ยามเย็นวันนี้ผมได้เดินออกกำลังกายไปตามเส้นทางรอบ ๆ ที่พักพอได้เหงื่อประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง บางช่วงที่เดินผ่านไปมีฝูงสุนัขอยู่มันชะเง้อมองดูบางตัวมันก็ทำท่าจะเดินตามหลังและมีเสียงเห่าในลำคอหน่อย ๆ พอให้ได้ตื่นเต้น ผมถามยามที่มองมาแล้วยืนยิ้มอยู่ว่าสุนัขเหล่านี้เป็นของใครเลี้ยงไว้ได้รับคำตอบว่าไม่มีมันมาเองแล้วนักศึกษาก็เอาอาหารมาให้มันกินบ้าง
เมื่อมีคนมาเดินบ้างก็มีบรรดาเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่พ่อแม่ต้องลงจากบ้านพามาเล่นรับลมตามสนามหญ้าหน้าที่พักแต่สนามเด็กเล่นมองผ่านไปเห็นหนุ่ม ๆ สาว ๆ มาจับคู่กันนั่งแต่ละคนมีมือถือดูเหมือนนั่งคุยกันแต่คุยกับมือถือมากกว่าทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ใกล้กันเป็นสิ่งที่ผ่านพบ
จากเสียงที่ได้สัมผัสในวันนี้ก่อให้เกิดการเรียนรู้มีเสียงรถยนต์ เสียงรถยนต์สื่อโฆษณาดังมาจากถนนใหญ่ เสียงผู้คนคุยกัน เสียงเครื่องปั่นน้ำเสียระบายอยู่ในเครื่องกังหันพัฒนา เสียงเปิดน้ำพุพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงมา เสียงเด็กร้องไห้อยากกินนมแม่ เสียงร้องของกาเหว่า เสียงกบเขียดร้องข้างหนองน้ำ เสียงนกน้อย ๆ ร้องเพลงหาคู่และเสียงจักจั่นเรไรอยู่ตามพุ่มไม้
สำหรับผมเองในขณะก้าวย่างไปก่อเกิดความจดจำได้ดีกับเป็นเสียงนี้ละ มีทั้งเสียงธรรมชาติ เสียงเลียบแบบธรรมชาติ แต่ที่ชอบใจกับเป็นเสียงตามธรรมชาติเช่นเสียงนกน้อยร้องเพลงอยู่บนกิ่งไม้และเสียงจักจั่นเรไรฟังไปเดินไปไพเราะดีแท้จึงคิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่เคยอยู่กับธรรมชาติ ทำให้เกิดมุมคิดแวบมาว่าคนเรารักษาป่าไม้ให้คงอยู่อย่างธรรมชาติได้โลกนี้คงสวยงามไปอีกนาน เพราะคนรักษ์ป่า ป่าก็รักคน ผู้ที่รักษาป่าอย่างเป็นธรรมชาติได้ดีคือพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเราจึงได้ยินคำว่าวัดป่ายังไงละ.
ไม่มีความเห็น