จากการที่ข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องเล่าของเพื่อนในห้องเรื่อง เพราะเพื่อนได้ศึกษาเรื่องจาก สารานุกรมวิชาชีพครู เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี นโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการนั้นได้กำหนดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันและมีคุณภาพอย่างทั่วถึง จากสภาพภูมิประเทศของจังหวัดทางเหนือ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นมีลักษณะ้เป็นภูเขา เดินทาง การติดต่อสื่อสารลำบากมาก และรัฐบาลไม่สามารถที่จะจัดให้เรียนในรูปแบบปกติได้ ทาง ดร.สนิท ยี่รงค์ ท่านได้ริเริ่มโครงการการจัดการศึกษาสำหรับเด็กกลุ่มด้อยโอกาสทางการศึกษา และวิธีหนึ่งที่ข้าพเจ้าชื่นชอบคือ ครูหลังม้า โดยครูเหล่านี้จะขี่ม้าไปยังหย่อมบ้านที่มีขนาดเล็ก (หย่อม = คือบ้านมีขนาด 5-10 หลังคาเรือน) โดยที่จะบรรทุกสื่อการเรียนการสอนที่จะสอนให้ผู้ด้อยโอกาสอย่างทั่วถึง เพื่อมุ่งพัฒนาความรู้ ความสามารถและทักษะพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของชาวเขา เช่น ความรู้และพื้นฐานทางภาษา และคณิตศาสตร์ ความสำนึกในความเป็นไทย สุขภาพอนามัย ความขยัน ความรับผิดชอบ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ครูหลังม้าเป็นบุคคลที่เสียสละเป็นอย่างมากที่ช่วยพัฒนาคนบนดอย หรือชาวเขาได้มีความรู้ ในเรื่องการ ดำรงชีีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งได้ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับประเทศชาติ หน้าที่ของรัฐตอนนี้คือการให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือในด้านการศึกษา ไม่มีแต่เด็กบนดอย หรือเด็กชาวเขา แต่ยังมีตามเกาะแก่ง หุบเขา เด็กเร่ร่อน เด็กไร้สัญชาติ อื่น ๆ อีกมากมาย ที่รัฐจะต้องให้ความสนใจ เพราะเด็กเหล่านี้ ถ้าไม่ได้รับการศึกษาจะถูกชักจูงไปในทางที่ผิดได้ง่ายกว่าเด็กที่ได้รับการศึกษา และจะเป็นสาเหตุของอาชญากรรมที่ร้ายแรงได้ เด็กที่ได้รับการศึกษาเด็กจะรู้จักคิดเป็นว่าสิ่งไหนถูก หรือสิ่งไหนผิด รัฐต้องเร่งพัฒนาในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
ครูหลังม้าครูผู้เสียสละของเด็กดอย
นอกจากจะเป็นครูแล้ว ยังต้องเป็นนักขี่ม้าอีก
ชื่นชมจริงๆครับ
ชื่นชมและขอเอาใจช่วยครับ
ตอนเด็กเคยรู้จักครูหลังม้าชื่อไพรัช สู่แสนสุข ปัจจุบันท่านสอนอยู่ มรภ พระนครครับ...
...ขอชื่นชมในความเสียสละค่ะ...ที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นครูที่เสียสละมากแล้ว...เพิ่งรู้ว่ายังไม่เท่าครึ่งในความเสียสละของครุหลังม้า...
ผมก็เป็นผลผลิต 1 ในโครงการนี้