Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

รู้ระบมกับเวทนา


เราได้นั่งสมาธิและเดินจงกรมแล้ว รู้สึกสนุกกับกรรมฐานหรือยังค่ะ เพื่อนๆ  คริ คริ อ๊ะๆ ทำหน้าแบบนี้ ถ้าจะยังไม่สนุก สงสัยยังเดิน ยังนั่งไม่ได้เกินอย่างละ 1 ชั่วโมง ก็เลยยังไม่สนุก 55 งั้นแพรจะแนะนำความสนุกในเวทนาให้อ่านนะคะ เราจะได้สนุกกับกรรมฐานไปด้วยกัน

ถ้าอยากสนุกต้องเห็นเวทนาค่ะ เพื่อนๆ เห็นเวทนาหรือยังค่ะ มันมาให้เห็นชัดในสมาธิกันเลยค่ะ

ไม่ใช่ว่าปกติมันไม่มีนะคะ มันมี มันทุกข์ แต่พวกเราไม่รู้ พวกเราไม่ทัน พวกเราไม่เข้าใจค่ะ

คนที่ไม่ปฏิบัติธรรมจึงไม่รู้ว่ามัน คือ เวทนา มันคือทุกข์ มันคือธรรมะ

แล้วเวทนา คือ อะไรรู้ไหมค่ะ

เวทนาก็ คืออารมณ์ อารมณ์ที่เป็นสุข อารมณ์ที่เป็นทุกข์ อารมณ์ที่ไม่สุขไม่ทุกข์ค่ะ อ่านแล้วงงไหมค่ะ

แพรจะอธิบายและแนะนำวิธีดูแบบสนุกๆ มันส์ เล่าประสบการณ์ไปด้วย อย่างนี้นะคะ


1.  สุขเวทนา

อารมณ์แบบว่า รู้สึกเบา สบาย สงบ นิ่ง มีความสุข ก็เรียกว่า สุขเวทนา ค่ะ

อารมณ์แบบนี้ ช๊อบ ชอบเนาะ อยากให้มีแล้วมีอีก อยากให้เกิดบ่อยๆ เยอะๆ 55

อารมณ์มีความสุข สบาย สงบ สันติ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยค่ะ

เข้าใจแล้วล่ะกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนไว้ว่า


นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ”

สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี”


สุขสุดยอด มันสุขเย็นค่ะ ไม่มีความสุขใดๆทางโลกจะมาแทนได้

สุขแบบนี้ มีเงินร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้านก็ซื้อไม่ได้ค่ะ

เพราะมันไม่มีขาย อยากได้ต้องทำกรรมฐานเองค่ะ

555 สนไหมๆๆ อยากได้ไหมสุขแบบนี้


ในความเป็นจริงนะคะ ไม่ค่อยเจอค่ะอารมณ์นี้ แบบว่า เค้านานๆมาทีคะ

มาแล้วหายไป มาแป๊ปเดียวเอง ยังไม่ทันทำอะไร ก็ไปล่ะ น่าเสียดายจริงๆค่ะ เหมือนกินยังไม่ทันอิ่มก็ไปแล้ว เฮ้อ...

อยากให้มาก็ไม่มา (เห็นไหมค่ะ ว่าเราบังคับมันไม่ได้)

โมโหแล้วนะ ปล่อยให้รอตั้งนาน (เริ่มทุกข์แล้วเห็นไหมค่ะ)

ใจเราก็ปรุงแต่งให้ไปเจอเวทนาทางใจอีกอัน ค่ะ

ตรงนี้ดูให้ลงไตรลักษณ์ไว้นะคะ แล้วจะผ่านไปด้วยดีค่ะ


2.  ทุกข์เวทนา

อารมณ์แบบนี้เจอบ่อยค่ะ มาทั้งทางกายและทางใจ มาง่าย มาเร็ว แต่อยู่นานและนานมาก

แบบว่า ปวดขา ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดระบม

อากาศร้อน อากาศหนาว หิว กระหาย เหนื่อย เบื่อ ก็เป็นเวทนาทั้งนั้นค่ะ

เจอง่ายค่ะ เจอบ่อย เจอกันตลอด เหมือนเพื่อนสนิทเลยค่ะ

ไม่อยากเจอ ไม่อยากได้ ไม่อยากอยู่ด้วย ไม่อยากทนไม่อยากสนใจ

ก็ต้องทน ต้องอยู่กันไปค่ะฮือๆๆ


เพราะอะไรหรือค่ะ ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกที่กำหนดไว้น่ะสิค่ะ

ถ้าเลิกก่อน ออกจากสมาธิก่อนเวลาที่กำหนดไว้ เราก็เป็นคนขี้แพ้ ไม่มีสัจจะ

เหมือนนักเรียนสอบไม่ผ่าน ต้องซ้ำชั้นค่ายอมแพ้เรื่อยไปก็ไม่ได้อะไรไงค่ะ

แทนที่จะสนุกกับกรรมฐานก็กลายเป็นทุกข์กับกรรมฐาน

เฮ้อ!...ทนๆหน่อยนะคะ อย่าเพิ่งยอมแพ้อะไรง่ายๆค่ะ

ก็เลยต้องทนทุกข์ ทรมานและขมขื่นกันต่อไปค่ะ ฮือๆๆ


ถึงเวทนาเค้าจะน่ารังเกียจ ไม่น่ารักนะคะ แต่เค้าก็มีดีนะคะ

มีดีตรงไหนหรือค่ะ  หาไม่ยากหรอกค่ะ คริ คริ

ให้เรารู้จักทุกข์ ให้เรารู้จักทน ให้เรารู้จักทรมาน

ให้เรารู้จักว่าในความทุกข์ เราก็ยังมีความสุขและอยู่กับทุกข์มันได้อย่างมีความสุข

สุดยอดแห่งการรู้จักเวทนา คือ เห็นเวทนาในเวทนา ยังไงละคะ

มันส์ค่ะ มองดู แล้วรู้มันไป รู้อย่างเดียวเลยค่ะ


ไอ้ที่บอกว่า มันปวดน่ะ

มันเริ่มปวดตรงไหน ปวดตอนไหน เห็นความปวดที่มันค่อยๆเข้ามาไหมค่ะ

มันจะเริ่มร้อนๆก่อน แล้วค่อยปวดหรือเปล่า


มันปวดตรงไหน แบบว่า มันปวดที่กล้ามเนื้อ ปวดที่เส้นเอ็น หรือปวดที่กระดูก


มันปวดยังไง แบบว่า มันปวดตุ้บๆ ปวดหน่วงๆ ปวดจี๊ดๆ ปวดคันๆหรือปวดหาย ๆ


แล้วใจเราล่ะ พอรับรู้ว่ากายมันปวด ใจเราเป็นยังไง


เห็นไหมค่ะ  อาการที่ใจมันกระสับกระส่าย ร้อนรน ทุรนทุราย


เห็นไหมค่ะ  ใจมันบอกว่า ให้ขยับขาหน่อยสิ จะได้หายปวดทรมาน


เห็นไหมค่ะ  ใจมันไม่สู้ มันยอมแพ้ มันบอกให้เราออกจากสมาธิ เลิกเหอะๆ

ถ้าไม่เห็นอะไรเลย รู้ว่าปวด ทรมานอย่างเดียว มันจะไม่สู้ค่ะ


พอเราออกจากสมาธิเลย เราก็ไม่มันส์แล้วนะคะ

อดทนต่ออีกนิด รอให้นาฬิกามันตีบอกเวลาว่าครบตามที่เราตั้งใจไว้แล้ว

รออีกหน่อย พยายามดูเวทนา ดูความปวดทางกายและความปวดทางใจไป

องค์ภาวนา อย่าทิ้ง อย่าลืมนะคะ “พองหนอ ยุบหนอ”

ดูท้องพอง ท้องยุบไว้ค่ะ


ถ้ารู้สึกปวดมากก็ภาวนาว่า “ปวดหนอ รู้หนอ”

ดูไปด้วยนะคะว่า ปวดตรงไหน รู้ยังไง

ถ้ามันปวดมากๆ นะคะ แล้วทนดูไม่ไหว ก็ภาวนาว่า “รู้หนอ นั่งหนอ”

ถอยใจมาดูห่างๆค่ะ แล้วภาวนาองค์ภาวนาให้แนบแน่น “พองหนอ ยุบหนอ”

“พองหนอ ยุบหนอ” เร็วขึ้น ตามระดับการปวดนะคะ


ให้ค่าความปวดไปเลยค่ะ 1- 10 ตอนนี้ปวดที่เจอ มันอยู่ในระดับไหน

อย่าลืมนะคะ ถ้ายิ่งปวดมาก ยิ่งภาวนา “พองหนอ ยุบหนอ” ให้เร็วมากขึ้น ตามระดับความปวดนะคะ


อย่าเพิ่งถอยค่ะ สู้กับมันต่อ ยังไม่หมดเวลาค่ะ 555

สู้ๆ ค่ะ “พองหนอ ยุบหนอ” “พองหนอ ยุบหนอ” “พองหนอ ยุบหนอ”


ไม่ต้องกลัวนะคะ ความปวดจะเพิ่มระดับมากขึ้น

โดยเฉพาะความปวดที่ขา เราจะเห็นความปวดหรือเวทนาชัดเจนมากๆ แจ่มสุดๆ บ่องตงๆ

คอยให้กำลังใจตัวเองไว้นะคะ สู้ไว้ๆ อย่าเพิ่งถอย

ดูไปด้วยนะคะว่า ปวดตรงไหน รู้ยังไง

เห็นไหมค่ะ  มันปวดแล้วหาย ปวดแล้วหาย ๆ ปวดตรงนี้ แล้วไปปวดตรงโน้น


คราวนี้มารจะเข้ามาบอกเราว่า ออกเหอะๆ ออกจากสมาธิเหอะ

ถ้าไม่ออกเดี๋ยวตายนะ ต้องตายแน่ๆ ถ้าทนต่อไปนี่

ออกมาเหอะไว้ค่อยมาสู้ มาดูกับมันใหม่ (เวทนา) นะ (มารก็อ้อนเป็นนะคะ)

รู้จักกับเพื่อน "มาร" ของเราได้ที่นี่ค่ะ

http://www.gotoknow.org/posts/535782


เราก็จะรีบออกมาทันทีค่ะ ถ้าเพิ่งหัดใหม่ จิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ รีบยอมแพ้เลยค่ะ (แพรเป็นบ่อย55)

แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ อยู่ในคอร์สหลายวันแล้ว สติ สมาธิ เริ่มมีมากขึ้น

ฟังธรรมจากหลวงพ่อบ่อยๆนะคะ ใจจะฮึดสู้ขึ้นมาค่ะ


อย่างที่หลวงพ่อคอยเทศน์สอนพวกเรานะคะ

ให้สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ให้สละชีวิตเพื่อรักษาธรรมะ(ฟังตอนแรกยังไม่เข้าใจ ภาวนาไปแล้วจะอินค่ะ)


มือใหม่หัดภาวนา แรกๆ อย่างเรานี่จะยอมสละธรรมะเพื่อรักษาชีวิตค่ะ คริ คริ (ละอายใจนิดๆค่ะ)

อารมณ์แบบว่า ตามใจมารค่ะ รู้เค้าหลอกแต่ก็ยอมให้หลอกค่ะเพราะไม่อยากทนปวดอีก (แบบว่าใจไม่ด้านพอๆ)


มารจะคอยเข้ามาบอกเราว่า ออกเหอะๆ เดี๋ยวจะตายเอาน่ะ ออกจากสมาธิเหอะ

รีบเชื่อ รีบออกเลยค่ะ (ไม่เป็นทุกคนนะคะ อารมณ์นี้ สำหรับบางคนที่ทนไม่ได้ เท่านั้นค่ะ)


แต่พอเครื่องร้อนแล้ว ใจมันสู้ค่ะ มันฮึด มันอึ๊ดขึ้นมา

ยิ่งหลวงพ่อเทศน์สอนไว้ว่า ไม่มีใครเคยตายในสมาธิ ในการภาวนา ให้สู้ต่อไป ภาวนาต่อ

ถ้าใครตายหลวงพ่อจะจัดงานศพให้ ขอพระราชทานเพลิงศพให้ด้วย


(ตอบในใจว่า) จริงๆนะคะ หลวงพ่อ จัดงานศพให้หนูจริงๆนะคะ หนูสู้ คราวนี้ หนูตายแน่ๆ

งั้นหนูสู้ตายค่ะ จากที่ถอยๆไว้ว่าจะเลิกแล้ว มันฮึด มันอึ๊ดขึ้นมาอีกแล้วค่ะ ฮึ้บ!..

เอาว่ะ ตายเป็นตายให้มันตายไปเลย ยอมตายเพื่อธรรมะ (คิดได้เอง เริ่มใจถึงแล้วค่ะ)

ทั้งๆที่รู้สึกว่า มันปวดจะตายอยู่แล้ว ปวดมาก ตายแน่


หลวงพ่อบอกว่า ตายในสมาธิ จะได้ไปเกิดเป็นเทวดา

เอาก็เอา มันฮึด มันอึ๊ดขึ้นมาอีกแล้วค่ะเพื่อนๆ ยังค่ะ ภาวนาสู้ต่อค่ะ ยังไม่ยอมแพ้ (ใจถึงสุดๆ ยอมตายแล้วนะคะ)

ไม่หมดเวลา ไม่ลืมตา ไม่ลุกจากที่นั่ง ไม่ขยับขา“พองหนอ ยุบหนอ” ๆ (ใจเธอสวยมาก)

ให้มันปวดจนตายตรงนี้แหละ ฮือๆๆ  “พองหนอ ยุบหนอ” ๆ

ใจเย็น อดทนภาวนาต่อไป เจอแบบนี้ แล้วข้ามไปได้ จะได้ของดีค่ะ


สู้ๆนะคะ เพื่อนๆ อย่ายอมแพ้สู้ๆ

เราเป็นนักรบของพระพุทธเจ้า  นี่คือ สงครามข้ามภพข้ามชาติ ของจริงค่ะ

ที่เราต้องเจอ ต้องเจ็บอีกนานชั่วกัปปชั่วกัลป์ ในวัฏฏสงสาร ถ้าเราไม่สู้ ถ้าเราไม่พยายาม

เราก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่งี้ล่ะ ไม่ดีเลยค่ะ


3.  อุเบกขาเวทนา 

อารมณ์แบบว่าเฉยๆ นิ่งๆ สงบ ไม่กระเพื่อม เป็นอารมณ์ของฌานค่ะ

ได้เวทนานี้ จะได้ฌานที่ 4  ค่ะ

ไว้ค่อยมาเล่ารายละเอียดกัน ตอนนี้ยังไม่ได้ง่ายๆหรอกค่ะ ทนปวดให้ได้ก่อนเถอะค่ะ

แต่รู้ไว้นิดนึงเท่านั้นค่ะ ได้ ฌานที่ 4 จะเกิดอิทธิฤทธิ์ ว้าว....น่าสนใจไหมค่ะ



เป็นไงบ้างค่ะเพื่อนๆ ปฏิบัติธรรมกันแล้ว เห็นอาการเกิดของเวทนาเป็นยังไงแล้ว

ความหนาว ความร้อนความหิว ความกระหาย เป็นทุกขเวทนา เห็นไหมค่ะ 

การอยากได้ของที่ชอบใจเป็นสุขเวทนา  เห็นไหมค่ะ 

รู้ว่าเวทนามันเกิดขึ้น แล้วก็สลายตัวไป   เห็นไหมค่ะ 

ไม่มีอะไรคงที่ มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเหมือนกัน


เพื่อนๆ เห็นไตรลักษณ์ไหมค่ะ

แล้วรู้สึกสนุกกับกรรมฐานหรือยัง

เคล็ดลับของความสนุก ก็คือ ดูเวทนานี่ละคะ

ถ้าอ่านอย่างเดียว ไม่ปฏิบัติ จะไม่เห็นค่ะ ว่ามันสนุกจริงๆ


มันมันส์ มันสนุกมากๆเลยค่ะ ขอบอก

เป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ค่ะ

ดูเวทนาแล้วฝ่านิวรณ์ 5 ไปให้ได้นะคะ

http://www.gotoknow.org/posts/536172



หมายเลขบันทึก: 536470เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2013 21:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2013 08:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท