ณ ตอนนี้ จบปีหนึ่งแล้วอะ เกรดยังออกไม่ครบเลย ยังไม่ครบและดีแล้ว หุหุ มันจะได้ไม้กระชากเกรดอันน้อยนิดของข้าพเจ้าลงอย่างฮวบๆๆไงล่ะ ฮ่าๆ
โอเคๆอยากทำอะไรที่มีสาระบ้างก็เลยว่าจะมาแบ่งปันประสบการณ์ปีหนึ่งที่ผ่านมาให้ได้อ่านกัน ว่ามันโหด มัน ฮา หรือแป๊กขนาดไหน
ตอนได้เป็นเฟรชชี่อะไรกับเขาบ้างเนี่ยนะ รู้สึกแบบตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะ อะไรก็ใหม่ไปหมดทั้งที่อยู่ ที่เรียน อาหารก็ร้านใหม่ จากเคยกินฝีมือแม่และร้านข้าวราดแกงในโรงเรียน ณ ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ได้ย่างเข้ามาสู่โรงเรียนแพทย์อยางแท้จริงแล้ว โดยส่วนตัวชอบคำว่าโรงเรียนแพทย์มาก ไม่รู้ทำไม ฟังดูตรงกับความรู้สึกมั้งนะ
เล่าถึงการเรียนบ้างดีกว่าเนอะ วิชาที่เรียนตอนปีหนึ่งเทอมต้นก็มีพวกวิทยาศาสตร์แบบพื้นฐานของคณะวิทยาศาสตร์ แบบพื้นฐานก็ไม่ได้แปลว่ามันง่ายนะ ในที่นี้คือพื้นฐานแบบหยิบมาบางเรื่องที่เอามาปรับใช้ทางการแพทย์ได้ แล้วนำมาเรียนลงลึกพอสมควรในเรื่องนั้น ตัวอย่างเช่น
-polymer >> อุปกรณ์ทางการแพทย์ เส้นเลือดเทียม อาจารย์ชอบสอนเรื่องการนำไปประยุกต์ใช้อะ ไม่รู้นอกเรื่องมั๊ยนะแต่ที่จำได้คืออาจารย์บอกว่าครีมกันแดด spf เท่าไหร่นั้นคือเวลาที่มันปกป้องผิวของเราได้เป็นนาที
-เคมีอินทรีย์>> free radicalอะไรพวกนี้แล่ะที่เกี่ยวกับพวกอนุมูลอิสระอ่านะ การอ่านชื่อสารอินทรีย์ แรกๆทำเอาเลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน อาจาร์บอกว่าเอาไว้อ่านชื่อยาหรือไม่ก็แยกชนิดของยาได้ว่ามันเป็นเอมีน เป็นเอไมด์ บลาๆได้
-รังสีเบื้องต้น >> x-ray ได้เรียนว่ามันมีอะไรบ้าง อันตรายมากแค่ไหน วิธีนี้ควรใช้กับอะไร เนื้อหาก็ปริมาณพอเหมาะกับเด็กปีหนึ่งอย่างเราอยู่นะ ไม่ลงลึกมาก
-กรดเบส ก็มีเน้นบัฟเฟอร์มากๆ เพราะร่างกายของเราใช้บัฟเฟอร์ปรับสมดุลไง
-เรื่องการเคลื่อนที่ก็แอบยากกว่าม.ปลายอยู่นะ
มีเรียนคณิตด้วยนิดๆหน่อยๆ ถึงจะนิดๆหน่อย แต่รู้มั๊ยคนที่ไม่ค่อยถูกกับคณิตดังเช่นข้าพเจ้าจะปวดร้าวขนาดไหนเมื่อจะต้องเรียน T^T
แนวๆสังคมก็มีนะ เรียนเกี่ยวกับมนุษย์ๆนิดนึง บรรทัดฐาน วัฒนะธรรม ศาสนาอะไรพวกนี้แล่ะ ต้องขอสารภาพว่าข้าพเจ้าแอบงงเรื่องปรัชญาแบบสุดๆ ทำไมคำเหมือนกันต่างคนต่างช่วยกันนิยามเยอะจัง ฮือๆ ไม่สงสารเด็กตัวน้อยนิดที่เรียนบ้างเลย
ภาษาอังกฤษก็มีแกรมม่าหมือนมัธยมยกมาบางเรื่อง หนังสือก็เป็นแนวๆการปฏิบัติตนต่อคนไข้ที่มีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วให้เรียนรู้ศัพท์ในนั้น อาจารย์น่ารักมากๆเลย ถ้าใครได้เรียนกับอาจารย์ท่านนี้นะบอกได้เลยว่านางฟ้าบนดินชัดๆ อาจารย์เป็นอาจารย์คณะมนุษย์ อาจารย์จำชื่อเล่นนักศึกษาได้หมดเลย แล้วทุกคาบทุกคนจะได้ตอบคำถามโดยทั่วถึง อาจารย์จำหน้าได้หมดด้วยนะ หายากมากๆ(ความคิดส่วนตัว)ที่อาจารย์มหาลัยจะใส่ใจนักศึกษาขนาดนี้
ใครอยากเรียนศิลปะก็มีให้เรียนอยู่บ้างนะแต่เป็นแบบคร่าวๆแบ่งเรียนเป็นสี่ฐานย่อยๆ มีเรียนวาดภาพ จำได้ว่าอาจารย์สอนวาดจมูก โครงหน้าคนนิดหน่อย เรียนdrama อาจารย์ให้ทำแผลปลอม ไม่อยากจะเล่าว่า แผลที่ฉันทำนั้นมันปลอมจริงๆ ==" เรียนดนตรีอาจารย์ให้สอบร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และเรียนเกี่ยวกับทำตราสินค้าอะไรประมาณนี้แล่ะ
วิชาเลือกทางมหาลัยบังคับให้เลือกเรียน 6 หน่วย ตลอด 6 ปีเลือกเรียนตอนไหนก็ได้ เทอมแรกเรียนไป 5 หน่วย เหลืออีก 1 ไว้เรียนพละเทอมสองละกันนะ อิอิ 5 หน่วยมีอะไรบ้างอยากรู้ปะล่ะ มีเรียนพระพุทธศาสนาในประเทศไทย 3 หน่วย โหแลดูฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาเนอะ ไม่มีอะไรหรอกรุ่นพี่บอกว่าเซฟเอน่ะนะ อิอิ อุ๊ยรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าพเจ้าหมดเลย อีก 2 หน่วยก็ยาในชีวิตประจำวัน เรียนแล้วอย่างน้อยก็รู้จักเพนนิซิลินแล่ะ ได้ยินข่าวว่าเขาก็รู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมือง ก็จำได้เท่านี้น่ะ
อ้อเกือบลืมวิชานึงเป็นวิชาประมาณว่าจะสอนเนื้อหาที่หลากหลายแต่ทุกคนไม่ค่อยตั้งใจเรียนกันเท่าไหร่ สงสัยมันหลากหลายไปมั้งจนทุกคนตามไม่ทัน เรียนเกี่ยวกับวิธีการจดจำ วิธีการค้นคว้าข้อมูล การใช้อินเทอร์เน็ต และอื่นๆ ซึ่งมันไม่ค่อยเชื่อมโยงกันเท่าไหร่เลยงงๆ แต่ก็นะอย่างที่อาจารย์ท่านหนึ่งเคยพูดมันเป็นทางเดินไม่ใช่ทางเลือกอะ เทอมหนึ่งก็จบแต่เพียงเท่านี้แล่ะนะ ถ้าไม่ขี้เกียจเดี๋ยวแวะมาเล่าเทอมสองต่อให้ฟัง และถ้าจำได้จะมาเล่าถึงกิจกรรมที่ฉันได้เข้าร่วมในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย อย่าถามนะว่าแอบโดดกิจกรรมบ่อยมั๊ย บอกได้คำเดียว ให้ตอบตรงๆมั๊ยล่ะ ฮ่าๆ ป.ล. ไม่ตอบหรอก
รูปนี้ถ่ายตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่งจริงๆนะจ๊ะ อิอิ
***หากมีคำพูดใดไม่เหมาะสมต้องขอภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ***
^________^
ฟาร์ม
ไม่มีความเห็น