(12) อยากเรียน ป.เอก ให้ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข เชิญทางนี้ : ตอนที่ 1 มีความมุ่งมั่น


ความสำเร็จที่ได้มานั้นบางคนต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และเงินทุนก้อนใหญ่ .. หน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว ที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด มันคุ้มค่าแล้วหรือ.. มันต้องขนาดนี้ทุกคนเลยหรือ? ไม่จำเป็นหรอก..

ดิฉันเขียนประสบการณ์การเรียน ป.เอก ของตนไว้หลายตอน เพื่อเป็นข้อพิจารณาสำหรับผู้ต้องการเรียน ป.เอก ให้ ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข ตั้งใจจะนำมาแลกเปลี่ยนตั้งแต่ เมษายน 56 นี้เป็นต้นไป แต่เมื่อมีโอกาสได้รับฟัง 'ศุ บุญเลี้ยง' วิทยากร 'มิวสิคบรรยาย' เรื่องเกี่ยวกับคุณภาพในงานประชุม HA 14th Forum ที่เมืองทองธานีเมื่อ 14 มีนาคม 2556 แล้วอดใจรอไม่ได้ จึงตัดสินใจนำตอนแรกออกมาแลกเปลี่ยนเสียเดี๋ยวนี้ เพราะมันจี้จุดตรงใจมาก เรื่องมีอยู่ว่า..

การเรียน ป.เอก มีต้นทุนที่สูงมาก

ดิฉันเห็นหลายคนเรียนด้วยความทุกข์ยากแสนสาหัส ความสำเร็จที่ได้มานั้นบางคนต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และเงินทุนก้อนใหญ่ บางคนอาจต้องแลกด้วยหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว ที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด มันคุ้มค่าแล้วหรือสำหรับคำนำหน้าว่า 'ดร.' ดังที่คาดหวังไว้ (พี่พยาบาลอาวุโสบางคนเรียกดิฉันตั้งแต่วันแรกที่ไปเรียนว่า "ไอ้ดอน" ชื่อนี้แปลกหู แต่ก็ฟังดูดี) ต้นทุนที่แสนแพงนี้ทำให้หลายคนไม่กล้าเรียน มันต้องขนาดนี้ทุกคนเลยหรือ? ไม่จำเป็นหรอก..

ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการเรียน ป.เอก ให้ 'ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข'

จากประสบการณ์การเรียน ป.เอก ยาวนานเกือบ 7 ปี แบบเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนะคะ ไม่ได้ลาเรียนหรือเรียนเต็มเวลา พบว่ามีปัจจัยแห่งความสำเร็จหลายข้อ แต่เมื่อถอดบทเรียนแล้วพบว่า มีปัจจัยเพียงข้อเดียวที่มีผลต่อปัจจัยอื่นทั้งหมด หรือจะพูดให้ฟังยากขึ้นแต่เข้าใจได้มากกว่า คือ ปัจจัยข้อนี้เป็นสาเหตุของสาเหตุอื่น หากจัดการข้อนี้ให้ผ่านไปได้ ข้ออื่นๆ ก็ไม่ยากนัก นั่นคือ 'ความอยาก' นั่นเอง

'ศุ บุญเลี้ยง' บอกในมิคสิคบรรยายของเขาว่า การจะทำหรือเปลี่ยนเรื่อง 'ยาก' ให้ง่ายนั้นไม่ยากเลย แค่เติม 'อ.อ่าง' ลงไปหน้าคำว่า 'ยาก' ให้เป็น 'อยาก' เท่านั้น นั่นคือ ต่อให้เป็นเรื่องยาก แต่ถ้าทำด้วยความอยากแล้ว เรื่องนั้นก็ไม่ยากอีกต่อไป ใช่เลย! ฟังดูง่ายนะคะ หากจะเรียน ป.เอก ด้วยสาเหตุเพราะ 'อยากเรียน' หลายคนที่อยากเรียนอาจร้องออกมาด้วยความยินดีว่า 'ฉันอยากเรียนๆ' พร้อมกับความคาดหวังว่าตนเองจะประสบความสำเร็จในการเรียน เพราะมีปัจจัยความสำเร็จข้อแรกที่สำคัญที่สุดเป็นต้นทุนแล้ว ยังหรอก! เพราะคุณอาจจะอยากไม่มากพอ แล้วจะต้องอยากเรียนมากแค่ไหนล่ะ ก็ไม่มากหรอก.. แค่ 'อยากมาก' 'อยากมานานแล้ว' และ 'อยากจนเป็นนิสัย'

