สภาวัฒนธรรมอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งมีคณะกรรมการมาจากหลายสาขาอาชีพได้ประชุมกันนัดแรกได้สรุปความคิดเห็นตรงกันประเด็นหนึ่งคือจะทำอย่างไรให้ภูิมิปัญญาวัฒนธรรมได้มารวมตัวกันแสดงการสืบทอดสิ่งดีงามทั้งหลายให้กลุ่มคนอีกหลายระดับได้เห็นความหลากหลายเหล่านั้นด้วยความพึงพอใจ ประชุมเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ พศ. 2556 ณ ที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ โดยให้คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแต่ละตำบลในอำเภอหาดใหญ่ได้ประชาสัมพันธ์ไปสู่ภูิมิปัญญาวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยกำหนดจัดทุกวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนเวลานั้น จะเริ่มตั้งแต่ 17.00 น.-22.00 น.
วันแรกคือวันเสาร์ที่ 6 เมษายน พศ.2556 เป็นวันชิมลาง วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พศ.2556 เป็นวันมีพิธีเปิดเป็นทางการ ส่วนสถานที่เป็นบริเวณถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 เยื้องสถานีรถไฟหาดใหญ่ ด้านหน้าโรงแรมคิงส์ ใจกลางเมืองหาดใหญ่
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พศ.2556 เป็นวันเปิดเป็นทางการ ชาวหาดใหญ่ตื่นเต้นพอสมควรเมื่อมีการปิดถนนในช่วงประมาณ 100 เมตรหน้าโรงแรมคิงส์ ให้ภูิมิปัญญาวัฒนธรรมแสดงผลงานให้ปรากฏอย่างหลากหลาย เช่น อาหาร ยาสมุนไพร การแสดง เป็นต้นรวมทั้งมีการเน้นไม่ใช้สิ่งทำให้เกิดโลกร้อน ให้ใช้ใบตอง ถุงผ้า กระดาษ เป็นหลัก อีกด้วย
ความคาดหวังคณะกรรมการสภาวัฒนะรรมอำเภอหาดใหญ่ จัดการดำเนินการนี้ค่อนข้างจะไม่ได้ความร่วมมือ ทั้ง ๆที่เคยมีคนหลายคนหลายคณะที่จะเพิ่มจุดขายของนครหาดใหญ่ซึ่งน่าจะนำเรื่องนี้มาดำเนินการก่อนหน้านี้มาแล้วหลายครั้งหลายปี
แต่ท่านเชื่อไหมละครับว่าบนลานหาดใหญ่เมื่อวันวาน ผู้ที่สนใจชมงานจับจ่ายสนันสนุน ประมาณ 1 ใน 3 เป็นชาวต่างชาติ อันได้แ่ก่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมทั้งฝรั่งไม่ทราบสัญชาติ
ในวันข้างหน้าเราจะพบว่ามีคนหลายคณะจะมุ่งมาหาผลประโยชน์ และทำให้วัตถุของการจัดผิดเพี้ยนไปได้ เพราะสังเกตจาก 2วันแรก คึกคัดเกินคาดคิด แต่ระดับผู้บริหารเมืองหาดใหญ่กลับไม่ปรากฏมาร่วมรับรู้ในกิจกรรมอันมากด้วยคุณค่านี้แม้แต่ท่านเดียว
อย่างไรก็ตามท่านที่เดินทางเข้าสู่หาดใหญ่ในโอกาสต่อไปอย่าลืมไปชมและเก็บภาพหาดใหญ่เมื่อวันวาน ไว้ในความทรงจำของท่านบ้าง จุดขายความเป็นวันวานของชาวหาดใหญ่โคตรเหง้าคนดั้งเดิม ก่อนจะมาเป็นเมืองศิวิไลนครหาดใหญ่ในปัจจุบัน...น่าทึ่งมากทีเดียว
อ่านเืรืองหาดใหญ่แล้ว ก็อดห่วงสงขลาไม่ได้ค่ะ
เกรงว่า วัฒนธรรมเก่าแก่ แถว ถนนนครใน ถนนนางงาม จะหายไปด้วย
คิดถึงสงขลา พรุ่งนี้เดินทางกลับบ้านที่สงขลาค่ะ
เป็นแบบอย่างที่ดีมากในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของท้องถิ่น...ขอให้กำลังใจค่ะ
ขอบคุณมากที่ไปเยี่ยมบล็อกครูอ้อย
ว่างๆไปเยี่ยมอีกนะคะ
ขอบคุณที่แนะนำค่ะท่าน
วันวานของหาดใหญ่ คือจุดเริ่มต้นของวันนี้ .... เป็นเช่นนี้ทุก ๆ ที่ ทุก ๆ ชุมชนแหละจ้ะ แต่คนมากมายหลายคน ( โดยเฉพาะ บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น...ผู้นำ ) มักคิดถึงแต่วันนี้ และเดี๋ยวนี้ น่ะแหละ
เป็นคนหนึ่งในคณะทีมงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม"วันวานที่หาดใหญ่" ขอบอกว่าหายเหนื่อยกับ ๒ วันแรกที่ชิมราง แต่กว่าจะมีงานนี้เหนื่อยมาก ร้องไห้จนเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่พอถึงวันงานน้ำตามันหายไปไหนหมด เสร็จจากคืนวันอาทิตย์ เช้าขึ้นมาวันจันทร์ ร้องไห้ต่อ เหนื่อยมากค่ะกับการร่วมกันต่อสู้เพื่อให้มีโครงการถนนสายวัฒนธรรมนี้ ขอขอบคุณ อาจารย์ธนา นนทพุทธ ที่ให้กำลังใจ และช่วยเหลืองานทุก ๆ ด้านมาตลอดค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ
ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ครับ และบรรยากาศที่แวดล้อมครับ เป็นกำลังใจนะครับพี่
เป็นงานที่ดีมาก ยากให้จัดขึ้นตล๊อดไป เพื่อย้อนรอยแห่งวัฒธรรมหาดใหญ่ เป็นกำลังใจให้ผู้จัดงานค่ะ
อาทิตย์ที่ผ่านมาทำไมไม่จัดค่ะ พาลูก ๆ หลาน ๆ ไปดู ไม่เจอค่ะ อยากให้จัดทุกเสาร์ - อาทิตย์ค่ะ
สวัสดีครับคูณกัญารัตน์ครับ
วันที่ 13 เมษายน 2556 เป็นวันสงกรานต์ หยุด 1 วันครับ เพราะเขาจะใช้ถนนสายนีี้้แห่ขบวนสงกรานต์ครับ ส่วนวันอาทิตย์ 14 เมษายน 2556 จะมีการจัดตามปกติ แต่ผมไม้ไปครับ ติดศิษย์นัดไปขอพรจากผมที่บ้าน เลยตอบไม่ได้ว่างานเป็นอย่างไร หรือแม่ค้าแม่ขาย กลัวจะเปียกน้ำสงกรานต์ที่อาจหลงเหลือก็อาจเป็นได้
เลยถนนว่างตามที่คุณได้เห็น ขอบคุณที่สนใจครับ
ตอนนี้เค้าย้ายถนนคนเดินไปเป็นที่ตลาดพลาซ่าหน้าหอประชุมเทศบาลแล้วคะ ฉันเป็นแม่ค้าคนหนึ่งไปขายที่นั่นอาทิตย์แรกขอบอกตรงๆ ไม่เวิรค์เลย เพราะไม่มีคนเดิน ขายไม่ดีเหมือนสาย 1 ส่วนมากคนจะมาเดินประมาณ 4-6 โมงเย็น หลังจากนี้แล้วแม่ค้านั่งหลับกันไปเลย เพราะไม่มีคนเลย อยากให้กลับไปจัดที่สาย 1 เหมือนเดิมจังเลย ขายดีมาก ลูกค้าก้เยอะ
สวัสดีครับ
วันวานที่หาดใหญ่ ซึ่งจัดโดยวัฒนธรรมอำเภอหาดใหญ่ เดิมจัดที่ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 บริเวณหน้าโรงแรมคิงส์ หลังห้างโรบินสันหาดใหญ่ บริเวณนั้นจะมีชาวต่างชาติหลายชาติมาเยี่ยมชมและอุดหนุนสินค้าวัฒนธรรม แต่ปรากฏว่าต่อมามีปัญหในหลายกรณี คณะจึงย้ายมาที่หน้าหอนาฬิกา คนอุดหนุนน้อยเลยซบเซาไป น่าเสียดายโครงการดี ๆ นี้ แต่ทำยังไงได้ในเมื่อมีความเข้าใจไม่ตรงกัน แต่อย่าตำหนิกันเลยครับ คณะกรรมการทุกท่านได้พยายามเต็มที่แล้วครับและที่เหนื่อยที่สุดก็ท่านประธานวัฒนธรรมอำเภอหาดใหญ่นั่นแหละครับ