทธิ์ สามารถใช้หางเชื่อมต่อรับรู้รับฟัง สื่อสารกับธรรมชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่นานมนุษย์โลก ก็บุกไปถึงดาวแพนโดร่า โดยสร้างร่างเสมือนโดยใช้วิทยาการชั้นสูง ปลูกถ่ายเนื้อเยื่อในร่างนั้นที่เหมือนชาวนาวี โดยใช้จิตวิญญาณของเจ้าของเนื้อเยื่อ เป็นผู้กำกับควบคุมร่างนั้นอีกที ชายพิการขาคนหนึ่งเป็นอาสาสมัครในครั้งนี้ ที่จริงจุดประสงค์ ที่ส่งเขาไปแพนโดร่า ก็เพื่อสำรวจและหาแนวทางในการนำทรัพยากรนั้น กลับมาโลกมนุษย์
แต่การที่ได้มาอยู่กับธรรมชาติ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนาวี ที่มีความกลมกลืน เชื่อมประสานกับธรรมชาติ จนลึกซึ้ง ทำให้อาสมัครผู้นี้ บังเกิดความรักและศรัทธาชาวนาวี ที่สุดคณะวิทยาศาสตร์ ที่ร่วมมือกับพ่อค้า ที่ได้ลงทุนส่งเขาไปทำงานสำรวจนั้น ก็อดรนทนไม่ได้ ยิ่งเห็นพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไป ที่มีจิตสำนึกหวงแหนและอยากจะปกป้องรักษาแพนโดร่าอย่างจับใจ ทางคณะมนุษย์โลกจึงส่งกองทัพเข้าบุกทำลายดวงดาวอันสงบสันตินั้นทันที ทั้งชาวนาวีและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้รับการทำร้าย และทำลายพื้นที่ของเขาอย่างรุนแรง ที่สุดจึงได้รวบรวมกำลังต่อสู้ จนชาวโลกผู้บุกรุกนั้นพ่ายแพ้ไป.........
คุณลูกหมูเต้นระบำ เขียนไว้น่าประทับใจ ในบทส่งท้ายว่า
"ในหนังเขาอาจจะสร้างจินตนาการไปถึงดาวดวงอื่นแต่เรื่องจริงมันก็เกิดขึ้น บนดาวโลกของเรานี้แหละประเทศที่เจริญทางวัตถุมากๆ รุกรานเข้าไปในพื้นที่เพื่อเข้าไปแก่งแย่งกอบโกยทรัพยากร และ
มองว่าชาวป่า ชาวบ้านว่า "โง่" ไม่รู้อะไรทั้งๆที่ชาวป่าเขารู้จักโลกในธรรมชาติของเขาเป็นอย่างดี(ก็คง เหมือนกับว่ามนุษย์มีหางสื่อสารกับต้นไม้ได้กระมัง)คนในเมืองต่างหากที่ "ไม่รู้" และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับป่าและธรรมชาติ มีแต่การเสาะแสวงหาและใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้จักพอ"
เรารู้จักธรรมชาติดีแค่ไหน ?
รู้เท่ากับชาวดาวแพนเดอร่าไหม ?
แล้วเราเลือกที่จะทำลาย หรือเลือกที่จะรักษาธรรมชาติไว้ ?
ได้ถอดบันทึกเรื่องนี้เป็นครั้งที่สอง ความรู้สึกในสิ่งที่ได้รับจากบันทึกดีๆ นี้ ยังตื้นตันใจเช่นเดิมค่ะ
................................................................................................................
18. อีกครั้ง กับ " บ้านประจวบโชค" ต่อชีวิตเขา เติมชีวิตเรา เป็นบันทึกต่อไป ของคุณมะเดื่อ ที่นี่ค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/500083
คุณมะเดื่อขึ้นต้นบันทึกอย่างนี้ ทำให้อยากรู้ว่า เขากำลังจะไปไหนกัน ตามคุณมะเดื่อไปกันค่ะ
บ้านประจวบโชค เป็นสถานที่พักพิงสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณมะเดื่อเล่าว่า การที่มีผู้นำอาหารไปเลี้ยงผู้พักพิง และแถมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค เช่นที่คณะคุณมะเดื่อได้ทำในวันนั้น สร้างความยินดีปรีดาให้แก่พวกเขาอย่างยิ่ง สังเกตจากรอยยิ้ม ที่เปี่ยมสุข เมือ่พบเห็นคณะผู้ใจบุญ มีการจัดอาหารให้อย่างทั่วถึง บางคนเจ็บป่วยเดินออกมาไม่ไหว ก็จะนำไปให้ถึงที่ ส่วนคนที่ช่วยตัวเองได้ ก็กินอาหารอย่างเต็มที่ โดยมาตักคนละหลายๆรอบ
ผู้ยากไร้ที่นี่ มาจากทั่วประเทศ นับเป็นพื้นที่สำคัญ บางคนมาเพราะเจ็บป่วย มาเพราะไม่มีที่อยู่อาศัย ขาดผู้ดูแล ต่างๆนาๆ บางคนอยู่มานับสิบปี ไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลย และที่นี่ รัฐเป็นผู้อุปถัมภ์ทั้งหมด
ด้วยความเมตตาของคุณมะเดื่อ จึงได้สนทนาซักถามสาระทุกข์ของคนที่นั่น ดังมีรายหนึ่ง ที่รู้สึกท้อแท้ จนเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง ไปดุคำพูดจากใจดีๆของคุณมะเดื่อ ที่แบ่งปันแก่ชายคนนั้นกันค่ะ
"
ขออนุโมทนากับคุณมะเดื่อและคณะ ที่มีจิตเมตตามาสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้น หลายๆครั้ง ณ ที่บ้านประจวบโชคแห่งนี้ค่ะ
....................................................................................................................
19. บันทึก เรื่องเล่า....ถึงแม่ ของคุณอุบล จ๋วงพานิช กัลยาณมิตรอีกท่านหนึ่งของผู้เขียน ที่ได้เคยทำสิ่งดีงามร่วมกันมา วันนี้ขอถอดบทเรียนจากเรื่องที่คุณแม่เล่าให้คุณอุบลฟังนะคะ ที่นี่ค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/497227
คุณพ่อ และคุณแม่ของคุณอุบล รับราชการจนเกษียณ มีลูกทั้งหมด 9 คน แม้จะมีรายได้น้อย แต่คุณแม่มีความสามรถส่งเสียลูกให้ได้รับการศึกษาที่ดีกันทุกคน เพราะคุณแม่เป็นสุดยอดนักบริหารจัดการครอบครัวชั้นเยี่ยมค่ะ
ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะรับราชการ..
แต่ก็ทำไร่นาสวนผสมด้วย แม่จะลงทำสวนตอนเช้าทุกวัน เพราะแม่ตื่นแต่เช้า จะปลูกผักและดายหญ้าในตอนเช้ามืด ก่อนไปทำงานแม่บอกว่า ...
เงินส่วนใหญ่จะใช้ในการส่งลูกไปเรียนหนังสือ บางวันเงินไม่มี แม่ต้องตื่นแต่เช้าไปขายของ เช่น หน่อไม้ มะพร้าว หรือกล้วยน้ำว้า พอได้เงินมา ก็แบ่งให้ลูกไปโรงเรียนใช้ซื้อขนมกินบ้าง แต่อาหารกลางวัน พวกเราจะต้องห่อข้าวไปกินเอง
นอกจากนี้แม่จะจัดสรรที่ดินขาย เพื่อส่งลูกให้ได้เรียนหนังสือ แม่ขายที่ดินได้ ส่วนหนึ่งแบ่งมาเลี้ยงลูก ส่วนหนึ่งแบ่งไปซื้อที่ดินไว้ ทำให้แม่มีที่ดินมากมายเราจำได้ว่า..
ตอนเรียนหนังสือ เราได้รับทุนการศึกษามาตลอด เพราะแม่มีลูกหลายคน เราไม่เคยเรียนพิเศษ แม่กับพ่อจะสอนเอง แม่สอนเลขคณิต พ่อสอนวิชาศีลธรรม ภาษาอังกฤษ และความเป็นระเบียบวินัย
สิ่งที่เราได้ทักษะะจากแม่คือ
มาวันนี้...
แม่อายุ 85 ปี แม่ยังทำสวนได้สวยงาม ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ใด บ้านแม่จะสวยงาม ร่มรื่น น่าอยู่อ่านบันทึกแล้ว บังเกิดความรู้สึกอบอุ่น และมีความมั่นคงในจิตใจในทุกขั้นตอน ที่คุณแม่ดูแลครอบครัว และเป็นแบบอย่างนักสู้ ที่ขอแสดงความนับถือด้วยความเคารพค่ะ คุณแม่
........................................................................................................
20. ขอถอดบันทึกของคุณKunrapee ชื่อ ไฟไหม้ ที่..
http://www.gotoknow.org/posts/522260
เป้นบันทึกถึงน้ำใจ ที่หลั่งไหลไปช่วยคนๆหนึ่ง ที่บ้านไฟไหม้
คุณหน่อง เป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ วันนั้นไฟไหม้บ้านคุณหน่อง บ้านของ "หน่อง" อยู่ห่างไกล
กว่าความช่วยเหลือจะไปถึงไฟก็มอดเสียแล้ว น่าเศร้าใจกับวิกฤตการณ์ครั้งเลวร้ายในชีวิตที่เกิดขึ้น
หลายสิ่งอย่างที่ "หน่อง" และครอบครัวสร้าง+สะสมมาทั้งชีวิต หมดไปกับไฟ..
สลายไปกับตา เหลือเพียงตอ และซากไม้
นั่นคืออิทธิฤทธิ์ของพระเพลิง ในยามที่ได้ทำลายสิ่งใดในขณะที่คุณหน่องบังเกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและกำลังใจนั้น กลับมีสิ่งที่งดงามเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญนั้น
ความช่วยเหลือต่างๆหลั่งไหลมา ดั่งสายน้ำ ไม่ใช่เฉพาะที่โรงพยาบาลนะคะ
ชุมชนก็มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันผู้เขียนเห็นภาพประกอบบะันทึกนี้ แล้วชื่นใจ มีทั้งการไปเยี่ยมเยียนถึงที่ การวางแผนการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน การปิดประกาศช่วยเหลือคุณหน่อง นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น อยากรักษาไว้ในสังคมของเรา การเยียวยาที่บรรเทาบาดแผลแห่งหัวใจ ที่ได้ผลที่สุดคือน้ำใจ
บทส่งท้ายของKunrapee สร้างกำลังให้ได้กับทุกคนเลยค่ะ
บททดสอบของชีวิต บางคนได้โจทย์ง่าย บางคนได้โจทย์ยาก
แต่หากสามารถฝ่าฟันไปได้ก็คือผู้ชนะ
....................................................................................
ต้องบอกว่าถอดได้ระเอียดยิบและเต็มไปด้วยพลัง ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ..ที่ถอดความคิดออกมาให้อ่านครับ
สวัสดีค่ะคุณลูกหมูเต้นระบำ
ด้วยความยินดี
และตั้งใจถอดบันทึกนี้ค่ะ
เป็นบทเรียนและความสุขที่นำมาเผื่อแผ่แก่สมาชิกกันอีกครั้งนะคะ
สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะทำร้ายจิตใจจนเป็นแผลลึกมากเท่าใด
แต่น้ำใจจากคนรอบข้าง จะช่วยเยียวยารอยแผลเป็นนั้น ให้เจือจางลงในที่สุดค่ะ
ขอบคุณคุณตันติราพันธ์มากๆค่ะ
สวัสดีค่ะคุณคุณKunrapee
ยินดีค่ะที่ได้ถอดบทเรียน
จากบันทึกที่อ่านแล้วซาบซึ้งใจ
การช่วยเหลือเกื้อกูลที่ควรค่าแก่การสนับสนุนตลอดไป
มาอ่านและให้กำลังใจค่ะ
และให้ดอกไม้
พุทธรักษาค่ะ :)
สวัสดีค่ะคุณหนูรี
ขอบคุณมากค่่ะ ให้กำลังใจกันสม่ำเสมอนะคะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่นำบันทึกนี้มาเล่าต่อ
มาถึงตอนนี้ แม่มีความสุขจากการไปนั่งดายหญ้าในสวน ถึงแม้ว่าจะมีอาการขาชาจากโรคเบาหวาน
ถ้าเป็นความสุขของแม่ เราก็คอยดูแลแม่ไม่ให้เกิดอาการหน้ามืดจากภาวะน้ำตาลต่ำและเดินไปดูแลบ่อยๆ
และให้ทำ...พอให้แม่มีความสุขใจ จากภาระกิจที่คุ้นเคยค่ะ