พี่สาวเขายกโทรศัพท์เครื่องเก่าให้น้องสาว และตัวเองแฟนมาง้อซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่สุดให้เลยดีกัน โลกนี้คืออะไร ทำไมยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ ครูอ้อยนอนดูลูกๆคุยกัน ช่างแตกต่างจากสมัยเราเป็นเด็ก เงินตั้งสองหมื่นกว่านำมาซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้
เมื่อวานนี้ลูกสาวคนที่สามไปทำงานที่นครศรีธรรมราช มาหาพ่อแม่ และพาน้องไปห้าง พอกลับมาก็คุยจุ๊กจิ๊กๆ แบบที่เราไม่รู้เรื่องของเขา โดยคิดว่าเงินของเขา ไม่ได้ขอแม่ เขาจะทำอะไรก็ได้
ในขณะที่ครูอ้อยใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ บัดนี้ก็ยังใช้อยู่ แต่เขาเปลี่ยนไปแล้ว 3เครื่อง ซึ่งเครื่องเดิมก็ใช้ได้ดีอยู่แต่ไม่ทันสมัยเท่านั้นเอง
เขาจะไขว่คว้าและตามทันเทคโนโลยีหรือ เรื่องแบบนี้ออกมาใหม่ทุกๆ 15วัน เขาสร้างค่านิยมกับตัวเขาเอง ได้แต่มองเขาไปมาระหว่างพี่ ไปหาน้อง ในเวลาที่เขาคุยกัน อยากจะบอกเขาว่า แค่โพสต์ภาพอวดกัน คุยกัน ได้ความสุขเล็กๆน้อยๆ มันจะคุ้มไหมกับการเสียเวลา เสียเงินทอง แล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรไปมากกว่านี้
ครูอ้อยได้แต่ออกระเบียบว่า
ห้ามเอาโทรศัพท์มาวางที่โต๊ะกินข้าว
ห้ามวิ่งไปรับโทรศัพท์ในขณะที่ทำงานบ้าน
ห้ามเอาโทรศัพท์มาหนีบที่จักแร้แล้วพูดด้วยล้างจานด้วย
ห้ามรับโทรศัพท์เวลานั่งในรถที่พ่อแม่กำลังคุยกัน
รับไม่ได้
ที่รับไม่ได้อีกเรื่อง คือ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากใครก็ตาม น้องขวัญเป็นต้องออกไปข้างนอกทุกที เลยหาเรื่องโทรศัพท์ไปต่อว่าพี่สาวคนที่ให้โทรศัพท์มาว่า มีโทรศัพท์ใหม่ เล่นกับมันทั้งวัน วันรุ่งขึ้นเริ่มคุยกับเพื่อน นัดกันออกนอกบ้าน
การเรียนรู้กับการเลี้ยงลูก นี่ก็ไม่จบสักที ต้องสังเกต ติดตาม ประเมินผล กันทุกวัน
..... กฏเกณฑ์ .... ที่เข้มงวดและตึงเกินไป .... บางครั้งต้องทำให้ "ยืดหยุ่น" บาง จะทำให้ "เกิดความสุข" กับทุกคน นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ครูอ้อย
คุณยายแวะมาเยี่ยมด้วยความคิดถึงค่ะ
เด็กรุ่นใหม่เป็นเหมือนกันหมดเลยนะคะครูอ้อย มีกฎสำหรับครอบครัวบ้างก็ดี