เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 23 หลังกลับจากทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลาค่ำมากแล้ว คุณแม่ยังคอยเราอยู่เมื่อเห็นมาถึงได้ชวนให้ทานสัปรดที่หลานซื้อมาให้บอกว่าหวานมาก ด้วยความเหนื่อยไม่ได้สนใจเท่าไรนัก หลังจากทานข้าวอาบน้ำสักพักหนึ่งคุณแม่ก็เข้านอน ประมาณ 3 ทุ่มกว่าคุณแม่เรียกบอกว่าปวดท้องแน่นซึ่งเคยเป็นอยู่แล้ว เราจึงให้ทานยาลดกรด และกดท้องซึ่งมีแต่ลมจากนั้นจึงให้สามีเข้าไปช่วยเราก็ได้แต่บีบนวดระยะหนึ่งเมื่อเห็นอาการไม่ดีขึ้นจึงพาส่งโรงพยาบาล คุณหมอดูอาการให้ยาและนอนพักระยะหนึ่งได้เรียกลูกชาย(หลานยาย) ที่มีวิชาชีพทางการแพทย์มาดูแทน เกือบตีหนึ่งลูกพาคุณยายกลับบ้าน และเข้านอนโดยคุณยายไม่ให้ปิดไฟ ด้วยความเพลียมากเราจึงออกไปนอนข้างนอก (ถ้าเปิดไฟจะนอนไม่หลับ)โดยคิดว่าอาการคงดีขึ้นแล้ว สักพักหนึ่้งได้ยินคุณยายลุกขึ้นนั่งถ่ายจึงเข้าไปดูและจัดการเช็ดก้นให้แล้วจึงกลับมานอนต่อ หลับไปได้งีบหนึ่งประมาณ ตี 5 ได้กลิ่นผิดปกติจึงเข้าไปดูปรากฎว่าคุณยายถ่ายออกมาเป็นเลือดเต็มไปหมด เราตกใจมากจึงเรียกสามีมาช่วยนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง หมอตรวจอาการแล้วฉีดยาและให้พักดูอาการประมาณ 1 ชั่วโมง และให้กลับบ้าน ขณะเตรียมจะกลับพยาบาลได้มาดูความเรียบร้อยและพลิกดูนัยน์ตาของคุณยายเห็นว่าซีดมากจึงเีรียกหมอมาดูเพื่อความแน่ใจหมอจึงให้อยู่ต่อ ประมาณ 9.30 น.ของวันอาทิตย์จึงได้เรียกลูกชายมาดูคุณยายต่อระหว่างที่ลูกดูคุณยายลูกได้คุยกับคุณหมอท่านหนึ่งจนเข้าใจและขอ admit คุณยายเพื่อจะตรวจหาสาเหตุที่มาของอาการเลือดออกโดยละเอียด โดยจะส่งคุณยายไปทำ scan ที่ ร.พ.เอกชนเวลา 6 โมงเย็นวันนั้น เรากลับไปดูแลแทนลูกชายระหว่างเวลา เที่ยงถึง 6 โมงเย็นเป็นเวลาที่ทรมานมาก เพราะต้องทนกับความร้อนและความสงสารคุณยายที่คุณหมอให้อดน้ำซึ่งคุณยายก็ร้องขอตลอดเวลา ทำไมเวลา 6 ชั่วโมงถึงช้าเหลือเกิน เรายกนาฬิกาดูแทบทุกชั่วโมงเลย เมื่อเวลาเจ้าหน้าที่มารับไปร.พ.ข้างนอกใช้เวลาทำ scan ประมาณ ครึ่งชั่วโมงรอฟังผลประมาณ 1 ชั่วโมงจึงส่งคุณยายกลับร.พ.เดิม คุณหมอแจ้งผลให้ทราบโดยบอกว่าโชคดีที่คุณยายไม่เป็นลำไส้อุดตันถ้าเป็นต้องผ่าตัดเพราะอายุมากแล้วโอกาสเสี่ยงสูงมากถ้าต้องผ่าตัด แต่ก็ยังหาสาเหตุของเลือดออกไม่ได้คงต้องเตรียมส่องกล้องวันรุ่งขึ้น(วันจันทร์) เราสบายใจระดับหนึ่งจึงกลับ
เช้าวันจันทร์ เตรียมไปดูคุณยายประมาณ 9 โมงเช้าคุณหมอโทรมาแจ้งว่าต้องเตรียมผ่าตัดคุณยายด่วนเนื่องจากคุณหมอ ร.พ.ที่ไปทำ scan แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมาด่วนว่าพบลำไส้อุดตัน คุณต้องมาเซ็นต์อนุญาตด่วนเพราะไม่มีทางเลือก เราแทบช็อคแต่ช็อคมากขึ้นเมื่อวิสัญญีแพทย์ขอพบก่อนทำการผ่าตัดเพื่อแจ้งให้ญาติทราบโดยชัดเจนว่าการผ่าตัดครั้งนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่เป็นการเสี่ยงมากเพราะคุณยายอายุเกิน 90 แต่หมอจะพยายามให้ดีที่สุด หลังจากฟังคุณหมอทั้งสองท่านโดยชัดเจนเราฟันธงเองเลยว่าแม่เราไม่รอดแน่ จึงโทรฯแจ้งลูกชาย ลูกบอกว่าก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดขอพูดโทรศัพท์กับคุณยายหน่อยซึ่งคุณยายก็ยังคุยกันเหมือนไม่ใช่คนป่วยที่กำลังจะเข้าทำการผ่าตัด เวลาบ่ายโมงเข้าห้องผ่าตัด เวลามันช่างช้าอีกแล้วระหว่างผุดลุกผุดนั่ง 3 ชั่วโมงได้แต่ภาวนาตลอดขอให้ปฏิหารณ์มีจริง เราคงรับไม่ได้แน่เพราะก่อนเข้าห้องผ่าตัดยังคุยกันเป็นปกติ หลังจากนั้นไม่ถึง 2 ชั่วโมงคุยกันไม่ได้แล้ว จะทนได้อย่างไร เวลา 4 โมงเย็นเมื่อรู้ว่าคุณยายปลอดภัยแล้ว จึงรู้ซึ้งถึงคำว่าภูเขาออกจากอกเป็นอย่างไร
ได้แต่นึกทบทวนว่า ถ้าคุณแม่ไม่รอดเราคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตที่ไม่ได้ดูแลท่านเมื่อท่านบอกว่าไม่สบายแต่เรายังทิ้งท่านออกมานอนข้างนอกโดยคิดว่าหลังจากหาหมอแล้วท่านคงไม่เป็นไร และเราไม่มีความอดทนต่อการดูแลท่านทั้งๆที่ได้ดูแลท่านอย่างดีมาตลอดเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงทำไมอดทนไม่ได้ เมื่อทราบจากหมอคิดว่าท่านไม่รอดแน่ทำให้เรารู้สึกผิดมากจิตใจทุรนทุราย คิดถึงคำที่เขาพูดกันอยู่เสมอว่าจะทำอะไรให้บุพพการีควรทำเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ให้ดีที่สุดเมื่อท่านเป็นอะไรไปจะได้ไม่เสียใจ คิดไปก็ได้แต่ภาวนาไปขอให้คุณแม่รอดเถอะนะลูกจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ขอสิ่งศักดิ์สิทธิจงคุ้มครองให้คุณแม่หายในเร็ววันเพื่อให้ลูกได้ทดแทนบุญคุณท่านตลอดไป
ขอขอบพระคุณคุณหมอและพยาบาลทุกท่านที่ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคุณพยาบาลท่านที่เรียกคุณหมอมาตรวจอีกครั้งหนึ่งก่อนให้กลับบ้าน นับว่าท่านเป็นพยาบาลด้วยจิตสำนึกที่กอร์ปด้วยจรรยาบรรณและคุณธรรมอย่างแท้จริงขอขอบพระคุณจากใจจริงค่ะ
ลองอ่านบันทึกนี้ของป๊อปนะครับ คลิกที่ http://www.gotoknow.org/posts/531277?1364378534
ขอให้คุณยายหายเร็วๆ และกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะคะ
คุณหมอและคุณพยาบาล เป็นวิชาชีพที่เสียสละ และมีคุณธรรมสูงจริงๆ นะคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
เป็นกำลังใจให้คุณยาย คุณแม่ และ อ.ดร.ป๊อป นะค่ะ
ขอให้คุณยายแข็งแรง สุขภาพดีไว้ๆๆ นะค่ะ