การนำเสนอรายงานทางการเงิน
รายงานทางการเงินมี 2 ประเภท คือ รายงานทางการเงินที่นำเสนอบุคคลภายใน(Internal Report) และรายงานทางการเงินที่นำเสนอบุคคลภายนอก(External Report) รูปแบบการนำเสนอรายงานทางการเงินทั้ง 2 ประเภท มีลักษณะเป็นดังนี้
1. รายงานทางการเงินที่นำเสนอบุคคลภายใน จะจัดทำตามความต้องการข้อมูลของบุคคลภายใน เป็นการจัดทำรายงานทางการเงินที่ถูกต้องตามหลักเกรฑ์ที่รับรองโดยทั่วไป หรือไม่ก็ได้ เพราะผู้ใช้รายงานเป็นระดับผู้บริหาร ระดับหัวหน้างาน ระดับปฏิบัติการ ดังนั้นรูปแบบรายงานทางการเงินจึงไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการข้อมูลของแต่ละส่วนงาน การเขียนรายงานอาจเขียนในรูปของต้นทนุผันแปร หรืออาจเขียนในรูปของต้นทุนเต็มก็ได้ ขึ้นอยู่กับการนำข้อมูลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
2. รายงานทางการเงินที่นำเสนอบุคคลภายนอก จะต้องจัดทำให้ถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป เพราะผู้ใช้รายงานทางการเงินต้องการความถูกต้อง ชัดเจนโปร่งใส เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ ดังนั้นรายงานทางการเงินที่นำเสนอต่อบุคคลภายนอกจึงต้องมีการตรวจสอบและรับรอง มีลายมือชื่อและรายงานความคิดเห็นของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่ได้รับการรับรองให้เป็นผู้สอบบัญชีจากสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อเป็นการรับรองว่ารายงานทางการเงินนั้นมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป
คุณภาพของรายงานทางการเงิน
ผู้ใช้ประโยชน์จากรายงานทางการเงิน พิจารณาคุณภาพของรายงานทางการเงิน ได้จาก
1. การนำเสนอและแสดงข้อมูลทางการบัญชีถูกต้องตามควร
2. การเปิดเผยข้อมูลที่เพียงพอตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือตามมาตรฐานการบัญชี
3. การรับรองของผู้บริหารของกิจการว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้นมีอยู่จริง เกิดขึ้นจริง ข้อมูลครบถ้วนและคำนวณถูกต้อง
4. การจัดเรียงรายการ จัดประเภทรายการบัญชี ปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป
5. รายงานทางการเงินมีเนื้อหาที่จำเป็น เพียงพอต่อการตัดสินใจ ข้อมูลครบถ้วน ทันเวลา เป็นปัจจุบันทันต่อการตัดสินใจ เข้าใจง่าย ถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป
(ศึกษาเพิ่มเติมในแม่บทการบัญชี)
การนำเสนอและแสดงข้อมูลทางการบัญชีที่ถูกต้องตามตามควร ?
ทำไมการนำเสนอและเแสดงข้อมูลทางการบัญชีต้องใช้คำว่าถูกต้องตามควร เพราะรายการบัญชีบางรายการที่แสดงในงบการเงิน เป็นตัวเลขประมาณการ แต่เป็นการประมาณการตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป ภายใต้กรอบมาตรฐานการบัญชี ที่ได้วางแนวทางให้ปฏิบัติ และสอดคล้องกับประมวลรัษฏากร เช่น ลูกหนี้การค้าสุทธิ
ลูกหนี้การค้าสุทธิเกิดจาก การนำบัญชีลูกหนี้การค้าตามราคาทุน นำไปหัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 101(ฉบับเดิมฉบับที่ 11) เรื่องค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 101(ฉบับเดิมฉบับที่ 11)ได้วางแนวทางการคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้หลายวิธีที่เหมาะสม เช่น การคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากร้อยละของยอดขาย การคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดลูกหนี้การค้า การคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามอายุลูกหนี้
ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ คือ จำนวนเงินที่กิจการกันไว้สำหรับลูกหนี้การค้าที่คาดว่าจะเรียกเก็บเงินไม่ได้ ในทางทฤษฎีลูกหนี้การค้าจะมาจ่ายชำระหนี้ให้กิจการเมื่อถึงเวลาครบกหนด แต่ในทางปฏิบัติอาจมีลูกหนี้การค้าบางรายไม่สามารถนำเงินมาจ่ายชำระได้ตรงตามเวลา โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินเป็นเวลานาน หรือผลัดผ่อนการใช้หนี้ ถึงแม้กิจการจะมั่นใจว่าเมื่อครบกำหนดลูกหนี้การค้าเหล่านี้ต้องมาจ่ายชำระเงินก็ตาม จำเป็นต้องมีการประมาณการหนี้ที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้จำนวนหนึ่งเพื่อคำนวณหาบอดลูกหนี้การค้าให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงให้มากที่สุด เป็นหลักการจัดทำงบการเงินอย่างมีคุณภาพ(ศึกษาในแม่บทการบัญชี "คุณภาพของงบการเงิน")
ดังนั้นจะเห็นว่ารายการ ลูกหนี้การค้าสุทธิ เป็นรายการบัญชีที่แสดงตามราคาทุน หักด้วยตัวเลขประมาณการหนี้ที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้ ซึ่งผู้ทำบัญชีได้เลือกคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ที่เหมาะสมกับกิจการตามแนวทางมาตรฐานบัญชีที่กำหนดไว้ จึงเป็นการนำเสนอข้อมูลและแสดงข้อมูลทางการบัญชีที่ถูกต้องตามควร
ไม่มีความเห็น