ทีมขับเคลื่อน ปศพพ. อีสานตอนบน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หนึ่งในสองประเด็นที่เรากำหนดเป็นเป้าหมายคือ "รูปแบบการขับเคลื่อน ปศพพ. สู่สถานศึกษาภายนอก"
คำว่า "รูปแบบ" ใน "รูปแบบการขับเคลื่อน ปศพพ. สู่สถานศึกษา" ในที่นี้ ไม่เหมือนกับว่า "รูปแบบ" ที่ปรากฎในชื่อหัวเรื่องของ วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่เห็นกันทั่วไป เพราะรูปแบบการขับเคลื่อนฯ ที่เรากำลังทำนี้ ได้จากการ "ถอดบทเรียน" จากความสำเร็จที่เรา "ลงมือทำมาแล้ว" ไม่ใช่ "รูปแบบในความคิด" ที่ได้จากการใช้ระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีข้อจำกัดต่อการพัฒนาการศึกษาที่ต้องใช้มากกว่า Science หรือ Social Science ที่อยู่เพียงในระดับ Cognitive และ ไปไกลมากกว่า Metacognetive เสียอีก เพราะเรากำลัง "คลุก" อยู่กับ "ชีวิตจริง" ที่ปลายทางคือ อริยสัจ
ต่อไปนี้เป็น รูปแบบการขับเคลื่อน ปศพพ. สู่โรงเรียนภายนอก ของแต่ละโรงเรียน ที่ได้นำเสนอในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ....นำมาบันทึกไว้สำหรับโรงเรียนที่อาจนำไปช้ในการขับเคลื่อน "เพื่อนโรงเรียน" ต่อๆ ไปครับ
รูปแบบการขับเคลื่อนของโรงเรียนกัลยาณวัตร โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
ผมขอตั้งข้อสังเกตกับการขับเคลื่อนฯ ของกัลยาณวัตรดังนี้ครับ
โรงเรียนสนามบิน อ.เมือง จ.ขอนแก่น (นำเสนอโดย อ.ละออ และ อ.อภัยวัลย์)
โรงเรียนสนามบิน มีรูปแบบในการขับเคลื่อน 3 ขั้น ได้แก่
ผมสังเกตว่า แม้ว่าโรงเรียนสนามบินจะเขียน แผนผังง่ายๆ ดังรูป แต่ในขั้นตอนการนำเสนอ อ.ละออ และอาจารย์อภัยวัลย์ อธิบายขยายความอย่างละเอียดละออ.... ลวดแล้วแต่ออกมาจากการปฏิบัติด้วยตนเอง เป็น ความรู้ฝึกลึกในตน.... การแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบไม่มีรูปแบบ จะสามารถทำให้ Tacit กลายเป็น Explicit Kowledge สำหรับผู้ฟังต่อไป ....
โรงเรียนดงใหญ่วิทยาคม รัชมังคลาภิเษก จ.มหาสารคาม
ดงใหญ่ฯ ใช้ STANCE MODEL มาใช้ในการขับเคลื่อน ปศพพ. ในโรงเรียน ซึ่งนิยามแต่ละตัวอักษร ดังนี้
S : Students คือนักเรียน
T : Teacher คือ ครู
A : Administrator คือ ผู้บริหาร
N : Network คือ เครือข่าย ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนภายนอก ซึ่งมีถึง 10 โรงเรียน ที่สามารถผ่านเป็นสถานศึกษาพอเพียงได้
C : Community คือ ชุมชน ในที่นี้คือ คณะกรรมการสถานศึกษา รวมถึงชุมชนเรียนรู้กับหน่วยงานต่างๆ ภายนอก เช่นโรงเรียนศูนย์ฯ (โพนทองวิทยายน) มูลนิธิยสยามกัมมาจล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กลุ่มโรงเรียนรัชมังคลาภิเษก ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัด ฯลฯ
E : Environment คือ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ แหล่งเรียนเรียน และฐานการเรียนรู้ต่างๆ
สังเกตว่า โรงเรียนดงใหญ่ฯ นำแก่นหรือที่เราใช้เป็นเกณฑ์ มาปรับใช้เป็นหลักในการขับเคลื่อนฯ เลย นับเป็นจุดเด่นสำคัญที่ดงใหญ่ให้ความสำคัญเต็มที่
โรงเรียนชุมชนบ้านห้วยค้อมิตรภาพที่ ๒๐๖ อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น
การนำเสนอรูปแบบการขับเคลื่อนฯ ของ ชุมชนห้วยค้อฯ เป็นแบบตรงๆ ครับ ตรงกับคำถามที่ เราตั้งไว้ ได้แก่
โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม มีจุดแข็งเรื่องการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ แบบ PBL (Project-based Learning) จนเกิดผลเชิงประจักษ์ คือ นักเรียนกลุ่มฮักนะเชียงยืน ที่นักเรียนๆ อย่างมีความสุขสนุกที่ได้เรียน
เชียงยืนฯ จะใช้ 3PBL Model ในการขับเคลื่อนฯ โดยบูรณาการครูทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ในการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 กับการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการศึกษาไปใช้......สิ่งที่ผมคาดว่าเชียงยืนจะได้คือ "ทักษะในศตวรรษที่ 21 ในบริบทไทย" (ผมคิดว่าประเทศใดก็ตามที่นำหลักปรัชญาฯ ไปใช้ จะได้ทักษะในบริบทของตนเอง)
โรงเรียนบรบือวิทยาคาร อ.บรบือ จ.มหาสารคาม
(ขออภัยที่ไม่ค่อย "โฟกัส" นะครับ มีภาพเดียว...คราวหลังจะระวังความเสี่ยงด้วยครับ)
โรงเรียนบรบือวิทยาคาร มีจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์สูง ในการบริหารโรงเรียนของผู้บริหาร จุดที่ถูกสะท้อนว่าเป็นอุปสรรคคือ ปัญหาการโยกย้ายสับเปลี่ยนบุคลากร กิจกรรมต่างๆ จากหน่วยงานภายนอก....
สิ่งที่สะท้อนจากคำตอบเมื่อถามว่า ผลลัพธ์ของกรขับเคลื่อนเป็นอย่างไร คือ ครูมีแผนฯ ผู้บริหารมียุทธศาสตร์ นักเรียนมีกระบวนการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาฯ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมิติกิจกรรมที่โรงเรียนส่วนใหญ่คิดว่าเป็น Output หรือ Outcome แต่ความจริง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงร่องรอยของ Process ที่ยังไม่ได้แสดงว่า เกิดอะไรกับนักเรียนบ้าง......ถึงวันนี้เอง ผมก็ยังเชียร์ท่าน ผอ.มนูญ ด้วยที่เห็นเทคนิคและวิธีการดีๆ ที่ได้เรียนรู้จากท่าน คงต้องคอยดูกันว่า จะสามารถทำให้ครูที่มีอยู่จำนวนมากระเบิดเปิดใจให้กับงานขับเคลื่อนฯ
ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ที่คล้ายคลึงกันหลายๆ โรงเรียนคือ เครื่องมือที่ใช้ในการขับเคลื่อน คือ
เครื่องมือ "เรียนรู้" ภาคปฏิบัติ อาจยังไม่ค่อยได้จัดได้ทำกันอย่างจริงจังหรือไม่? ผมยังสงสัยในใจอยู่ เช่น
ผมคิดว่าปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเฉพาะโรงเรียนโนนสังฯ แต่น่าจะประสบพบทุกโรงเรียน ครูทุกคนที่นำไปปฏิบัติ....วิธีการที่ดีคือ ลงมือปฏิบัติอย่างมีโยนิโส คือคิดพิจารณาโดยแยบคาย ว่าสิ่งที่เราทำนั้นใช้หลักคิด หลักปฏิบัติตามหลักปรัชญาฯ ตรงไหน อย่างไร ฯลฯ
โรงเรียนวังมน น่าสนใจอย่างยิ่งครับ คงได้ร่วมเรียนรู้รวมด้วยเร็วๆ นี้ครับ
ไม่มีความเห็น