วันนี้ได้ไปประชุมเรื่อง "ข้อเท็จจริงและตัวเลขเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ และผู้มีปัญหาสถานะบุคคล นโยบายและทางออก" ที่สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา)
ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงประเด็นต่อไปนี้
- ภาพรวมทั่วไปเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและตัวเลขแรงงานข้ามชาติ และผู้มีปัญหาสถานะบุคคล
- ประกันสังคมและประกันสุขภาพสำหรับแรงงานข้ามชาติ และผู้มีปัญหาสถานบุคคล
- การจัดเก็บตัวเลขของแรงงานข้ามชาติและผู้มีปัญหาสถานะบุคคล
- นโยบายผู้อพยพลี้ภัยของประเทศไทย
- นโยบายและทางออกต่อแรงงานข้ามชาติ ผู้มีปัญหาสถานะบุคคล และผู้ลี้ภัย
วันนี้เป็นอีกวันนึงที่รู้สึกไม่อินเลย คือรู้สึกว่าทำไมเราไม่สงสัยประเด็นไหนบ้างเลย เอาแต่จดอย่างเดียว รู้สึกแย่มาก แต่ก็พยายามคิดว่าอาจเป็นเพราะเรายังรู้น้อย คงต้องไปหาอ่านเพิ่มเติม บางครั้งรู้สึกแย่มากที่ไม่เก่งด้านไหนเลย เขียนก็ไม่เก่ง ฟังก็ไม่เก่ง แต่วันนี้พอได้บอกเหตุผลที่เก็บไว้ในใจมานานเรื่องที่ไม่ยอมเขียนถึงเรื่อง งานเสวนาของสภาทนายความกับพี่เตือน พี่เตือนก็ได้แนะนำว่าคิดไปรู้สึกแย่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำไม่ได้ ทำไม่เก่งก็ต้องฝึกทำ ต้องหัดเริ่มต้น ประกอบกับคำพูดอาจารย์แหวว ที่ว่าเรายังพอมีเวลา แต่เวลาก็ผ่านไปทุกวัน ทำให้เราเปลี่ยนความคิดเลย อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น (ดีกว่ามานั่งบ่น กับคนอื่นว่าตัวเองยังทำอะไรไม่ได้) ตั้งใจไว้ว่าต่อไปนี้จะพยายามเขียนบันทึกให้บ่อยขึ้น อาจจะเริ่มจากเขียนถึงความรู้สึกต่อสิ่งที่ทำก่อน
แต่วันนี้สิ่งที่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่คิดว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ คือเรื่องนโยบายของผู้ลี้ภัยในประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องที่ผู้เขียนอยากทราบอยู่พอดี
นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่ ดร. ศรีประภา กล่าวว่า การจะดูว่าใครเป็นผู้ลี้ภัยหรื่อไม่ ไม่ใช่ดูที่ว่า ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาฉบับหนึ่งเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยหรือไม่ แต่ให้ดูที่องค์ประกอบของผู้หลี้ภัย หากองค์ประกอบครบก็คือผู้ลี้ภัย เป็นเรื่องที่ผู้เขียนไม่เคยนึกถึงเลย หลายคนอาจจะทราบนานาแล้ว แต่ผู้เขียนนึกเพียงว่าหาไม่ใช่ภาคีอนุสัญญาที่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องเรียนเขาว่าผู้ลี้ภัย
วันนี้ไปฟังคนอื่นพูดแม้จะไม่รู้เรื่องเสียส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ได้ฟังความเห็นของคนที่ทำงานในประเด็นนั้นๆ พูดแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริง และความคิด ของแต่ละคน ทำให้ได้รฃทราบหลายเรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อน ทำให้รู้จักฝึกมองมุมอื่นบ้าง วันนี้ถือเป็นวันที่ดีอีกวันนึง
วิกานดา
ไม่มีความเห็น