ประการแรก : อยากมาก หรืออยากเรียน ป.เอก มาก (ไม่ใช่อยากในใจ เพราะนั่นยังอยากไม่มากพอ) วิธีการคือให้ประเมินตนเองว่าอยากเรียนมากแค่ไหน จากพฤติกรรมการแสดงออกของตนเอง เช่น ติดตามว่ามีมหาวิทยาลัยใดเปิดสอนบ้าง เปิดสอนหลักสูตรใด แล้วมีหลักสูตรที่เราต้องการเรียนหรือเปล่า อาจติดตามเองหรือให้เพื่อนฝูงญาติพี่น้องช่วยติดตามและส่งข่าวให้ก็ได้ ตัวอย่าง ตัวดิฉันเองหลังเรียนจบ ป.โท ที่นิด้า(ภาคพิเศษ) ก็ติดตามมาโดยตลอดว่ามีหลักสูตรที่ต้องการเรียนเปิดเรียนที่ไหนบ้าง เมื่อทราบข่าวจากวงในว่านิด้าจะเปิด ป.เอก ภาคพิเศษที่ Campus สีคิ้ว ดิฉันก็รีบทำเรื่องขอย้ายจาก จ.อุบลฯ ไปช่วยราชการที่ รพ.จิตเวชสระแก้ว เพื่อให้ใกล้สถานที่เรียนมากที่สุด แต่โครงการดังกล่าวไม่ผ่าน (หรือข่าวผิดก็ไม่ทราบ) นิด้าจึงไม่ได้เปิดสอน ป.เอก ที่สีคิ้ว และดิฉันก็ย้ายไปช่วยราชการไม่สำเร็จเช่นกัน นับว่าเป็นเรื่องดี

ที่บอกว่าเป็นเรื่องดี เพราะวันหนึ่ง สามีนำเอกสารประชาสัมพันธ์หลักสูตรที่อยากเรียนมาให้ดู จะเปฺิดเรียนที่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดย ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง และคณะ เป็นแกนนำ ดิฉันรู้สึกดีใจมากเพราะเป็นศิษย์เก่านิด้าจึงเคยเรียนกับท่าน ตรงนี้พิเศษนิดหนึ่ง หากใครเป็นศิษย์เก่านิด้าจะทราบดีว่าบรรยากาศของนิด้านั้น open มาก คำนี้ดิฉันเขียนเองจากความรู้สึกว่าคนนิด้าพูดได้ แสดงความคิดเห็นได้ทุกเรื่องโดยอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย สามารถโต้เถียงกับอาจารย์ได้(โดยความเคารพ) หากได้สอบสัมภาษณ์กับอาจารย์ แม้สอบไม่ผ่านก็ยังคุ้มค่าเพราะได้แลกเปลี่ยนกับท่าน .. แล้วดิฉันก็ได้เรียนสมใจอยาก (ลูกสาวคนเล็กของดิฉันช่วยขยายความคำว่า สมใจอยาก ว่ามัน 'ฟิน' มาก)

ประการที่สอง : อยากมานานแล้ว หรืออยากเรียน ป.เอก มานานแล้ว ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายว่านานแค่ไหน อย่าตอบว่า "เพิ่งคิด" "เพิ่งอยาก" หรือ "เบื่อๆ อยากๆ" อะไรทำนองนี้ ขอให้เป็นลักษณะอยากอย่างต่อเนื่องก็พอ ตัวอย่าง ดิฉันนั้นทันทีที่เรียนจบ ป.โท ถือว่าเป็นผู้มีสิทธิ์เรียน ป.เอก (เพราะยังไงก็ต้องจบโทก่อนเรียนเอกใช่ไหม) ก็อยากใช้สิทธิ์นั้นทันที ดิฉันจบ ป.โท ปี 2545 เรียน ป.เอก ปี 2548 จึงอยากเรียนนานถึง 3 ปีเต็ม อันที่จริงอยากเรียนมานานกว่านั้นมาก จะเล่าความหลังให้ฟังนะคะ ปี 2527 ดิฉันเรียนจบ ป.ตรีด้วยเกรดเฉลี่ยเกิน 2.00 เพียงเล็กน้อย แล้วตัวระบบการศึกษาของไทยก็พิพากษาไว้ว่า 'โง่' เกินกว่าจะศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้นได้ โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ดิฉันจึงตั้งใจว่าจะหาโอกาสเรียนต่อให้ได้ เพียงแต่ตอนนั้นคาดหวังไว้เพียง ป.โท เท่านั้น หากจะสรุปว่าดิฉันอยากเรียนมานานแล้ว คงไม่ผิดนัก

