ทำไม__คนจนบริจาคไม่เหมือนคนรวย



.
สำนักข่าวบิสเนซ อินไซเดอร์ (BusinessInsider) ตีพิมพ์เรื่อง 'Why the rich don't give to charity'
= "ทำไมคนรวยไม่(ให้เงิน)บริจาค", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
.
สถิติการบริจาคเพื่อการกุศลในสหรัฐฯ พบว่า คนที่มีรายได้น้อยบริจาคเงินให้กับสาธารณะ กิจการทางศาสนา หรือสังคมมากกว่าคนที่มีรายได้มาก
.
ถ้าแบ่งคนอเมริกันเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 20% เรียงตามรายได้ จากมาก (top) ไปหาน้อย (bottom)
.
สถิติในปี 2011/2554 พบว่า กลุ่มคน 'top 20%' หรือกลุ่มคนที่มีรายได้มากที่สุด 20% แรก บริจาคเงินเฉลี่ย = 1.3%

กลุ่มคน 'bottom 20%' หรือกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยที่สุด 20% สุดท้ายบริจาคเงินเฉลี่ย = 3.2%
.
กฎหมายสหรัฐฯ ยอมให้นำเงินบริจาคบางรายการ เช่น บริจาคเพื่อการศึกษา ฯลฯ ไปใช้หักภาษีได้ (charitable tax deduction)
.
กล่าวได้ว่า ผู้บริจาคที่เป็นคนรวย (wealthy donors) กับคนชั้นกลาง (middle-class donors) ได้รับประโยชน์จากการนำเงินบริจาคไปขอลดหย่อนภาษี
.
คนจนเกือบทั้งหมดไม่ได้ประโยชน์ตรงนี้ เนื่องจากเสียภาษีเงินได้น้อยกว่าคนชั้นกลางและคนรวย ไม่ถึงระดับที่จะขอลดหย่อนภาษีเงินได้
.

.
แล้วทำไม...คนจนถึงได้บริจาคมากกว่าคนชั้นกลางและคนรวย หรือที่เรียกว่า มีความใจกว้าง (generosity) หรือดูเหมือนจะช่วยเหลือสังคม (prosocial) มากกว่า
.
อ.พอว พิฟฟ์ นักจิตวิทยา และคณะ จากมหาวิทยาลัย UC เบิร์คเลย์ ทำการทดลองให้คนรวยกับคนจนได้ชมวิดีโอเกี่ยวกับเด็กยากจน พบว่า คนจนกับคนรวยมีความ "สงสาร" หรือความกรุณาต่อคนที่ตกทุกข์ได้ยากมากพอๆ กัน
.
อ.แพทริค รูเนย์ และคณะ จากมหาวิทยาลัยอินเดียนา ทำการศึกษาพบว่า คนเราจะบริจาคมากขึ้น เมื่อมีโอกาส "สัมผัส" หรือพบเห็นคนอื่น-สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ 
.
และจะบริจาคน้อยลง ถ้าไม่มีโอกาส "สัมผัส" หรือพบเห็นคนอื่น-สัตว์อื่นที่มีความทุกข์
.

.
ตัวอย่างเช่น คนรวยที่อยู่ในละแวกคนรวย มีแนวโน้มจะบริจาคน้อยกว่าคนรวยที่อยู่ใกล้คนชั้นกลาง หรือคนจน 
.
คนจนส่วนใหญ่มักจะอยู่ในละแวกคนจน ทำให้เกิดความ "สงสาร" บ่อยกว่า และบริจาคมากกว่าตามไปด้วย
.
กลไกที่เป็นไปได้ คือ ยิ่งได้สัมผัสคนอื่น-สัตว์อื่นที่มีความทุกข์, คนเรามีแนวโน้มจะบริจาคมากขึ้น
.
รูปแบบการบริจาคของคนจนมักจะต่างจากคนชั้นกลาง หรือคนรวย โดยมีการบริจาคเพื่อองค์กรทางศาสนามากกว่า บริจาคเพื่อสังคมมากกว่าคนรวย
.

.
ส่วนคนรวยจะบริจาคเพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย องค์กรทางด้านศิลปวัฒนธรรม และพิพิธภัณฑ์มากกว่าคนจน
.
สถิติปี 2012/2555 พบว่า เงินบริจาคก้อนใหญ่ที่สุด 50 ยอดแรก เป็นการบริจาคให้สถาบันการศึกษามากถึง 34 รายการ (จาก 50 รายการ)
.
การบริจาคให้สถาบันการศึกษา ทำให้ดูเหมือนว่า คนรวยจะ "ทำเพื่อชาติ" หรือ "ทำเพื่อชนชั้นนำ (elite = คนชั้นนำ ในที่นี้หมายถึงคนที่มีโอกาสเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นนำ) 
.
คนอเมริกันที่รวยบริจาคเงินให้สถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยชั้นนำ โรงเรียนเก่ามากที่สุด รองลงไปเป็นพิพิธภัณฑ์ และองค์กรด้านศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ฯลฯ, สวนสาธารณะ
.

.
ทว่า... บริจาคให้องค์กรที่ทำงานด้านสังคม องค์กรที่ช่วยคนจน หรือคนด้อยโอกาสน้อยกว่า
.
กลไกอื่นที่เป็นไปได้ (นอกเหนือจากการให้เพราะสัมผัสอะไรที่ "น่าสงสาร" บ่อยหรือไ่ม่) คือ คนจนมักจะเชื่อเรื่องศาสนามากกว่า พึ่งพาความช่วยเหลือจากสังคม เช่น เครือญาติ ฯลฯ มากกว่า
.
คนจนจึงบริจาคผ่านองค์กรทางศาสนา และองค์กรที่ช่วยเหลือสังคม (ช่วยคนจน) มากกว่า
.
คนรวยพึ่งพาความช่วยเหลือจากสังคมน้อยกว่า อาศัยความสำเร็จจากโอกาสทางการศึกษา เช่น เข้าโรงเรียนดีๆ เข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ฯลฯ มากกว่า
.

.
คนรวยจึงบริจาคผ่าน "ความหลัง (แห่งความสำเร็จ)" มากกว่าคนจน
.
เรื่องการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งของคนรวยกับคนจนก็มักจะต่างกัน
.
มีผู้สังเกตว่า คนจนมักจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าคนรวย และคนสูงอายุมักจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าคนที่ยังไม่ "สอวอ (สูงวัย)"
.
เพราะคนจนต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากนักการเมือง หรือนโยบายทางการเมือง เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ประกันราคาผลผลิตทางเกษตร ฯลฯมากกว่าคนรวย
.

.
คุณครูภาษาไทยสอนว่า คนเราทำอะไรดีๆ ได้ทุกวันด้วยการหัดพูดคำว่า "ขอบคุณ-ขอบใจ-ขอโทษ" อย่างพอดี
.
เพียงกล่าวคำ "ขอบคุณ-ขอบใจ" ก็ทำให้คนอื่นอยากทำ หรือเต็มใจทำอะไรดีๆ มากขึ้น แถมยังสะท้อนถึงความเป็นคน "รู้คุณคน" ของคนพูด
.
และยิ่งถ้ากล่าวคำ "ขอโทษ-ขออภัย" ยิ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกดี ความโกรธ-ความแค้น-ความขัดเคืองลดลง โทษใหญ่บรรเทาเบาบางลง
.
ถ้าคำ "ขอบคุณ-ขอบใจ-ขอโทษ" ทำให้คนมีความสุขมากขึ้น มีความทุกข์น้อยลงได้... คนที่ดูจะได้รับอานิสงส์ (กำไร) จากการพูดแบบนี้มากที่สุดในระยะยาวคงจะไม่ใช่คนฟัง
.
.
ทว่า... เป็นคนพูด
.
มีคำกล่าวว่า คำพูดของชาติที่มีอนาคต...มักจะมีคำ "ขอบคุณ-ขอบใจ-ขอโทษ" แทรกอยู่มากเป็นพิเศษ
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.

 > [ Twitter ]

  • Thank BusinessInsider > http://www.businessinsider.com/why-the-rich-dont-give-to-charity-2013-3
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 22 มีนาคม 56. ยินดีให้ท่านนำบทความไปใช้ได้ โดยอ้างที่มา และไม่จำเป็นต้องขออนุญาต... ขอบคุณครับ > CC: BY-NC-ND.
  • ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค; ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูง จำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
หมายเลขบันทึก: 531035เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2013 23:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2013 23:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอเป็นคนจนคนหนึ่งครับ คุณหมอ....:)


จริงๆแล้ว ไม่ต้อง "ขอ" ครับ คือตอนนี้ผมเป็นคนจน จริงๆ ครับ... 555  (ผมเป็นสมาชิก ชมรม 101.99 และผมถือศีลอยู่ จึงมิอาจโกหก ....อิอิ.:) )

ดิฉันขอเป็นคนชนชั้นกลางดีกว่า อยู่ตรงกลาง จะขยับไปเป็นคนรวยหรือคนจนเมื่อใดที่ต้องการก็ได้ สะดวกดี เพราะชีวิตของเราสามารถเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับเสมอ ขอบคุณค่ะที่นำบทความมาลงเตือนใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท