......บุญผ่อง.....แม้เขาจะตายไปแล้ว 30 ปี ญาติของเชลยเหล่านั้น ยังคงหลั่งไหลมาเยี่ยมคาราวะที่ร้าน บุญผ่องแอนด์บราเดอร์ อย่างไม่ขาดสาย โดยมีนางลำไยน้องสะใภ้เป็นผู้ให้การต้อนรับและบอกเล่าเรื่องราวของนายบุญ ผ่่อง ..."
ผมอยากเชิญพี่น้องดูหนัง ละคร เรื่องนี้ครับ.........
ณ กาญจนบุรี ประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บันทึกของ George Voges อดีตเชลยศึก เขียนไว้ใน THAILAN -BURMA RAIL ROAD ตอนหนึ่งว่า..."เราต้องรับผิดชอบในการสร้างสะพาน สองสะพาน ซึ่งห่างประมาณ 1 ไมล์จากค่าย หลังอาหารเช้า แล้วเราก็เดินแถวเรียงหนึ่ง เพื่อไปทำงาน เอาอาหารกลางวันติดตัวไปด้วย และทำงานจนถึง 6 โมงเย็นทุกวัน"
มีบันทึกว่า บรรดาเหล่าเชลยศึกจะใช้ค้อนหนัก 8 ปอนด์ สว่าน ระเบิด เสียม พลั่ว จอบ และตะกร้าหวายอันเล็กๆ เพื่อขนดินออกไปเททิ้งข้างนอกทาง และพวกเขาทำงานอย่างทรมาน คนที่ทำงานกระทั่งตายก็ตายไป...ถูกลากออกไป...พวกเขาเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา ส่วนคนที่อยู่ก็ทำงานไป...โรคร้ายก็คุกคาม...
คงมีคนไทยมากมายที่ทนไม่ได้...และพยายามช่วย อย่างเช่น
John Coast ได้บันทึกไว้ในหนังสือ Railroad of death ถึงน้ำใจคนไทยว่า "คนไทยใจดีนัก เห็นที่ไหนต้องให้ทานเสมอ แม้ขณะอยู่ในรถอันแสนเร็วเช่นนั้น ยังเอากล้วยโยนเข้ามาทั้งหวี แต่คิดดูเถอะ กล้วยทั้งหวีโยนเข้ามาในรถขณะความเร็วปานนั้น มิใช่ของสนุกเลย " ( ตาทุ้ย » Sun Apr 29, 2007 http://aryaforum.freeforums.org)
แต่เขาเหล่านั้นคงช่วยอะไรไม่ได้มากมาย...เพราะมีฐานะที่จำกัด
แต่บุญผ่องทำได้มากกว่า...และเขาทำด้วยหัวใจ!!!
ใครจะคิดว่าชายชาว สยามผู้ทำการค้า ณ ปากแพรก กาญจนบุรีผู้นี้ จะกล้าเสี่ยงชีวิต จะกล้านำพาชีวิตและครอบครัวเข้าไปร่วมเสี่ยงตาย เพียงแค่เห็นใจในความเป็น " เพื่อนร่วมโลก" กับเชลยสงครามมากมายทั้งๆที่ตัวเขาเองไม่เคยรู้จักเชลยพวกนี้มาก่อน...ยก เว้นคนเดียว!...มิสเตอร์จอนด์สันเชลยชาวอังกฤษ...
ฝรั่งเชลยคนหนึ่งเล่าไวในตอนหนึ่งว่า...
"พ่อลูกเป็นคนส่งอาหารให้กับกองทัพญี่ปุ่นระหว่างสงคราม ผณีอายุ 14 ปีช่วยพ่อส่งของล่องไปตามลำน้ำ ...แววตาอันน่าดึงดูดใจของผณีสร้างความว้าวุ่นใจให้กับทหารหนุ่มของญี่ปุ่น ผู้ควบคุมเชลยเป็นอย่างมาก..." หรือนี่คือกลยุทธ์เบี่ยงเบนความสนใจของบุญผ่อง
ฯพณฯ เจมส์ ไวส์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้กล่าวสดุดีนายบุญผ่องไว้ใน ปี 2555 ณ สุสานทหารสัมพันธมิตร กาญจนบุรี ความว่า
"...นายบุญผ่อง ผู้แอบนำเอาอาหารและอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่เชลยต่างชาติที่ทำงานบนเส้นทาง รถไฟสายมรณะ อีกทั้งช่วยชีวิตเชลยไว้ได้หลายพันคน...แม้เขาจะตายไปแล้ว 30 ปี ญาติของเชลยเหล่านั้น ยังคงหลั่งไหลมาเยี่ยมคาราวะที่ร้าน บุญผ่องแอนด์บราเดอร์ อย่างไม่ขาดสาย โดยมีนางลำไยน้องสะใภ้เป็นผู้ให้การต้อนรับและบอกเล่าเรื่องราวของนายบุญ ผ่่อง ..."
...นั้นย่อมแสดงว่าท่ามกลางความน่ากลัวของสงคราม บุญผ่องกล้าปฎิบัติภาระกิจที่เสี่ยงชีวิตจริงๆ...
นายบุญผ่องทำทำไม? ทำเพื่อใคร? ทำไมต้องยอมเสี่ยงมากมายขนาดนี้?...หรือ..."เพียงเพื่อมนุษยธรรม!!!"...
ทำไมคนไทยไม่รู้จักเขา? และทำไมต่างชาติจึงยกย่องเขามากมายขนาดนี้???...
_________________________________________
ขอขอบคุณ ข้อมูลทั้งหมดจาก http://www.oknation.net/blog/boonpong/2013/04/15/entry-2
สวัสดีค่ะพี่บู๊ด
ขอบคุณที่พี่นำเรื่องดีๆเช่นนี้มาให้อ่านนะคะ
อ่านไปก็อดจะคิดไม่ได้ว่า...ยังมีคนที่ทำดีโดยไม่มีใครรู้อีกมากมายเพียงไร
คราวหน้าจะไปเยี่ยมและอุดหนุน... บุญผ่องแอนด์บราเดอร์ ให้ได้ค่ะ
สวัสดีจ่ะโหล ร้านนี้คงรับแขกไม่ได้หยุดนะครับ แต่ดีแล้วครับ สมควรไปครับ พี่ก็จะไปสักครั้ง
เห็นในทีวี เปิดตัว วันที่ 25 เมษายน กำหนดการ ดูยิ่งใหญ่มากคะ
อยากไปสักครั้งคะ ยังไม่เคยไป
ผมเองก็พึ่งรู้ตอนที่โปรโมตนั้นแหละครับทั้งๆที่เป็นคนเมืองกาญแท้ๆยังไม่เคยย่างกายเข้าไปเลยครับ(ผมละอายมาก) เคยได้แต่ผ่านไปผ่านมาไม่ได้สนใจ เห็นเป็นแค่ตึกเก่าๆ(เพราะทั้งสายยังคงสภาพตึกเดิมๆอยู่) วันหลังต้องเข้าไปมั่งแล้วครับ
ผมชื่นชม tpbs มากที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาทำ ผมชื่นชมคนเมืองกาญจน์ ที่มีประวัติศาสตร์ดีเลิศเช่นนี้อยู่ ทำให้เราภูมิใจความเป็นคนไทย และที่น่าชื่นชมมากๆคือการทำดีของบุญผ่องนั้นกระทำต่อชาวต่างประเทศด้วยครับ...