ประการสุดท้าย : อยากจนเป็นนิสัย หรือเป็นคนประเภทอยากเรียนรู้เป็นนิสัย คนแบบนี้จะมีลักษณะช่างสงสัยใคร่รู้ หากได้เห็น ได้ฟังอะไรแล้วจะคิดทบทวน ตั้งคำถามกับตนเองเพื่อหาคำตอบอยู่เสมอ (ไม่ใช่หาเรื่องนะ) สิ่งที่สังเกตได้ง่ายสำหรับคนแบบนี้คิอ จะมีพฤติกรรมดังที่ ดร.จันทวรรณ เรียกว่า 'เทคนิควิธีที่ทำให้รักการเรียนรู้ตลอดเวลา' และอยากให้มีการแลกเปลี่ยนกัน เช่น การมีหนังสือติดตัวตลอดเวลา เมื่อมีเวลาก็นำขึ้นมาอ่านได้ทันที หรือจดโน้ตสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ๆ ลงในสมุดโน้ตเล็กๆ ที่พกติดตัวไว้ตลอดเวลา สำหรับตัวดิฉันเองก็มีนิสัยประมาณนี้ เพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันเคยสอบถามเทคนิคส่วนตัวในการจดจำเรื่องราวต่างๆ อย่างแม่นยำ เพราะมีท้ังเวลา สถานที่และบุคคล ดิฉันมีเพื่อนระดับนายพลท่านหนึ่ง เคยขอคำแนะนำเรื่องนี้ ได้แนะนำท่านว่า

"ไม่ยากหรอก พี่มีกระเป๋าส่วนตัวอยู่แล้ว ปากกาก็มี หาสมุดฉีกบางๆ หรือกระดาษโน้ตเล็กๆ สักเล่มใส่กระเป๋าไว้ สิ่งใดที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็บันทึกย่อๆ ไว้ ฤกษ์งามยามดีก็นำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องเป็นราวสักทีหนึ่ง"

ยังมีปัญหาว่าจะเก็บกระดาษที่เขียนแล้วอย่างไรไม่ให้กระจัดกระจาย หรือลืมทิ้งไว้ในที่ต่างๆ ที่จริงในคำถามนี้มีคำตอบอยู่แล้ว ผู้ถามอยากได้.. มากกว่า

"พี่ก็หาที่เสียบกระดาษมาใช้สักอันซิ กลับบ้านก็เอาไปเสียบไว้ (ยกเว้นมีหลายบ้าน ต้องมีหลายอัน อาจทำให้สับสนได้) แต่ถ้าลงวันเวลาไว้ด้วยก็ไม่ต้องห่วงว่าจะผิดลำดับ หรือจะใส่กล่อง ใส่กระป๋องไว้ก็ได้"

ยังมีปัญหาอีก.. ถ้าลืมพกกระดาษหรือกระดาษหมดล่ะ จะทำอย่างไร?

"แหม.. จะมีปัญหาอะไร ก็ธนบัตรใบละพันของพี่น่ะเต็มกระเป๋า จดๆ ไปเถอะ กลับบ้านเมื่อไรใส่กล่องไว้ เต็มกล่องเมื่อไรโทรตามได้เลยจะนำไปเรียบเรียงให้"

ตอนนี้ท่านคงใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว มีใครเขียนอัตชีวประวัติให้ท่านหรือยัง ถ้าท่านได้อ่านบทความนี้กรุณาติดต่อกลับมาด่วน! จะไปจัดการให้โดยเร็ว (แต่ต้องโน้ตไว้บนกระดาษสีเทาด้วยนะ ถึงจะทำให้ได้)

ในระหว่างเรียน ดิฉันพบปัญหาและอุปสรรคเป็นระยะ แต่ไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา หากแต่เป็นบททดสอบที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ และดิฉันก็สามารถก้าวข้ามไปได้ทุกครั้งด้วยดีเพราะมีความอยากเรียนมากพอ อันที่จริงความอยากทั้งสามประการ คือ อยากมาก อยากมานานแล้ว และอยากจนเป็นนิสัย เป็นการอธิบายความหมายของคำว่า 'ความมุ่งมั่น' ในมุมมองของดิฉันนั่นเอง หากท่ามีความมุ่งมั่นมากพอจน ตั้งเป้าหมายและใฝ่หา (อยากมาก) เตรียมตนเองให้พร้อม รอเวลา (อยากมานานแล้ว) และมีนิสัยใฝ่เรียนรู้ (อยากจนเป็นนิสัย) ก็ถือว่าท่านมีความมุ่งมั่นที่จะเรียน ป.เอก การเริ่มจากภายในเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แม้มีปัญหาอุปสรรคก็จะสามารถให้กำลังใจตนเองได้ ก็มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จและมีความสุข.. ตอนต่อไปดิฉันจะนำวิธีการเตรียมตัวเรียนอย่างมีความสุขมาฝากนะคะ ขอเวลาสัก 1 สัปดาห์ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 530719เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2013 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2020 15:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ขออภัย อยากได้ commment จากผู้สนใจสักหนึ่งท่าน  เพื่อสร้างความมั่นใจในการลงตอนต่อๆ ไปที่รออยู่นานแล้ว (เคยได้ยินมาว่าพวกเรียนสูงๆ พูดภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่อง มีแต่ศัพท์แสงที่ฟังไม่ออก ไม่ทราบว่าสไตล์การเขียนแบบบ้านๆ OK หรือไม่)  

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ท่านผู้ดูแลระบบ comment ของตนเองไม่แสดงให้เห็นหรือคะ อยากสื่อสารกับสมาชิก ช่วยหน่อยนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

หวัดดีครับ เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากเลย

ส่วนตัวพึ่งเรียนจบ ป.โท ด้าน รัฐประศาสนศาสตร์   

ตอนเรียน ป.โท มีอาจารย์พิเศษท่านหนึ่งมาจาก NIDA  เลยได้แรงบันดาลใจในการเรียนต่อ ป.เอก

ตอนนี้กะัลังเตรียมตัวในหลายด้านๆ  คาดว่าจะต้องรอประมาณสองปีถึงจะได้เรียนเอกต่อ 

ช่วงนี้คงต้องพิสูจน์ความอยาก และความยากในการเตรียมตัวไปก่อน

ขอบคุณมากๆที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ

ขอบคุณคุณ a_atta นะคะ ดิฉันรอ comment นี้มานานหลายเดือน เพื่อให้มั่นใจว่ามีผู้สนใจจริงก่อนจะนำตอนต่อไปมาแลกเปลี่ยน ขอไปทำธุระก่อนนะคะ จะกลับมาลงตอนต่อไปอีก ขอบคุณค่ะ

ผมจะจบนิด้า 2557 ปีนี้ครับ เป็นรุนแรก ในสาขา English for professional development งาน IS ทำเป็นภาษาอังกฤษก็ผ่านแล้วดีใจมากครับผม และตอนนี้ ก็ ออกจากการเป็น วิศวกร ไปเป็น อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ระดับ ป ตรี เรียน ที่ นิด้า สนุกมากครับ ยากมาก น้องๆ สาวๆ สองสามคน ต้องเสียคนรักไป เพราะมาเรียน ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากที่จบที่นี่ เรื่อง ป เอก ผม มองๆ ไว้อยู่ เก็บเงินก่อน โอย กว่าจะจบก็ แทบตายครับ

ผมจะจบนิด้า 2557 ปีนี้ครับ เป็นรุนแรก ในสาขา English for professional development งาน IS ทำเป็นภาษาอังกฤษก็ผ่านแล้วดีใจมากครับผม และตอนนี้ ก็ ออกจากการเป็น วิศวกร ไปเป็น อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ระดับ ป ตรี เรียน ที่ นิด้า สนุกมากครับ ยากมาก น้องๆ สาวๆ สองสามคน ต้องเสียคนรักไป เพราะมาเรียน ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากที่จบที่นี่ เรื่อง ป เอก ผม มองๆ ไว้อยู่ เก็บเงินก่อน โอย กว่าจะจบก็ แทบตายครับ

สวัสดีคะคุณดารณี ยินดีที่ได้รู้จักคะ ดิฉันจบ ป.โท จากมหาลัยเอกชนใน กทม. คณะบริหารธุรกิจ เอกการจัดการ และตอนนี้กำลังมองหาที่เรียนเอกอยู่ดิฉันเป็นคนเรียนอยู่ในระดับกลางๆ จบ ตรี ปี 2554 เกรด 2.4 จบโทปี 2556 เกรด 3.4 กลัวว่าถ้าจะไปสมัครเรียนต่อเอกจะต้องมีการสอบต่างๆมากมายโดยเฉพาะภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งคะเลยเป็นกังวลแต่ตั้งใจและอยากเรียนต่อเอกมากๆมันเป็นสิ่งที่ดิฉันมุ่งมั่นตั้งใจมากๆแต่ดิฉันมีครอบครัวพออ่านแล้วก็กลัวมีปัณหาเรื่องเวลาคะ

.

คุณดารนี เขียนมาให้อ่านอีกนะคะ  อยากเรียน ป.เอกมากที่นิด้า  ไม่ทราบว่าเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นเท่าไร

เพิ่งได้อ่านบทความของพี่ค่ะ หนูกำลังจะจบปริญญาโทประมาณเดือนหน้า มีความอยากที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกเช่นกันค่ะ แต่ของหนูเป็นความอยากส่วนตัวรวมทั้งเป็นคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนสำคัญที่ล่วงลับไปแล้วด้วย คงไม่ต้องบอกว่าอยากขนาดไหน ^^ ตอนเรียนโทก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เลยได้ทั้งปริญญาและประสบการณ์ทำงานไปพร้อมๆกัน ตอนนี้กำลังจะสมัครสอบปริญญาเอกที่จุฬาค่ะ เปลี่ยนสายการเรียนโดยสิ้นเชิงคือจากวิศวะป.ตรีและป.โท แต่กำลังจะสมัครปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาค่ะ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ ^^

@Pan จะเป็นกำลังใจให้นะคะ รวมทั้งทุกท่านที่มีความฝันเหมือนกัน

ตอนนี้ดิฉันกำลังประคับประคองลูกสาวคนเล็ก เธอจบภาคทฤษฎีของ ป.โท แล้ว เหลือภาควิทยานิพนธ์ แต่เธอต่อโทโดยไม่เคยทำงาน ไม่เคยแม้แต่งานบ้านที่เป็นหน้าที่ของผู้หญิง กลุ้มใจนะคะ ดิฉันกำลังพาเธอไปฝึกภาคสนามจริง ให้เธอเขียน filed note ในขณะที่แม่เขียนบทความควบคู่กันไป ดิฉันจะลงเผยแพร่ใน gtk นี้วันละตอน ครบ 1 วันแล้วปิดไว้ไม่ให้ใครเห็นอีก หากสนใจลองติดตามอ่านดูนะคะ

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขียนอะไรตามที่ใจเรียกร้องไม่ค่อยได้ค่ะ

สวัสดีครับผมกำลังคิดต่อปริญญาเอก แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เรียนโท หลังจากทำงานมาสิบปี ตัดสินใจได้แล้วว่าต่อสายเดิม เพราะป.ตรีทำมาดี โชคดีได้มาอ่านประสบการณ์ของพี่ครับ

สวัสดีค่ะ หนูเพิ่งเรียนจบ ป.โท เอกบริหารการศึกษา จาก ม.อ. ได้อ่านบทความของคุณดารนี แล้วรู้สึกชื่นชมในความตั้งใจมาก และมีกำลังใจอยากเรียนต่อขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะที่มาแชร์ประสบการณ์ จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ

สวัสดีครับพี่. ดร. ดารนี. (ขออนุญาติเรียกพี่)ผมได้มีโอกาสได้อ่านกระทู้ของพี่"อยากเรียน ป.เอก ให้ประสบความสำเร็จ"ผมรู้สึกมีแรงผลักดันในการเรียนเพิ่มขึ้นอีกมากๆครับ โดยส่วนตัวติดตามกระทู้พี่ตั้งแต่มีความคิดอยากจะเรียน ป เอก. (ตอนนั้นเรียนโทกำลังจะจบ)ต่อมาผมได้เก็บประสบการณ์ความอยา (อยากเรียนมาก. อยากมานานแล้ว อยากจนเป็นนิสัย)ของพี่มาใช้กับตนเองในช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ตนเองสนใจ(มุ่งมั่น ตั้งใจ)ติดตามข่าวสาร. อ่านงานวิจัยที่ตนเองสนใจ พกติดตัวบวกกับความกล้า มั่นใจ. แน่วแน่. และสุดท้ายในปีนี้ผมสามารถสอบเป็นนิสิตปริญญาเอกได้แล้ว ในสาขจิตวิทย

(ขอนุญาติต่อ)ผมสามารถสอบเป็นนิสิตปริญญาเอก ได้แล้วในสาขา จิตวิทยาประยุกต์ มศว ซึ่งสุดท้ายต้องขอบคุณกระทู้ของพี่ ดร.ดารนี. ที่ได้สร้างแรงผลักดันในการสอบเข้าเรียนในครั้งนี้ครับ. โดยส่วนตัวก็เป็พยาบาลจิตเวชเหมือนกัน จึงรู้สึกภมิใจที่มีพี่เป็นแบบอย่าง. และจะตั้งใจเรียนให้ประสบความสำเร็จต่อไปครับ. @@@ขอบคุณ พี่ ดร.ที่ได้สร้างกระทู้ดีๆมีประโยชน์ ให้น้องได้ติดตาม@@

สวัสดีค่ะคุณ Open

ยินดีด้วยอย่างยิ่งนะคะที่จะ 'ได้เรียน' ดิฉันเชื่อว่าคุณจะ 'เรียนได้' และเรียน 'อย่างมีความสุข' .. ดิฉันจะให้คาถาคุณบทหนึ่ง เพื่อช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นระหว่างเรียน .. "เมื่อพบอุปสรรค จง 'อยาก' ให้มากขึ้น" ฮา ..

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์

วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการเปิดสอน 4 หลักสูตร ดังนี้

บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต (หลักสูตรปริญญาเอก)

Doctor of Business Administration (D.B.A.)

รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต (หลักสูตรปริญญาเอก) Doctor of Public Administration (D.P.A.)

รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรปริญญาโท) Master of Public Administration (M.P.A.)

บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (หลักสูตรปริญญาโท)

Master of Business Administration (M.B.A.)

สนใจสมัครเรียน http://rcim.rmutr.ac.th/

หรือโทร 02-441-6067 , 092-442-8000

สวัสดีครับคุณ ดารนี

ขออนุญาตเรียกพี่ละกันนะครับ ผม NIDA MPA 27 ครับ .. หลังจากที่ได้อ่านบทความของพี่แล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า การเรียน ป.เอก ไม่ได้ไกลเกินความสามารถ จากที่มีความ "อยาก" เป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ผม "อยากมาก" ขึ้นอีกครับ ต้องขอขอบคุณพี่มากครับ สำหรับบทความที่ดีมากๆ ครับ

สวัสดีครับพี่ผมก็กำลังเรียนอยู่และก็เจอปัญหาหลายๆเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากเรียนต่อแล้วเพราะไม่รู้ว่าจะหาองค์ความรู้จากไหนมาเรียนเพราะอ. จะบอกว่าองค์ความรู้ที่มีอยู่ยังไม่พอที่จะเรียน ป.เอกได้

ได้ความรู้มากคับ เขียนใช้ภาษาง่ายๆ เหมือนคุยกัน คำว่า “อยาก” มองย้อนกลับมาหาตัวเอง เออเนอะ เราก้อมีความอยาก เหมือนกัน ตอนนี้เรียน เอก อยู่คับ จบโทนิด้า ปี 52 คับอยากมาหลายปีละ เริ่มเรียนสักที55555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท