ไม่มีใครอยากเป็นผู้ร้ายหรือเป็นคนน่ารังเกียจของสังคม


             ปัดฝุ่นบทเรียนเก่า  มิติทางด้านจิตวิญญานและคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์  เมื่อปี53 ข้าพเจ้าเองเคยได้เขียนบันทึกความทรงจำใน workshop   ในเรื่องมิติจิตวิญญาณและคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ ของ อจ.สกล / อจ.วิธาน / อจ.วรวุฒและอจ.พัฒนาแม้เวลาจะผ่านไปยามที่ต้องเจอกับภาระ ปัญหามากมายก็อดจะหยิบบันทึกเล่มนั้นออกมาอ่านไม่ได้ราวกับว่ามันจะให้คำตอบบางอย่างกับข้าพเจ้าได้ดีทุกๆครั้ง  วันนี้ก็เช่นกันเจอกับเรื่องราวที่ไม่อาจจะเข้าใจว่าเหตุใดคนบางคนนั้นจึงสร้างความทุกข์ใจให้กับคนอื่นๆได้ซ้ำไปซ้ำมา  บางประโยคที่เคยบันทึกไว้ว่า

  กายภาวนา      =  กายเป็นเรื่องของการใช้ภาษากาย ภายนอก

  ศีลภาวนา        =  การเชื่อมโยงต่อสรรพสิ่งที่เราได้ยินเป็นพฤติกรรมที่เรามีต่อสิ่งแวดล้อมที่เราได้รับรู้

  ปัญญาภาวนา  =  รับรู้และมองเห็นว่าเราเป็นผู้ดูแลเขาเหล่านั้น

  จิตประภัสสร    =  เห็นถึงคุณค่าในตนเองและสิ่งที่ตนเองทำอยู่

  อาจารย์บอกว่า  " ไม่มีใครอยากเป็นผู้ร้ายหรือเป็นคนที่น่าเกียจในสังคม "

        " ไม่ต้องพยายามคิดบวกแต่ให้ลองคิดว่าในเรื่องร้ายๆเหล่านั้นมันมีเรื่องราวดีดีอะไรแฝงอยู่ "

        " ทำไมเราต้องมาเป็นต้องมาทำวิชาชีพนี้  มันมีที่มาและมีที่ไป "

        " อะไรที่เราชอบหรือ อะไรที่เราไม่ชอบเราได้เคยทำสิ่งนั้นให้กับผู้ป่วย/ ผู้อื่นบ้างไหม "

           วันนั้นข้าพเจ้าได้บันทึกไว้ว่าเมื่อจอกับปัญหาข้อร้องเรียนทั้งด้านกิจกรรมบริการ พฤติกรรมบริการก็ได้มานั่งทบทวนและมองย้อนไปว่าเรายังมีจุดอ่อนในด้านใด  บุคลากร  ภาระงาน  กรอบ  มาตรฐานต่างๆที่เราตีกรอบกำหนดไว้ และทุกอย่างมันคือใช่  แล้วฉันก็คิดว่าเราจะเริ่มต้นแก้จากจุดไหนมันเยอะแยะไปหมด นึกถึงคำที่อาจารย์บอก ลองคิดให้ช้าลงลองมองให้ช้าลงตอนนี้มีกี่เรื่องที่เราต้องคิด..จงเรียนรู้ที่จะใช้จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์เพื่อ ดูแลผู้ป่วยและญาติเหล่านั้น   เราอาจจะได้รับอะไรจากการให้มากกว่าการมานั่งทุกข์กับเรื่องราวปัญหาที่ผ่านไปเรื่องแล้วเรื่องเล่าราว กับไม่มีวันจบ.

              กับวันนี้ที่ท้อแท้ก็ได้แต่บอกตัวเองว่าคงไม่มีใครอยากเป็นผู้ร้ายหรือน่ารังเกียจของสังคมการให้อภัยคงเป็นคำตอบสุดท้ายเมื่อก้าวเดินอยู่บนถนนสายวิชาชีพนี้  บางทีเมื่อเวลาผ่านไปเราอาจจะเข้าใจเขามากขึ้นกว่าที่เรารับรู้อยู่เวลานี้ก็ได้   

              ขอบคุณที่ได้มีโอกาสหยุดคิด ใคร่ครวญ ก่อนที่จะพูดหรือทำอะไรที่ไม่ดีออกไป

หมายเลขบันทึก: 532745เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2013 22:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2013 21:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

การได้ทบทวนตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยค่ะ

หยุดคิด พืจารณา หาทางออกบอกทางไป ทบทวนในสิ่งที่ทำ แท้ที่จริงแล้ว การทบทวน การทำงานคือการพัฒนา....ความคิด

มาฟังการทบทวนด้วยใจที่ละเอียดอ่อนคะ

จิตประภัสสร =  เห็นถึงคุณค่าในตนเองและสิ่งที่ตนเองทำอยู่

ทำให้สะดุดความคิดคะว่า แท้จริงความท้อแท้เกิดจากคำพูดผู้อื่นหรือ คำพูดที่เราพูดกับตัวเอง ?

ขอบคุณข้อคิดดีๆเช่นนี้..ขอให้กำลังใจในการทำงานอย่างมีความสุขนะคะ

สวัสดีปีใหม่จ้าคนเก่ง

ขอให้กำลังใจคนทำงานนะคะ สู้เด้อ


ขอบคุณสำหรับบันทึกที่มีความหมายในชีวิตจิตวิญญาณ ขอส่งความสุขปีใหม่ไทยมาให้ครับ

@หนูณชน์   ลุงวอญ่า  หมอป.  พี่ใหญ่นงนาท  Dr.Pop  คุณยาย ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยือน

กับคำว่างาน...บางครั้งหรือหลายๆครั้งก็ต้องหยุด..ไตร่ตรองบอกตัวเอง

ว่าตอนนี้เรา..กำลังทำอะไร  เรารู้สึกอย่างไร เผื่อว่าจิตจะประภัสสรขึ้นมาบ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท