จดหมายถึงครู l ดีใจที่ครูเตือน


แค่ตั้งใจก็มีอะไรมาขัดขวางแล้วใช่ไหมเจ้าค่ะ

จะว่าไปหนูน่าจะเข้าใจ จุดนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ขอโอกาสส่งบันทึกย้อนหลังเจ้าค่ะ 

นึกย้อนกับตนเองก็น่าตลกดี พญามารมาแบบเนียน ๆ จะโกรธก็โกรธไม่ออกได้แต่นึกขำ ตนเองเจ้าค่ะ สาธุ

....................

จดหมายถึงครู l ดีใจที่ครูเตือน

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กราบสวัสดีค่ะครู

  นักเรียนที่โหล่ เมื่อก่อนหากได้ยินคำนี้ข้างในคงจะเจ็บแค้น แต่มาทุกวันนี้ก็รู้สึกว่า “ใช่ละ”

ความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ปรารถนาจะค้นหามีน้อยจริง ๆ

เช้านี้หนูตื่นสาย กว่าจะส่งบันทึกล่าสุดก่อนออกไปทำอาหารเช้าก็ตีห้าครึ่ง ตอนแรกมีเสียงงอแงข้างในว่า ไม่อยากออกไป สุดท้ายมานึกได้อาทิตย์ที่แล้วครูเมตตาชี้อยู่นะว่า “ทำไมไม่ทำอาหาร”

จัดแจงผัดมะเขือยาวใส่ไข่ และหมูผัดผักกาดขาว คือทดลองใช้หมูแทนปลาทูเจ้าค่ะ รสชาตพอทานได้แต่ไม่ถึงกับน่าติดใจ

กลับเข้ามา ครูชี้ให้พาแม่ออกน้อยออกมาลานธรรมให้เช้าหน่อยเพราะช่วงนี้ พิธีที่ลานธรรมเสร็จเร็ว ซึ่งก็จริงอย่างที่ครูชี้ให้เห็น

  มีแม่ออกน้อยมาเพิ่ม คือ น้องดรีม จากที่เมื่อวานยืนส่งน้องมดแดงแบบตาละห้อย วันนี้ยิ้มแป้นมาแบบตั้งใจ

รับข้าวเสร็จที่ลาน ทุกคนช่วยกันเก็บเสื่อ ล้างบาตรเรียบร้อย หิ้วเก้าอี้ที่ครูเมตตาให้นำมาด้วยเดินจะถึง ครูบอกว่า

“ให้ไปซื้อกระเพรารวมมิตร”

แม่ค้าไม่อยู่ โทรตามแล้วก็ว่าอีกนาน จะขับรถไปรับให้มาทำให้ ดูท่าทางลูกสาวไม่ยอม

สุดท้ายเหมือนบุญหล่นทับหนูเจ้าค่ะครู

ลงมือทำเอง ใจก็รู้สึก เกรงจะไม่อร่อย

แต่ก็เต็มที่ พอได้นำมาให้ครูแล้วครูเอ่ยว่า “อร่อย”


แล้วรู้สึกได้ยิ้มอยู่ในใจเจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

วันนี้ก็ได้ทำการอุดรูกุฏิกันงูให้แม่ออกน้อย เหมือนหนูยึดงานเป็นที่พึ่งเจ้าค่ะ

พอครูมาแวะให้กำลังใจก็รู้สึกดี ใกล้ ๆ สิบโมงครึ่งเตรียมไข่เจียว และไปซื้อส้มตำ

เอาอีกแล้วค่ะครู แม่ค้าตัวจริงไม่อยู่ ลูกสาวตำ รสชาตไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ระหว่างทาน แม่กุลเมตตาตำมาให้ แม่ตึ่งผัดซีอิ้วมาสมทบ เป็นอาหารเพลที่เต็มอิ่มจริง ๆ เจ้าค่ะ

  กลับเข้ามาวันนี้ครูชี้ว่า “ทำงานไปสวดมนต์ไป ก็ไม่ต่างจากทำงานไปร้องเพลงไป ไม่ควรทำ”

เป็นอีกครั้งที่ถูกเตือนเรื่องเดิม

บ่าย ๆครูพาหนูและแม่ออกน้อยไปจ่ายตลาดโดยครูเป็นเจ้าภาพ พวกหนูเป็นแรง

ครูชี้ให้หนู “ทำทาน”

หากชีวิตเราไม่อัตคัดนัก ควรจะทำทาน ยิ่งอัตคัดยิ่งต้องทำทาน เพราะภายภาคหน้าจะได้ไม่ลำบาก

จะว่าไปชีวิตหนูมีปัญหาเรื่องการจัดการมากกว่า พอมองย้อนเข้ามาที่ตนเอง หากจัดคิวดี ๆ ก็น่าจะพอขยับอะไรได้

นี่เป็นจุดชี้ว่า “ใจตระหนี่ ทำให้ทำทานไม่ค่อยเป็น”

การมาที่นี่คือ “มาฝึก ทาน ศีล ภาวนา”

ทานด้วยการเสียสละเวลาส่วนตัว ปัจจัยส่วนตัว

ช่วงเวลาที่ต้องทำทานก็ให้ ทำทานเต็มที่ ศีลต้องมีตลอด ภาวนาเมื่อถึงเวลาก็เร่งเอา

นี่คือส่งที่ครูชี้แล้วข้างใน รับทราบ

หากอยากจะก้าวหน้า ต้องรักษาข้อวัตร

ถ้าทำได้แบบเป๊ะ จนครบสามเดือนเห็นผลแน่ แต่นี่ สี่ปีมาละ แต่ไม่เป๊ะสักที

ก็เลยออกอาการ เดี๋ยวดี เดี๋ยวแย่

จะว่าไป ข้างในก็ยังไม่ต่างจากเมื่อก่อนนั้นเจ้าค่ะ

ยังแสบ ซ่าส์ ร้ายไม่หยอกเลยทีเดียวกับทีเผลอที่ความชั่วแหลมเข้ามาในจิต

สิ่งที่ครูชี้วันนี้ ใจข้างใน รู้สึกดีเจ้าค่ะ รู้สึกขอบพระคุณ

ทำให้ข้างในคิดถึงคำวัยรุ่นที่บอกว่า “หากทำได้แบบเป๊ะเวอร์ เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”

อันนี้เป็นที่ดังข้างในกับตนเองเจ้าค่ะครู

กราบขอบพระคุณที่เมตตาตักเตือนสั่งสอน ไม่ให้มัวแต่นอนเป็นเปรตเจ้าค่ะ  สาธุ 



หมายเลขบันทึก: 538067เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2013 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2013 13:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท