ทัศนศึกษากับวัฒนธรรมไทย




ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา สำนักการศึกษาเทศบาลนครนนทบุรี  จังหวัดนนทบุรี  ได้จัดโครงการทัศนศึกษาสำหรับบุคลากรทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้อง ณ ภาคตะวันตก จ.ราชบุรีและ จ.กาญจนบุรี

ในระหว่างวันที่  ๑๓ – ๑๕  พฤษภาคม  ๒๕๕๖ ขึ้น  ครูอาจารย์ทุกคนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานที่ที่ไปทัศนศึกษาครั้งนี้ เป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ด้วยงานและภารกิจของแต่ละบุคคล จึงอาจทำให้ไม่ได้ไปศึกษาวัฒนธรรมไทย  ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยพร้อมกับทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหลายสถานที่พร้อมๆ กัน อีกทั้งยังช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้มากทีเดียว เพราะของฝากที่ซื้อกันทำให้ที่นั่งในรถน้อยลงไปจริงๆ

  อีกทั้งในระยะเวลาของการเดินทาง ทางสำนักการศึกษาได้จัดหาวิทยากรผู้มีความรู้ ความสามารถมาจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อให้ครูอาจารย์ทุกท่านได้แสดงความคิดเห็น และช่วยกันแก้ปัญหาตามสถานการณ์ของฐานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 

สถานที่สำคัญในการทัศนศึกษา คือ

วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี  ห่างจากเขื่อนแม่กลองประมาณ 5 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวต่างมาวัดถ้ำเสือเพื่อกราบนมัสการพระธาตุ และพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี  องค์พระสวยงามประดับด้วยโมเสทสีทองทั้งองค์  เมื่อเดินทางมาถึงด้านบนก็พบกับความใหญ่โต กว้างขวางของบริเวณวัดและได้รับความสดชื่นจากสายลมที่พัดเย็น เมื่อมองไปด้านล่างเห็นเป็นทุ่งนาเขียวขจีสวยงามมาก

วัดหนองหอย

วัดหนองหอยเป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2416 ตั้งอยู่ในเขต ต.เขาแร้ง อ.เมือง จ.ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร  ในปัจจุบันนี้วัดหนองหอยเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วไป เนื่องจาก มีรูปเหมือนองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ประดิษฐานอยู่ยอดเขาหนองหอย ซึ่งจะเรียกกันว่า "เขาเจ้าแม่กวนอิม วัดหนองหอย" เป็นที่ลำลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากไม่ว่าจะขออะไรก็ได้ดังใจ จะมีผู้คนมาสักการะบูชากันมิขาด โดยเฉพาะในวันเทศกาลหรือวันหยุด

ถ้ำกระแซ

  ถ้ำกระแซ  ถ้ำประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 55 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 กิโลเมตรที่ 29–30 ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี–น้ำตก เป็นถ้ำที่อยู่ติดกับบริเวณการสร้างเส้นทางรถไฟที่เป็นช่วงหน้าผาพอดี ซึ่งเป็นจุดที่สร้างยากและยังเชื่อกันว่าจุดนี้ เป็นจุดที่อันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ในอดีตเชื่อกันว่าเคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเดินทางมาเที่ยวถ้ำกระแซนั้นสามารถทำได้อย่างสะดวกสบายและไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยวชม อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงได้อีกด้วย ลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำขนาดเล็กๆ สามารถเข้าไปไหว้ขอพรหลวงพ่อถ้ำกระแซ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ชาวบ้านในเขตพื้นที่ใกล้เคียงให้ความนับถือและขอพรกัน  เป็นสถานที่สำคัญสำหรับการเดินบนเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่มีความยาวกว่า 450 เมตร บนหน้าผาเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในลำน้ำแควน้อยซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก พร้อมกับเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นหลากหลายประเภท 

ทางรถไฟสายมรณะ

  ทางรถไฟสายมรณะ ทำการสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นขอยืมเงินจากรัฐบาลไทย จำนวน 4 ล้านบาท การก่อสร้างใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกรื้อทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์ทางรถไฟสายนี้ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น เนื่องจากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้าง เป็นของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา เหตุที่ทางรถไฟสายนี้ได้ชื่อว่า ทางรถไฟสายมรณะ เนื่องมาจากในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดีย อีกจำนวนมาก  มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า เพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังพล เพื่อจะไปโจมตีพม่าและอินเดียต่อไป  ซึ่งขณะนั้นเป็นดินแดนในอาณานิคมของอังกฤษ  เส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง ทางรถไฟสายนี้สร้างเสร็จเมื่อวันที่  25 ต.ค. พ.ศ. 2486  และเปิดใช้วันที่  25  ธันวาคม  พ.ศ. 2486  หลังสิ้นสุดสงครามรัฐบาลไทยต้องจ่ายเงินจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อซื้อทางรถไฟสายนี้ จากอังกฤษ  เส้นทางรถไฟสายนี้เป็นอนุสรณ์ของโลกที่จารึกความโหดร้ายทารุณของสงครามโลกครั้งที่  2  และเป็นอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตในสงครามด้วย 

  ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณถ้ำกระแซ ที่เส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถไฟขบวนปกติทุกวัน และจัดขบวนพิเศษ สายกรุงเทพ - น้ำตกไทรโยคน้อย ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย

  ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม 

  http://travel.thaiza.com/ 

  http://www.UnseenKanchanaburi/ www2.kru.ac.th/ 

  http://www.thai-tour.com/thai-tour/central/rachburi/ 

  http://www.paiduaykan.com/province/central/kanjanaburi/wathumsua.html

  http://www.foodtravel.tv/travelshow_Detail.aspx?viewId=47

……………………………………………………………….....................

กิจกรรมการฝึกอบรม

ฐานที่ 1

อุโมงค์กลุ่ม  การเข้ากลุ่มโดยอาศัยกระดาษแผ่นเดียวทำเป็นบ่วงอันใหญ่ที่คนทั้งกลุ่มสามารถรอดออกไปอีกฝั่งได้โดยที่บ่วงที่ทำจากกระดาษแผ่นเดียวต้องไม่ขาดจากกัน

ฐานที่ 2

อุดรูรั่ว  ให้คนทุกคนในกลุ่มช่วยกันอุดรอยรั่วของท่อ โดยมีคนตักน้ำมาใส่จนน้ำเต็มท่อและลูกปิงปองที่อยู่ก้นท่อสามารถลอยขึ้นมาด้านบนท่อได้มากที่สุด

ฐานที่ 3

เติมน้ำให้เต็ม  การโยนถุงน้ำให้กันเพื่อนในกลุ่มที่อยู่อีกด้านหนึ่ง โดยที่ผู้โยนห้ามเปลี่ยนตำแหน่งการยืนที่อยู่ตั้งแต่ครั้งแรก

ฐานที่ 4

ลำเลียงลูกกอฟล์  เป็นการวางลูกกอฟล์ลงบนท่อที่ผ่าครึ่ง เพื่อให้ลูกกอฟล์กลิ้งผ่านตามท่อที่ยาวประมาณ 1 ฟุต โดยที่หนึ่งคนสามารถถือท่อได้เพียงสองอัน และวิ่งมาต่อกันจนสุดทาง เพื่อวางลงในภาชนะด้านหน้าให้ได้มากที่สุด  เมื่อลูกกอฟล์กลิ้งผ่านไป ห้ามมิให้หล่นกลางทาง ถ้าลูกใดหล่นต้องเริ่มวางบนท่อใหม่อีกครั้ง

ข้อคิดที่ได้จากการร่วมกิจกรรมการฝึกอบรม

1.)  การทำงานแต่ละงานต้องอาศัยความสามัคคีของคนในกลุ่ม บุคคลเพียงคนเดียวไม่สามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์

2.)  การรับฟังความคิดเห็นของคนในกลุ่มเป็นสิ่งสำคัญ ประสบการณ์และคำแนะนำที่ดีมีประโยชน์ในการทำงานร่วมกันเสมอ

3.)  การทำงานต้องอาศัยความละเอียด รอบคอบ มองเห็นผลที่จะตามมาหรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่มองเพียงสิ่งที่อยู่ในปัจจุบันเท่านั้น

4.)  การวางตำแหน่งในการทำงานของบุคลากรและผู้ร่วมงาน เป็นสิ่งสำคัญ งานจะเสร็จสมบูรณ์ได้ถ้ารู้จักการให้งานที่เหมาะสมและสมควรกับความสามารถของแต่ละบุคคล

5.)  ความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานและอยู่ร่วมกันในสังคม เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความไว้ใจซึ่งกันและกัน ทำให้งานประสบผลสำเร็จด้วยดี

……………………………………………………………………………


หมายเลขบันทึก: 537157เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2013 13:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2013 13:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท