ปฎิรูปการศึกษา..ด้วยไข่เจียวใบเดียว


ปฎิรูปการศึกษา..ง่ายจริงเจียว...ขอไข่เจียวใบเดียว

ผมได้คิดค้นวิธีการเรียนรู้แบบบูรณาการนี้ไว้ครั้งแรกประมาณปีพศ. ๒๕๕๒ ที่บอร์ด “ลานปัญญา”  โดยผมขอใช้สื่อการปรุงอาหารเป็นสื่อในการเรียนรู้ของเด็กๆ  ทีผมสามารถรวมการเรียนรู้ทุกสาขาวิทยาการมาอยู่บนกระทะใบเดียวได้ 

เอาง่ายที่สุด ผมให้เด็กนร.ประถม  (หรือแม้แต่นศ. ปริญญาเอก)  มาทอดไข่เจียว บนกระทะ ที่ตั้งอยู่บนเตา  ถ้าผมฉลาดพอผมจะสามารถสอนอะไรเด็กๆ ได้บ้างในการนี้

-เริ่มตั้งแต่ไฟในเตา มันติดไฟได้อย่างไร และมันร้อนได้อย่างไร  ...แค่นี้ก็เรียนกันจนหัวหงอกแล้วครับ  เชื่อไหม เราไปดวงจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสกันแล้ว แต่ยังไม่รู้จริงเลยว่า ควันไฟเกิดได้อย่างไรแน่ ความร้อนคืออะไรแน่  

-แล้วความร้อนที่เกิดจากไฟมันส่งผ่านผิวกระทำมาสู่ไข่เจียวได้อย่างไร ..นี่ก็เรียนกันจนหัวหงอก โล้นหมดหัวก็ไม่จบครับ  ..พวกนี้เป็นหลักฟิสิกส์ทั้งสิ้น  การนำ การพา การแผ่รังสีความร้อน

-เอาหละความร้อนมันผ่านมาได้  แล้วไข่ดิบมันกลายเป็นไข่สุกได้อย่างไร  ...พวกนี้เป็นชีวะ เคมี  มันเกิดการไหม้เกรียมโดยไม่มีน้ำย่อย (non-enzymic browning reaction) ได้อย่างไร ..นี่ก็เรียนกันตายเหมือนกัน  ต้องลงไปดูโครงสร้างโมเลกุล การยึดเหนี่ยวอะตอมของไข่ ที่มีหลากหลายร้อยกระบุงความ

- พอมันสุกแล้ว ทำไม เราหอม  กินก็อร่อย  สารเคมี ระบบประสาท มันเปลี่ยน ปรุงแต่ง  กันไปได้อย่างไร  (ยิ่งมีประสาทสัมผัส  perception มาเกี่ยวข้อง โน่น มันไป meta physic ไปแล้ว)

-พอกินเข้าไปแล้วมันย่อยในกะเพราะเราอย่างไร  ดูดซึมเข้าร่างกายอย่างไร  ....สุดท้ายถ่ายออกมาเป็นอึได้อย่างไร  ...โอ๊ยเรียนกันตาย แค่ไข่ใบเดียว  ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกได้เป็นแสนใบ สบายๆ 

-น้ำปลาที่จะต้องใส่  เพื่อให้เค็มพอดีเป็นเท่าไหร่  (คำนวณคณิตศาสตร์)  บางคนชอบเค็มมาก บางคนชอบเค็มน้อย  ถ้าเราขายไข่เจียว เราจะใส่เค็มเท่าไหรจึงจะดี  (หลักสถิติ) 

-อาหารไข่เจียวนี้มีที่มาอย่างไร  ใครเป็นคนต้นคิด  (ประวัติศาสตร์) 

-จากนั้นให้วาดรูปไข่เจียว ร้องเพลงที่เกี่ยวกับไข่เจียว แต่งกลอนไข่เจียว (ศิลปวัฒนธรรม)

-จากนั้นให้ทอดไข่ดาว  แล้วทำซ้ำทั้งหมดที่ว่ามา แล้วเปรียบเทียบ วิจารณ์ความแตกต่างระหว่างไข่เจียวกะไข่ดาว 

-สุดท้าย ถามว่า นักเรียน สามารถเปลี่ยนไข่เจียวให้เป็นไข่ดาวได้ไหม  และเปลี่ยนไข่ดาวให้เป็นไข่เจียวได้ไหม  (นี่มันกฎ entropy  เลยนะ ที่อจ.มหาลัยที่เรียนมาทางฟิสิกส์ วิศวะ หลายต่อหลายคนยังไม่ซาบซึ้งเลยว่ามันคืออะไรแน่) 

จากนั้นไปใหัทำไข่ลูกเขย  ไข่ปิ้ง  ไข่กระทะ  ......ผัดไทย........ต้มยำกุ้ง 

ทำสักสิบจาน รู้หมดถ่องแท้  ก็ได้ปริญญาเอกพอดี  ได้ทุกสาขาวิชาด้วย คือ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ  วิศวะ  ประวัติศาสตร์  สังคมศาสตร์  ศิลปะ  จิตวิทยา  โภชนาการ 

...คนถางทาง (๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖) 


หมายเลขบันทึก: 536263เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2013 20:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2013 20:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

(ช่วยเสริมครับ)

แล้วค่อยๆ ให้เด็กกินไข่ช้าๆ รับรู้รสชาติอย่างลึกซึ้งทีละคำ ทีละคำ เพื่อฝึก mindfulness meditation แบบ Thich Nhat Hanh ได้วิชาพุทธศาสนา ได้คำถามว่าทำไมต้องกินอย่างนี้

แต่ก่อนกินอย่าลืมให้เด็กสวดขอบคุณพระเจ้าก่อนกิน ได้วิชาคริสต์ศาสนา ได้คำถามว่าทำไมต้องขอบคุณพระเจ้า

แต่ก่อนทำกระบวนการทุกอย่าง ต้องเลี้ยงไก่ให้ได้ไข่มาก่อน อย่างนี้ยิ่งดีเพราะวิชาเกษตร (แบบพอเพียงด้วย) มาก่อนวิชาอื่นๆ ครับ

ผมว่าแ้ล้ว ดร. ธ. จะต้องมีอะไรมาเสริมเด็ดๆ เป็นแน่  ผมคิดเผื่อไว้ด้วยแล้วว่า  ให้ไปทำ data base สารอาหารในไข่ทั้งหมด แต่ละสายพันธุ์ต่างกันอย่างไร ประมวลมาให้หมด   มี search algorithm ด้วย  เอากันให้นัวไปเลย 


ที่ว่ามาทั้งหมดนี้เอาสนุกเล่นๆ  เอาไข่เจียวมาเป็น metaphor ว่า เราสามารถเรียนแบบบูรณาการได้เสมอ  ถ้ารู้จักคิด อย่าไปเรียนแบบแยกส่วน มันทำให้ต้องเีรียนมาก หนัก  เราต้องหาวิธีเีรียนให้น้อยที่สุด แต่ได้ความรู้ที่มากที่สุด แถมความรู้ัมันเหนียว เชื่อมกันเป็นตาข่าย ก็มีประสิทธิภาพมาก ไม่ลืมง่าย ...เ็ด็กๆ ก็สนุก และไม่เครียดมากนัก

การเรียนรู้แบบบูรณาการนี่สนุกและได้สร้างความคิดอยากรู้อยากเห็นต่อให้เด็กมากกว่าการสอนแบบแยกส่วนแน่ๆ ครับ แต่ปัญหาคือจะสร้างคนสอนลำบากครับ ปัญหาการศึกษาของบ้านเรา (และของโลกด้วย) ยังอยู่แถวๆ การสร้างคนสอนแบบแยกส่วน (ก็ได้) ที่มีคุณภาพยังไม่ค่อยได้เลยครับ

แต่ผมคิดว่าด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีขึ้นอย่างปัจจุบันนี้ ต่อไปเด็กจะไม่ต้องการคนสอนที่รู้มากและรู้จริงแล้ว แต่เราต้องการคนสอนที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ แต่มีความสามารถในการผลักดันให้เด็กพยายามคิดเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองครับ

เอาคนสอนที่มีความถนัดหลายๆคน มารวมกันสอนในวิชาทอดไข่ริมกระทะนี่ก็ยังได้นี่ครับ  มันจะยิ่งทำให้ครูได้เีรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกด้วย   นานๆไป  สามารถสอนแทนกันได้เลย เพราะรู้มุกกันหมดแล้ว  

บังเอิญ..ตอนเรียน..มาสเตอร์..ทำเรื่อง"ไข่ กะ ฆ้อน.."..อ้ะ..ได้กระดาษมาใบนึง..จริงๆด้วย..อิอิ..ยายธี

เยี่ยมค่ะ   มีแนวคิด (หรือเลียนแบบ?) เพราะปีนี้สอน 3 กลุ่มสาระ  วิทย์   การงานฯ  ลูกเสือ  (แค่ชั้นประถม) สอนแค่ไข่เจียวใบเดียว  คงพอ....

การสอนแบบบูรณาการเกิดขึ้นเสมอเวลาสอนแต่ทำไมเวลาจัดการเรียนการสอบแบ่งเวลา ไม่ได้จัดรายวิชาบูรณาการให้ได้ครูทุกสาระมาร่วมกันสอนเลยค่ะ   ครูคนเดียวจึงว้าเห่วและเรียกกันว่า"ครูผีบ้า"  จริงนะ

krutoom น่าลองทำดูนะ เสนอผู้บริหาร หรือ แอบทำมันเองเลย   ออกสื่อให้กระหึ่มด้วยยังได้   ผมว่าจะเป็นนวัตกรรมการสอนแบบใหม่  เมื่อก่อนผมเคยคิดทำไมไม่สอนคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ   หรือแม้แต่สอนภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษยังได้เลย 


เห็นด้วยครับ การเรียนแบบแยกส่วนเนื่อยมาก บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม อินทิเกรต กันอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่รู้ทำได้คำตอบมาแล้วจะเอาไปทำอะไร การเรียนแบบบูรณาการนี่ทำให้มองเห็นภาพรวมทั้งหมด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท