การประชุมประจำเดือนกันยายน 2549 เป็นการนำเสนอ แผนผังกรอบแนวคิด เพื่อให้เห็นประเด็นที่ต้องลงไปศึกษาระดับภาคสนาม กรอบแนวคิดก็จะเป็นแผนที่เบื้องต้นในการกำหนดทิศทางซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานาน ในเบื้องต้น นักวิจัยได้ศึกษาภาคสนามและนำประเด็นมาเสนอต่อที่ประชุม และศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์และสมาชิกที่ประชุมได้ร่วมกันให้ข้อเสนอแนะ
ในคราวนี้ ถือว่าได้กรอบแนวคิดที่ชัดเจนมากพอสมควร พอเป็นแนวทางในการศึกษาภาคสนามได้อย่างดี ในการประชุมครั้งนี้จึงเป็นการบรรยาย แผนผังกรอบแนวคิด ที่ได้ผ่านการสังเคราะห์มาระยะหนึ่ง (ประมาณ 5 เดือน) ประกอบด้วย1. ฐานทางเศรษฐกิจ- ทรัพยากรธรรมชาติ- ทรัพยากรบุคคล- ภูมิปัญญา / ศาสตร์ชาวบ้าน- บริบทด้านสุขภาวะของชุมชน- ปัจจัยและข้อจำกัดอื่นๆ2. ทุนทางวัฒนธรรม- วัฒนธรรมการเรียนรู้- วัฒนธรรมการทำงาน- วัฒนธรรมการผลิตและบริโภค- จิตสำนึกต่อตน ท้องถิ่น สาธารณะ- จริยธรรมและธรรมาภิบาล- วิถีและพลังวัฒนธรรมเชิงรูปธรรม นอกจากประเด็นย่อยในข้อที่ 1 และที่ 2 ซึ่งรวมแล้วได้ 12 ประเด็นหลัก จากนั้นมีข้อย่อยอีกมากมายที่เชื่อมโยงกับประเด็นหลักทั้ง 12 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อก็สามารถเป็นหัวข้อในการวิจัยได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับนักวิจัยจะจับเรื่องใดขึ้นมาศึกษา ซึ่งแผนผังดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า โจทย์วิจัยที่มีคุณภาพดี มีลักษณะแบบข้ามศาสตร์และเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้ปรากฏอยู่มากในแผนผังกรอบแนวคิด “ฐานทางเศรษฐกิจและทุนทางวัฒนธรรม” นักวิจัยที่คิดโจทย์ไม่ออกและทำการศึกษาวิจัยแบบเดิมๆ ควรจะดูตัวอย่างจากแผนผังกรอบแนวคิดเรื่องนี้แล้วจะพบว่า มุมที่เราไม่เคยมองยังมีอีกมากมาย แต่ขึ้นอยู่กับว่านักวิจัยได้เป็นนักคิดที่แท้จริงหรือไม่ และเป็นผู้เปิดโลกทัศน์ทางความคิดมากเพียงใด การตรึงตัวเองไว้กับความคิดแบบใดแบบหนึ่งมากเกินไปจนยืดหยุ่นไม่ได้ โอกาสที่จะพบโจทย์วิจัยใหม่ๆ ก็น้อยลงไปด้วยส่วนโครงการที่เป็นยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่ ได้มอบหมายให้นักวิจัย 3 กลุ่มไปดำเนินการ ประกอบด้วย 1)การพัฒนาวัฒนธรรมการเรียนรู้ 2) การส่งเสริมการท่องเที่ยว และ 3) การส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารจากทะเล ก็ได้แผนผังกรอบแนวคิดชัดเจน ลึกซึ้ง เมื่อเห็นแผนผังแล้วหากนักวิจัยทำได้ตามที่ได้ออกแบบไว้ เชื่อว่าจะยกระดับความรู้ทุกแง่มุมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสามารถเป็นแบบอย่างของการพัฒนาโดยใช้การวิจัยเป็นฐานในการตอบปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขอย่างมีเหตุผลสิ่งที่เน้นย้ำในการเก็บข้อมูลของนักวิจัย คือต้องอาศัยข้อมูลรอบด้าน จากหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพราะสามารถนำมาวิเคราะห์ การทำงานในรูปแบบต่างๆ จากองค์กรที่กำหนดทิศทางและความเห็นแตกต่างกัน เพื่อประมวลความเชื่อมโยงทุกมิติ และในระหว่างปิดภาคเรียนนี้ ขอให้นักวิจัยมีความสุขกับการศึกษาภาคสนาม แม้จะเป็นการปิดภาคเรียนช่วงสั้นๆ ก็แต่คงเป็นเวลาอันเหมาะสมและโปรดโปร่งกว่าช่วงอื่นๆ หากนักวิจัยมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานให้ประสานกับสถาบันวิจัยและพัฒนาโดยตรงไม่มีความเห็น