Christine Tan : ในตอนนั้น
ท่านทำธุรกิจมากมายแต่ที่เด่นชัดธุรกิจหลักก็คือเรื่องอาหารและก็การเกษตรซึ่งในด้านอุตสาหกรรมท่านก็ได้ขยายไปทางด้านโทรศัพท์ ทางด้านมอเตอไซด์ ทางด้านปิโตรเคมี ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนั้น ทำให้ท่านได้รู้สึกไหมว่าเป็นการกระจายทางด้านธุรกิจที่มากเกินไป</b></span><b></b></p></td></tr></tbody></table></span><table><tbody><tr><td><p><b></b></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>ท่านประธานธนินท์ :</b>ตรงนี้ไม่ใช่เป็นปัญหา แต่เต็มไปด้วยโอกาส เราทำมอเตอไซค์ที่ไม่เคยทำก็จริง แต่<span style="color: #cc6633;"><i>เราร่วมมือกับบริษัทในจีนที่ทำมอเตอไซด์ใหญ่ที่สุดในเมืองจีน เท่ากับเราผลิตมอเตอไซด์ออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมด และยังไม่พอขาย ตรงนี้จึงยังไม่ใช่ปัญหา แล้วก็ลงทุนน้อยได้กำไรมากเพราะไม่มีคู่แข่ง ไม่มีใครได้โอกาสดีอย่างนี้ โรงงานของรัฐบาลที่ขายมอเตอไซค์ดีที่สุดในเมืองจีนมาร่วมทุนกันคนละครึ่ง เราเพียงแต่ใส่เงินทีละขั้นทีละขั้นเพิ่มทุนทีละครั้ง</i><i> สุดท้ายก็เอากำไรมาเพิ่มทุนอีก </i></span><span style="color: #ff3333;">(คนไทยจะสร้างโรงงาน ผลิตเองคงยากแต่การที่รวยมหารวยโคตรรวยมากๆ แล้วไปร่วมทุนนี่ถือว่าสุดยอดเหมือนกัน มีโรงงาน มีกำไร โดยไม่ต้องสร้างเอง)</span> ตรงนี้เป็นประโยชน์มาก เพราะฉะนั้นตอนที่วิกฤตยังมีตัวยาจากเมืองจีนที่มาช่วย</span></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>Christine Tan : </b><b>หลังจากวิกฤตแล้ว เมื่อตอนที่รู้สึกธุรกิจเริ่มดีขึ้น เกิดมีเหตุการณ์ไข้หวัดนกขึ้นมาและในฐานะที่เป็นผู้ผลิตไก่รายใหญ่ที่สุดของประเทศในแถบเอเซียและหุ้นของท่านก็ตกหวบเพราะมีข่าวเรื่องไข้หวัดนก</b><b> </b><b>เหตุการณ์ในตอนนั้นฟาร์มของท่านประสบปัญหาไข้หวัดนกหรือไม่และท่านพยายามหาวิธีการป้องกันอย่างไร เพื่อไม่ให้ไข้หวัดนกระบาด</b></span><b></b></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>ท่านประธานธนินท์ :</b>ในตอนนั้น ที่เมืองจีนประสบปัญหาและเสียหายมากที่สุด แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือตัวเองได้ แทนที่จะเอากำไรมาช่วยเหลือตรงที่ขาดทุน <i style="color: rgb(204, 102, 51);">ส่วนเมืองไทยบริหารได้ดีมาก สามารถทำให้ทุกคนมั่นใจไก่ของซีพี ไม่ต้องห่วงว่าจะติดเชื้อ และในการส่งออกไปยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้มีการขาดตอน เพราะเปลี่ยนเป็นอาหารสำเร็จรูปทำให้สุก</i><i style="color: rgb(204, 102, 51);"> <span>สร้างความเข้าใจแก่ทุกคนว่าถ้าอุณหภูมิสูงเชื้อไข้หวัดนกตัวนี้ก็จะตายหมด</span></i><span style="color: #ff3333;"> (ง่าย ๆ ให้ไก่กินอาหารสุกไก่ก็ไม่ตาย)</span><span style="color: #cc6633;"> </span>ดังนั้นที่การส่งออกไปยุโรปไปญี่ปุ่นจึงยังปกติ แต่ไม่ใช่ไก่สดนะไก่สดตอนนั้นยังส่งออกไปไม่ได้ แต่นโยบายของเครือฯไดทำเรื่องไก่แปรสภาพมาเป็นระยะเวลานานแล้ว เพราะฉะนั้นสะเทือนชั่วคราวและกลับส่งผลดีระยะยาว เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อถือ ต่างประเทศก็เชื่อถือในตัวบริษัททำให้ขายดิบขายดี</span></p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></span><span style="font-size: 20px"><table><tbody><tr><td><table><tbody><tr><td><p></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>Christine Tan : </b><b>การที่ท่านเข้าไปประเทศจีนในจังหวะที่ถูกต้องรู้สึกว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่และเฉลียวฉลาดหลังจากที่เติ้งเสี่ยวผิงได้เริ่มนโยบายฏิรูปเศรษฐกิจ ในฐานะที่ท่านได้เป็นบริษัทแรกที่เข้าไปลงทุนยังประเทศจีน ในตอนนั้นที่ท่านได้รับการสนับสนุนเชื่อถือจากรัฐบาลจีน ท่านคิดว่าท่านได้รับการสนับสนุนและเชื่อถือจากรัฐบาลจีนมากน้อยแค่ไหนแล้วท่านทำอย่างไรถึงจะเปิดประตูการค้ากับประเทศจีนได้ตอนนั้น</b></span><b></b></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>ท่านประธานธนินท์ :</b>ตอนนั้นสำคัญมาก เพราะซีพีเป็นคนแรกที่ไปสนับสนุนนโยบายของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งการที่เราได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนเนี่ยเพราะ<i>เรา<span style="color: #cc6633;">ใช้นโยบายสามประโยชน์คือเราทำอะไรทุกอย่างประเทศจีนต้องได้ประโยชน์ประชาชนจีนต้องได้ประโยชน์และซีพีจะต้องได้ประโยชน์</span></i> <span style="color: #ff3333;"> (กิจการใหญ่ ๆ ประโยชน์เขาประโยชน์เรายังไม่พอ ต้องประโยชน์ประชาชนด้วย จึงจะอยู่รอดปลอดภัย และอยู่ได้ยาวเพราะความเชื่อถือของประชาชน)</span> ซึ่งสามประโยชน์เนี่ยขาดตัวนึงก็ไม่ได้เลย ทำให้รัฐบาลจีนยิ่งประทับใจและเอาการพัฒนาการเลี้ยงสัตว์ไปพัฒนาประเทศจีน ซึ่งรัฐบาลจีนเห็นด้วยว่าเกษตรกรจะต้องมีบริษัทรายใหญ่มาสนับสนุนการเงิน ทรัพยากรและสนับสนุนเรื่องการตลาด ตรงนี้สำคัญกว่าประเด็นที่ว่าเพราะเราเป็นรายแรก หากประเทศไม่ได้ประโยชน์ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แน่นอนเรามีประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว เราก็รู้จักเติ้งเสี่ยวผิงดี จะสนับสนุนเรา เราก็อยู่ไม่ได้ ถ้าคนมองว่าบริษัทมาทำกำไรแต่ไม่ได้ทำประโยชน์ เราก็คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและประชาชนฉะนั้น<i><span style="color: #cc6633;">ความสำเร็จที่แท้จริง คือสามประโยชน์ซึ่งมาเป็นนโยบายหลักที่เราไปประเทศไหนก็ได้รับการต้อนรับ เพราะประเทศได้ประโยชน์ประชาชนได้ประโยชน์ ซีพีถึงจะได้ประโยชน์</span></i> ซีพีเอาเทคโนโลยีไป ไม่ใช่ไปกอบโกย แต่เราไปสร้างประโยชน์ซึ่งต้องแบ่งกันสามฝ่าย</span></p> <p><b></b><b>Christine Tan : </b><b>ในตอนนั้นชาวนาจีนเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรสมัยใหม่ได้แค่ไหนและก็ท่านประสบปัญหาอะไรตอนนั้นที่เกษตรชาวจีนเข้าใจเรื่องการเกษตรสมัยใหม่</b><b></b></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>ท่านประธานธนินท์ :</b>คือในประเด็นนี้ คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดว่าเกษตรกรที่ไม่มีความรู้และซีพีใช้เทคโนโลยีใหม่เข้าไป เกษตรกรจีนคงรับไม่ไหว แต่ในทางตรงกันข้ามคือ<i><span style="color: #cc6633;">ยิ่งไฮเทคยิ่งทำให้ง่ายขึ้นเหมือนกับกล้องถ่ายรูปที่ไม่ต้องปรับอะไรเลย เพียงแต่คนถ่ายต้องจัดให้รู้จักตำแหน่งแล้วถ่ายไป จึงถือเป็นเคล็ดลับของซีพีว่าซีพีไปที่ไหนก็เอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลกไปด้วย </span></i>ทำให้เกษตรเข้าใจง่ายและปฏิบัติได้ง่ายแล้วก็สบายด้วย ไม่ใช่ไปทำให้เกษตรกรที่ลำบากอยู่แล้วไปทำให้ลำบากมากยิ่งขึ้นไปตากแดดตากฝน แต่<i><span style="color: #cc6633;">ซีพีให้เกษตรกรเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูในห้องแอร์ไม่มียุงไม่แมลงวันใช้เครื่องอัตโนมัติ ทำให้เกษตรกรทำงานเหนื่อยน้อยลง แต่ได้ผลผลิตสูง</span> </i>คนทั่วไปจะไม่เข้าใจคิดว่าว่าประเทศที่ด้อยพัฒนาจะต้องใช้เทคโนโลยีที่ด้อยพัฒนา ยิ่งประเทศที่ด้อยพัฒนายิ่งต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งไฮเทคจึงจะเหมาะสม</span></p> <p><b></b><span style="font-size: 20px"><b>Christine Tan : </b><b>การที่ท่านเข้าไปเมืองจีนเป็นรายแรกทำให้ท่านได้ประโยชน์ จนทุกวันนี้ท่านมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่าครึ่งในตลาดจีน ท่านเป็นห่วงหรือไม่ว่าในแง่ที่เศรษฐกิจจีนจะเกิดการชะลอตัวลง และจะมีผลกระทบกับตัวท่านอย่างไรบ้าง</b></span><b></b></p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></span><table><tbody><tr><td><table><tbody><tr><td><p><span style="font-size: 20px"><b>ท่านประธานธนินท์ :</b>จีนนั้น ถึงแม้ว่าจะชะลอตัวลงก็ดีกว่า 33 <span>ปีที่ผ่านมาก นอกจากนี้ประเทศจีนในปัจจุบันนี้ ประชาชนมีการศึกษาต้องการอาหารที่ทำให้สุขภาพดีและปลอดภัย ซึ่งตรงกับจุดที่ซีพีถนัดและทำมาอยู่แล้ว 40 -50 ปีในขณะที่ชาวจีนเนี่ยยังไม่มีความรู้ตรงนี้ก็อาจจะเกิดการแข่งขันกันเฉพาะในด้านของราคา และยังไม่ได้ดูถึงในด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ สุดท้ายของถูกกลายเป็นของแพง และก็ทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง วันนี้เราได้รับการสนับสนุนที่ดี และตอนนั้นยังมีกำไรทั้ง ๆ ที่เมืองจีนเพิ่งจะเปิดประเทศเงินตราต่างประเทศก็ไม่มีพื้นฐานการก่อสร้างก็ไม่มี ซีพียังทำกำไรได้ วันนี้จีนพร้อมทุกอย่าง ประชาชนเรียกร้องว่าคุณภาพของสินค้าต้องดี เนื้อไก่ต้องปลอดภัย อาหารต้องไม่มีสารตกค้าง ทั้งนมทั้งเนื้อหมู นี่คือโอกาส และตลาดก็ยิ่งใหญ่มาก เพราะ</span><span style="color: #cc6633;"><i>อาหารเป็นสิ่งที่คนต้องรับประทานและประชากร </i><i>1,300 <span>ล้านคน หากจำนวน 10 %ที่ร่ำรวยก็มีขนาดใหญ่เท่าญี่ปุ่น กำลังซื้อก็ใหญ่เท่าญี่ปุ่น แต่ถ้า20 %ร่ำรวยกำลังซื้อก็ใหญ่เท่าประเทศอเมริกา ดังนั้นเราเป็นเบอร์ 1 และสินค้าของซีพีก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนชาวจีนว่ามีความปลอดภัยคุณภาพดี </span></i></span><span style="color: #ff3333;">(ซีพีเขาไปทำใหญ่ ผมคิดว่ารายเล็ก ๆ เช่น OTOP <span>ที่เมื่อวาน 5 พฤษภาคม 2556 ตามข่าวมีการไปออกร้านที่คุนหมิง คนจีนมาซื้อกันเพียบ หากแต่ละจังหวัด รวมสินค้าไปขาย หรือใครก็ได้ที่มีสินค้าดีนำไปขาย หรืออขายออนไลน์ ก็น่าจะได้รวยกันทั่วหน้า)</span> </span>ดังนั้นผมว่าเป็นโอกาสไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟื่อยที่ต้องประหยัด แต่ปากท้องประหยัดไม่ได้ อาหารของซีพีก็ไม่ใช่ขายแพง แต่เป็นของดีที่มีคุณภาพและราคาถูกอีกด้วย</span></p> <p><span style="font-size: 20px;"><span style="color: #ff3333;">ต่อตอนที่ 3</span></span></p> </td> ข่าว 3 ธันวาคม 2555 จาก CP e-News http://www.easy.tc?gos
ข่าว 3 ธันวาคม 2555
http://www.easy.tc?gos
วิกฤติก่อโอกาส ถ้าไม่ท้อไม่ถอย..
เราควรต้องเรียนรู้ความมุ่งมั่นจากความสำเร็จของผู้อื่นค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์