กว่าจะถึงวันนี้ : "มีกำไร"


หลังจากวันนี้ได้นั่งอ่านบันทึกหลากหลายบันทึกในชุมชน Smart path  ทำให้นึกย้อนไปตั้งแต่ตอนทำงานใหม่ๆ ค่ะ 

บอกตามตรงว่าตัวเองเข้ามาทำงานในช่วงแรก ๆ ทำงาน  Routine หนักและเยอะมาก ๆ ไม่ค่อยได้ไปไหนกับเขา ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ถูกทำงานแทนคนอื่นอยู่เรื่อยและเป็นประจำ (แต่ไม่สามารถเอาไปเขียนภาระงานได้) ผลก็คือทำมาก ผิดมาก โดนดุเป็นประจำ และจะผิดเป็นคนแรก ๆ อยู่เสมอ ก็เลยโดนหนัก แต่พอคนอื่นผิดบ้าง กลับเฉย ๆ และไม่โดน แต่ตัวเองก็ไม่เคยท้อ...และพยายามมากขึ้น  ๆ  แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามก็ยิ่งผิดแฮะ  (บางครั้งก็อาจนึกน้อยใจ  นี่เองเป็นสาเหตุให้ตัวเองเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้มาก เมื่อผู้อื่นผิดพลาด  และรู้ถึงสาเหตุและที่มาของปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ)

จำได้ว่า..... 

  • ก่อนจะออกไปเสนอผลงานโปสเตอร์ในงานประชุมวิชาการคณะแพทย์(เข้าไปดื่มน้ำ ก่อนไป present) มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บอกว่าผลงานเราคงไม่ได้รางวัลหรอก เพราะคุณเรียงลำดับเนื้อหาได้ไม่ดี ตอนนั้นผู้เขียนไม่เคยนึกถึงรางวัลด้วยซ้ำ แค่อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ก็ยังอดสงสัยว่าทำไม ? หนอ เขาถึงพูดเช่นนั้นได้ :   แต่ปรากฏว่าผลงานผู้เขียนได้รับรางวัลชนะเลิศ 
  • หลังจากได้รับรางวัลผู้เขียนนึกอยากเขียนเป็นผลงานวิจัย ขอไปปรึกษาพี่คนหนึ่ง  คำตอบที่ได้คือ "ไม่มีเวลา ถ้าจะให้ดู นาน  และผลงานนี้ก็คงจะไม่นำไปใช้อ้าง"  ผู้เขียนจึงตัดสินใจส่งผลงานไปในทันที  (แต่วันหลังก็ได้นำผลงานไปอ้างถึงและเขียนในภาระงานประจำปี-- ผู้เขียนก็ยังแอบดีใจด้วยซ้ำ)
  • เปลี่ยนระบบใช้ Primary tube แทนดูด serum ใส่ cup ก็ยังจำได้ว่า ถ้าเธออยากทำมากเธอก็ไปลองกับเครื่อง...วันเสาร์-อาฑิตย์โน่น แต่ผู้เขียนก็ำทำเดี๋ยวนั้นเลย และได้ใช้มาถึงปัจจุบัน
  • ทำวิจัยชิ้นที่สอง ก็มีคนบอกว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ เขียนยาก แถมบางคนยังแนะนำให้ทำยากยิ่งกว่าเดิม แต่ผู้เขียนก็ยังทำ
  • วิจัยชิ้นที่สาม ก็บอกว่ามันขัดกับทฤษฏีและไม่ให้ใช้  ไม่ดูแม้แต่ผลด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นไร เพราะผู้เขียนก็ยังคงทำอยู่

ผู้เขียนไม่เคยนึกโกรธใครเลย  นึกขอบคุณอยู่เสมอ  ที่ทำให้้ผู้เขียนได้มีโอกาสเีรียนรู้ ได้ด้วยตนเอง   และสรุปได้ว่าชีวิตที่ผ่านมาถือว่า "มีกำไร" ในชีวิต (ได้จากบันทึก"ทุกข์ทำไม?"   ของคุณจตุพร  )

แม้เส้นทางของผู้เขียนจะมีอุปสรรค แต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้  เปลี่ยนความคิดเชิงลบ ให้เป็นบวกได้ และยังมองโลกในแง่ดีได้  เพราะผู้เขียนมักจะมีข้อคิดและคติมากมาย เอาไว้เตือนตนอยู่เสมอ  

และจุดสำคัญนั่นก็คงเป็นเพราะ....ผู้เขียน

รัก...งาน รัก....หน้าที่ และรัก....ในวิชาชีพ (นักเทคนิคการแพทย์)

จากบันทึก อีกครั้งค่ะ 

รวมทั้งยัง  รัก....เพื่อนร่วมงานทุกคนเลย

 

หมายเลขบันทึก: 52846เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2006 18:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
อ่านแล้ว"ยิ้ม" ด้วยความเข้าใจ และเข้าใจค่ะ

สู้ต่อไปนะ คุณศิริ...เส้นทางข้างหน้า น่าจะกว้างขวางและราบเรียบน่าเดินกว่าที่ผ่านมาค่ะ
  • ท่าทางคุณศิริ คงต้องหาที่ปรึกษาใหม่เสียแล้วซิ เพราูะดูเหมือนกับไปกันคนละทิศ
  • ถ้าคิดอยากจะทำ ก็ทำเลยน้อง ตราบใดที่เราตอบได้ว่าทำไมเราถึงอยากทำ เชื่อมั่นในตนเอง แล้่วลุยไปข้างหน้า จนกว่าจะหมดแรง แล้วค่อยไปถามคนข้างๆ ว่าตูวิ่งมาถูกทางหรือเปล่า (ฮิ ฮิ)
  • การขอคำปรึกษา ก็เพื่อหาหนทางที่จะทำ ไม่ใช่ขอคำปรึกษาเพื่อบั่นทอนกำลังใจที่จะทำ สู้ต่้อไป ....ทาเคชิ (รุ่นผมเขาพูดกันอย่างนี้)
  • ถ้าทำวิจัย ให้ปรึกษาคนทำวิจัย อย่าไปปรึกษาคนที่ไม่ได้ทำวิจัย เพราะความเห็นมักไปกันคนละทิศ เหมือนกับถ้าเราชอบกันโปรตีนเป็นภักษาหาร ก็อย่าไปปรึกษาคนกินผักเป็นอาจิณ เพราะคำตอบมันจะไปกันคนละทาง
  • เชื่อว่า ถึงอย่างไร คุณศิริ ก็ไม่ยอมแพ้ อยู่แล้ว แม้หนทางยังอีกยาวไกล สู้ สู้ต่อไป ไอ้มดแดง ถึงแม้ขบวนการช๊อกเกอร์จะส่งสัตว์ประหลาดหน้าใหม่มาก็ตาม
ท่าทางคุณ Mitocondria จะชอบดูไอ้มดแดงมากน๊ะค๊ะ ผู้เขียนก็ดูค่ะ ไอ้มดแดง V1-V9 เลย ไม่อยากดูก็ต้องดู (เกรงใจเสียงร้องใบเตยกับต้นตาล) 

ผมชอบดูตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วก็มาดูอีกทีตอนโตแล้ว ดูเป็นเพื่อนลูกเหมือนกัน เพียงแต่ความรู้สึกต่างกัน

  • ดูตอนเด็ก ติดเพราะ ได้ดูฮีโร่ของเรา ปราบเหล่าร้าย
  • ดูตอนโต ด้วยความรู้สึกว่า เมื่อไหร่มันจะจบเสียทีนะ ไม่ใช่แค่จบนะ อวสานเลยยิ่งดี 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท