จดหมายถึงครูl บทเรียนจากครูสู่การมองเห็นใจตน


จดหมายถึงครูl บทเรียนจากครูสู่การมองเห็นใจตน

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กราบสวัสดีค่ะครู

  ฉบับนี้เป็นการเขียนย้อนหลังแบบโดนกิเลสเล่นงาน ทั้ง ๆที่ตอนที่ครูย้ำตอนกลับว่า “ตั้งใจรักษาข้อวัตรนะ”

เป็นเสียงเบา ๆที่ทรงพลัง สั่นสะเทือนเข้าไปในใจ เพราะเรื่องของเรื่องตลอดกลางคืนหนูตั้งใจปฏิบัติรักษากับตนเอง แล้วก็มาเจอตอตอนจะส่งบันทึก ชั่วโมงเน็ตหมด เงินในมือถือก็หมด เอาหล่ะซิ หนูนึกขำปนสมเพชตนเองเรื่องการจัดการที่แย่ เล็กน้อยเจ้าค่ะ แต่ก็มองเป็นเพียงอุปสรรค ไม่ได้มีความโกรธตนเอง เหมือนเมื่อก่อน พอครูย้ำ ใจหนูจึงยิ้ม และรู้สึกขำตนเองที่แค่ตั้งใจก็เจอบทพิสูจน์ละ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หนูลดละ หรือ ท้อแม้ ถอยไปเจ้าค่ะ

  เช้าวันอาทิตย์เป็นวันที่เต็มอิ่ม ที่ครูปลุกหนูและแม่ออกน้อย หนูตื่นมาตั้งแต่ตี 3 ลุกมาดูนาฬิกา ทำวัตรแล้วก็โงนเงนกับตนเอง พอใกล้ ๆ ตีสี่ หนูเปิดประตูแบบว่าจะปลุกเด็ก ๆ เลยดีไหมนะ สักพักครูก็โทรมา อาหารเช้านี้ครูมาแบบจัดเต็มทั้งชนิดและปริมาณ ข้าวผัดรสอร่อย หมี่กะทิ ผัดกระเพราหมูหมัก หนูทำเอ็นไก่ทอดสมุนไพร ไข่ตุ๋น เสร็จภารกิจ กลับเข้าสำนักแม่ชี หนูยักแย่ยักยัน ไม่เข้าไปถามครูเรื่องรับข้าว “ครูจึงเรียกไปสอน”

ว่าให้ถาม ครูเป็นคนช่างคิดพิจารณา หาหนทางลดละตัวตน ไม่ได้คิดมาก คิดขยะเหมือนหนู

คำสอนครูสั้น ๆ แต่ลงเข้าไปข้างใน การคิด ไม่ผิด แต่ที่มันผิดเพราะคิดด้วยกิเลส แล้วเป็นความคิดขยะ ให้ฝึกหัดคิดในเชิงแก้ไขปัญหา คิดวางแผนในเชิงพัฒนาปรับปรุง หนูกลับเข้าไปตั้งสติกับตนเองจดโน๊ตสิ่งที่ต้องเตรียมในบาตรถวายครู ทบทวนกับตนเองนึกภาพว่าต้องยังไง เพราะปัญหาของหนูคือ ทำไม่ตรงคำสั่ง ต้องหาทางคิดภาพกับตนเองให้ออกว่า ต้องยังไง


กลับเข้ามาครูให้ทำภารกิจพาแม่ออกน้อยพรวนดิน ซักผ้ายางและปลูกต้นลีลาวดี ทำ ๆ ไปเด็ก ๆ ทำไม่ถูกเขาก็ทำใหม่ไม่เห็นเด็ก ๆจะขุ่นมัวหรือโกรธอะไร แต่พอหนูปลูกต้นลีลาวดีผิด ไม่ตรงกับที่ครูบอก พอครูว่า “หนูเข้าใจผิด” ใจนี้ดันขุ่นเคืองขึ้นมา

นี่ ไง จุดปัญหา ที่ทำให้หนูช้า ครูทักแทนที่จะแก้ กลับไปสร้างกระบวนการขุ่นมัว กว่าจะฝ่าด่านความขุ่นมัวในใจตนเอง ออกมาสู่การแก้ไข ก็แทบแย่ ผ่านได้บ้างไม่ได้บ้าง แถมพิษของความขุ่นมัวก็ไปทำร้ายครู นี่ซิประเด็น

ครูให้แนวทางแก้ไว้ว่า “รักษา ข้อวัตร” เป็นคำตอบที่ตอกย้ำข้างในใจ ข้อวัตรให้สติ สติให้ปัญญา

  แก้ไขเรื่องต้นลีลาวดีที่ไม่โอเค แล้วก็เอกิ่งที่เหลือ ชำลงดิน ทำไปมีน้องดุ๋ย ที่มาพักภาวนามาช่วยอีกคน ใจหนูยังปิดกั้น พูดกับน้องเท่าที่จำเป็น ลักษณธเป็นอาการไล่กราย ๆ ทั้ง ๆที่ น้องพึ่งมา หากจิตหนูมีเมตตาจริง ควรจะยิ้มเปิดใจ สื่อความเป็นมิตรให้กำลังใจน้อง อันนี้สมองคิดค่ะ แต่คำที่พูดออกไป

  “ขอบคุณมาก เสร็จละ ตามสบายจ๊ะ” คำพูดสวยแต่ ความรู้สึกไม่เป็นเชิงบวก นี่ก็ ธาตุแท้ของหนู ปากหวาน แต่ซ่อนอคติ สร้างภาพจนชิน ถามว่าอยากแก้ไหม คำตอบคือ “ถึงที่สุด” รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี ที่ยังงัดไม่ออกจากข้างในใจสักที จึงเป็น ปากหวานแบบแกน ๆ แต่ ไม่ออกมาจากข้างในใจ

  หนูเข้าแทบไม่ถึงข้างในใจตนเอง เพราะเหมือนมีเกราะบาง ๆ ของความคิด “ความอยากดูดี ซ่อนอยู่ค่ะครู”

มันคงถูกสั่งสมมานาน ตามเส้นทางการเติบโต นี่ก็ผิดศีลละ ข้อสี่แบบเต็ม ๆ ไม่ต้องไล่เรียงไปข้อไหน พ่วงมาด้วยใจที่หนักอึ้ง ก็เบียดเบียนตนนี่ก็ผิดศีลข้อหนึ่งแบบจัดหนัก

  เสร็จงาน ครูให้พาแม่ออกน้อยไปรับเพล แม่กุลเมตตามาตำส้มตำให้ทาน อิ่มอร่อยชื่นมื่นค่ะ ทานเสร็จเด็ก ๆ โดยการนำของน้องครีม มุ่งมั่นจะปลูกโสมที่ท้ายสวนสมุนไพร เสร็จแล้วกะว่าจะไปปลูกผักที่สวนท้ายสำนักแม่ชี แต่ทำ ๆ ไปฝนตก มดแดงกับดรีมเข้ามาพัก แต่น้ำตาลและครีม ยังขุดแปลงต่อ ฝนพร่ำ ๆ ไม่ตกหนักมาก ทั้งคู่มุ่งม่านมากค่ะครู หนูคอยให้กำลังใจและสอนทำแปลงผัก เสร็จเรื่องแปลงตั้งใจไปเก็บต้นโสมมาลงเลย ครานี้ฝนตกหนัก แต่ทุกคนก็ยินดีกางร่มไปเก็บ แล้วก็กลับมาปลูก เสร็จฝนตกหนักมาก จึงเข้าไปที่กุฏิแฝด พอเด็ก ๆ เข้าไปหมด หนูวิ่งออกมาสำรวจความเรียบร้อยเก็บของ เข้ากุฏิปรากฏว่า เปียก จึงเปลี่ยนผ้า ก่อนเข้าไปเด็ก ๆ เตรียมที่นอนเรียบร้อย ขอให้หนูเล่านิทานให้ฟัง เรื่องราวที่หนูชอบฟังช่วงนี้คือ ทศชาติชาดก และชาดก 500 ชาติ

 นึกถึงคำที่ครูบอกว่า ให้ศึกษาเยอะ ๆ วันนี้จึงได้โอกาสเล่าเรื่องพระเตมีใบ้ ชาติที่ 1 ใน 10 ชาติ เล่า ๆ ไป ใจหนูก็หวาดหวั่นบ้างรู้สึกว่า เรื่องหนักบ้าง เพราะทุกครั้งที่หนูพูดว่า พระเตมีใบ้โดนทดสอบ แต่พอท่านมีสติระลึกได้ว่า การเป็นพระราชา แล้วตัดสินผิด มีผลให้ตกนรก 84000 ปี ท่านไม่อยากตกนรกอีกแล้ว ใจหนูย้อนทวน มันกลัวนรกเจ้าค่ะ แล้วก็ตามด้วยพระองคุลีมาล และมัตถกุญทลี  แต่อารามเจอแมงป่องน้อย


 จึงย้ายมาหน้ากุฏิ แล้วก็ถ่ายภาพกัน พอครูกลับจากสอนชาวต้นกล้าหนูรู้สึกว่า ครูล้า พอครูบอกใก้ตาลเตรียมน้ำดื่มให้ นึกย้อนกับตนเอง โห ครูไม่ได้ทานน้ำ ไม่ได้พัก แต่ครูก็เมตตาสอนเด็ก ๆ และหนูต่อ ครานี้แต่ละคนซ้อน ๆ เข้ามาเจอครู แต่ครูก็ไม่ละโอกาส ให้กำลังใจทุกคนและให้หนูส่งเด็ก ๆ กลับบ้าน เสร็จภารกิจหนูกลับบ้านพ่อแม่ ครูโทรมาให้ทบทวนถอดบทเรียนกับตนเอง และให้กำลังใจ


  ก่อนถึงบ้านพ่อแม่ หนูแวะตลาดบัวขาว ซื้อเนื้อไก่ ผัก กะว่าไปทำอาหารให้พ่อแม่ อาทิตย์ที่แล้วพอใช้ได้ อาทิตย์นี้พอถึงบ้าน พ่อและน้าราญเปรย ๆว่า ไม่ต้องทำเยอะ จึงทำไก่ทอดกระเทียม และไก่ผัดขิงค่ะครู ให้น้องตาลช่วยชิม ท่าทางใช้ได้ทีเดียว ไก่ทอดหมด แต่ไก่ผัดขิงยังเหลือ


  การได้กลับบ้านทำอาหารให้พ่อแม่ ก็เหมือนได้เติมพลังให้ตนเองเจ้าค่ะ หนูกราบพระทำวัตรเย็น พอมานั่งหน้าคอมฯ แบบเปิดไว้เอียงข้างลงโซฟาก็หลับยาวเลยเจ้าค่ะครู นี่คือความจริงที่ย้อนหลังกับตนเอง ตั้งใจจะทยอยทบทวนถอดบทเรียนกับตนเองเจ้าค่ะ สาธุ


หมายเลขบันทึก: 538129เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2013 05:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2013 05:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท