กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปพบกับเจ้าคณะจังหวัดน่าน เพื่อขอข้อมูลล่าสุด เพราะนำเสนอคณะกรรมการสวัสดิการสังคม จ.น่าน ด้วยอยู่ในฐานะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ โดยหวังให้ที่ประชุมรับทราบ และเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงไปดูแลและสนับสนุนกรณีอพยพประชาชนกรณีดินทรุดตัวที่ได้รับความเดือดร้อนเคยเป็นข่าวมาแล้วก่อนหน้าราว 1 เดือนแล้ว และ เห็นว่าทางราชการไปอพยพและช่วยเหลืออยู่
วันนั้นได้พบผู้บริหารระดับสูง ที่หน้ากุฏิท่านเจ้าคณะจังหวัด(หลังเราเข้าพบแล้วก่อนหน้า) เมื่อพบเลยถือโอกาสสอบถามว่า มีข้อหนักใจเกี่ยวกับการอพยพประชาชนอย่างไรหรือไม่ ท่านก็บอกราชการทำงานกันอยู่ หากแต่ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ เราพูดว่า ประชาชนหากสื่อสารเป็น ชาวน่านเข้าใจไม่ยากนะ รู้สึกเป็นห่วงเพราะมีข่าวว่าไม่เข้าใจกันในพื้นที่ ปรากฏว่า ได้รับตอบที่ไม่ค่อยไม่ประทับใจผู้ถามในหลายส่วน แล้วที่แย่คือ ผู้ถามถูกมองว่า อคติกับการทำงานของทางราชการอีก
โถ....น่าสงสารความคิด จะไปอคติทำไม เรากว่าจะเรียนก็โตเพราะราชการ ที่สำคัญปัญหาชาวบ้านสำคัญ ที่ถามเพราะอยากช่วย เพราะพอทราบข้อมูลมาเหมือนกัน แต่ระยะทางไกล สิ่งไหนพอช่วยประชาชนหรือชาวบ้านได้ก็อยากจะร่วมมือ ต่อไปมีปัญหาก็คงไม่เล่าให้ท่านนี้ฟังเป็นดีที่สุด ป่วยการจะช่วยเหลือแล้วจึงถูกมองไม่ดี สวัสดี
ที่สุดก็เป็นข่าวจนได้จะเป็นอย่างไรก็ให้ผู้ใหญ่ในจังหวัดว่ากันเอาเองก็แล้วกัน ส่วนเรากับชาวบ้านจะช่วยตามวิถีของพวกเรา เพราะพูดไปก็ถูกมองไม่ดี ด้วยไม่ได้มีอำนาจทางกฎหมายใด ๆ ต่อไปนี้เป็นสำเนาข่าวที่สื่อได้นำเสนอ ครับผม ได้สำเนามาไว้เก็บเป็นคลังความรู้ ดังนี้ . - ( ลงได้เป็นข่าวแบบนี้ต่อไปคงได้หาเหตุ หาเรื่องกันบ้านเมืองวุ่นวายไม่สงบสุขกัน )
เ มื่อ 25 กย.2549 ภาพ นายฉลองชัย วรสิงห์ นายอำเภอทุ่งช้าง กล่าวปิดศูนย์ชาวบ้านไม่พอใจเพราะกลัวอันตราย เจ้าอาวาสวัดทุ่งผึ้งเหลืออด หน่วยราชการน่านทิ้งผู้ประสบภัย/ณัฐชานัน์ บก.นันทบุรีนิวส์/ทีวีสี7/จสอ.สันติไฌญ
" เตรียมเดินทางเข้าพบคณะปฏิรูปการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข "
ทางด้านผู้ประสบภัยเผยนายอำเภอไล่ให้กลับไปอยู่ที่เดิมทั้งที่ครั้งแรกบอกให้ออกมาใครไม่มาไม่รับผิดชอบ เมื่อ 11.00 น. วันที่ 25 ก.ย.49 พระอธิการบำรุง ญาณสีโลเจ้าอาวาสวัดทุ่งผึ้ง กล่าวว่า หลังจากชาวบ้านน้ำพิ ม.3 ต.ทุ่งช้าง อพยพออกจากหมู่บ้านหนีเหตุธรณีพิบัติมาอาศัยอยู่ที่วัดทุ่งผึ้งเดือนกว่าแล้ว ที่วัดทุ่งผึ้งเป็น ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยมีชาวบ้านน้ำพิมาอยู่ที่นี่ 239 คน อยู่มาตั้งแต่วันที่26 สิงหาคม จนถึงปัจจุบัน เกิดภาระเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ห้องน้ำห้องส้วมที่กระทบต่อวัด เรื่องสุขอนามัยพวก ห้องน้ำห้องส้วมที่มีไม่พอรองรับผู้ประสบภัยที่อพยพมา ทางวัดต้องสร้างเพิ่มอีก 10 ห้อง ใช้งบประมาณไปกว่า 1 แสนบาท ค่าอาหารที่ทางวัดต้องจ่ายไปเกือบ 1 แสนบาท จากช่วงแรกที่ได้รับเงินมา 2 หมื่นกว่าบาท ส่วนค่าสร้างห้องส้วมจากเงินของผู้มีจิตศรัทธาที่บริจาคให้กับวัด ไม่ใช่งบช่วยเหลือน้ำท่วม ทางวัดก็ได้รับภาระหนักมาก ไม่ได้รับความสนใจจากทางการในการช่วยเหลือทุกวันนี้เล็กน้อยมาก งบประมาณในเรื่องของอาหารก็ไม่เพียงพอ ทุกวันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ ตีห้า กว่าจะจำวัดก็ 5 ทุ่ม พักผ่อนไม่เพียงพอ นายอำเภอจะมาดู 10 วันครั้ง ผู้ประสบอุทกภัย ทุกคนได้พลัดบ้านมาอยู่วัดทุ่งผึ้ง อาตมามีความเห็นอกเห็นใจชาวบ้านทั้งหลายที่มีความลำบาก เพราะมาอาศัยอยู่ที่นี่ ทุกคนไม่อยากจะจากบ้านมา แต่เพราะจำเป็นจึงต้องมา เพื่อรักษาชีวิตไม่มีผู้ใดที่ไม่รักชีวิตตัวเอง แต่ นายฉลองชัย วรสิงห์ นอภ.ทุ่งช้าง ที่สั่งยุบศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพบ้านน้ำพิให้กลับบ้านอ้างงบหมด ชาวบ้านก็ไม่พอใจเพราะเขาไม่มั่นใจในความปลอดภัยของหมู่บ้าน
ครั้งแรกเขาจะเดินขบวนขับไล่แต่ติดที่กฎอัยการศึก พูดไม่ให้กำลังใจชาวบ้าน ขับไล่ไสส่งให้ชาวบ้านกลับไปอยู่ที่เดิม โดยที่เขาขวัญกำลังใจยังเสีย เมื่อกลับไปบ้านก็ไม่มีความปลอดภัย จากแผ่นดินแยก การขับไล่ไสส่งมันเป็นการดีหรือไม่ มันเป็นวิสัยของผู้นำหรือไม่การจะพูดอะไรทำอะไรต้องคิด อย่าไปปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธแล้วงานที่ทำก็ไม่สำเร็จ
พร้อมกันนี้เจ้าอาวาสวัดทุ่งผึ้งก็กล่าวว่าขณะนี้เดินเรื่องนี้ ขึ้นไปหาคณะปฏิรูป จะขึ้นไปกรุงเทพใน 2 – 3 วันนี้ จะไปรายงานสิ่งต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นที่บ้านน้ำพิให้ผู้ใหญ่ได้ฟัง ให้รองราชเลขาธิการได้ฟัง อาตมาจะพูดหมด หลักฐานอาตมามีพร้อม ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อใด เวลาใด ให้ท่านได้รู้และรับทราบ เพื่อมาช่วยกันซับน้ำตาพี่น้องบ้านน้ำพิ ให้รับทราบและได้มีที่อยู่ที่ทำกินต่อไป ถึงแม้อาตมาภาพนี้ เป็นส่วนเล็ก ๆ น้อยๆ ของสังคมอาตมาภาพร้อมที่จะทำงานให้กับบ้านเมืองเท่าเทียมกับพวกเราทั้งหลาย ก็ฝากความปรารถนาดีให้พวกท่านทุกคนได้มีความหวังมีกำลังใจต่อสู้สิ่งใดมันไม่ดีทำให้บ้านเมือง ทำให้ทุ่งช้างไม่เจริญพวกเราก็ช่วยกันขจัดปัดเป่า ให้เป็นสิ่งที่ดี ขอฝากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้มาดูแลอย่าได้ทอดทิ้ง อย่าละทิ้งหน้าที่ อาตมาเคยเป็นทหาร การละทิ้งหน้าที่ในสนามรบ มีอย่างเดียวคือประหารชีวิต การจะละทิ้งหน้าที่ต้องพิจารณาดูว่าหน้าที่ของเราจะทำอย่างไร ว่าหน้าที่ของเราต้องทำอะไร หน้าที่ของผู้นำต้องเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อชาติ ชาติต้องการความสามัคคี ขอให้ชาวบ้านน้ำพิตั้งสติให้ดีให้มีความคิดความเข้าใจ อดทนต่อสู้ สู้เพื่อความเป็นธรรม
พระอธิการบำรุง ญาณสีโล ยังกล่าวอีกว่า นายฉลองชัย วรสิงห์ นายอำเภอทุ่งช้าง สั่งปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน โดยสั่งรื้อเต็นท์ในวันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2549และให้ชาวบ้านน้ำพิเดินทางกลับบ้านในวันนั้นเลย ทั้งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่อยากกลับ เนื่องจากมีความหวาดกลัวถ้าหากมีฝนตกลงมาอีกจะได้รับอันตราย
นายนอม หอมดอก บอกว่า ตนมาอยู่ที่วัดไม่สบายเหมือนกับอยู่บ้าน ตนเป็นห่วงบ้านจะต้องขี่จักรยานยนต์เข้าไปดูพืชไร่ที่ปลูกไว้ทุกวัน ต้องเสียค่าน้ำมันรถวันละ 50 บาท ไม่เข้าไปดูก็ไม่ได้ถ้าไม่ดูปีนี้ปีหน้าก็ไม่มีอะไรจะกินจะเดือดร้อนอีกอยากจะให้ทางราชการกำหนดพื้นที่ ที่จะให้ชาวบ้านที่อพยพออกมาไปอยู่ที่ใดแน่นอน ชาวบ้านอยากจะได้ที่อยู่เร็ว ๆ ขอให้สื่อช่วยถามด้วย
นายผ่าน หอมดอก บอกว่า บ้านเดิมดินมันพังหมดเป็นหลุมเป็นบ่อ ปลูกอะไรไม่ได้บ้านอยู่โน่น ที่กินที่นอนอยู่ที่วัดต้องเดินทางกลับไปดูบ้านไปดูไร่ดูสวน ที่เดิมก็ปลูกอะไรไม่ดีเพราะดินไม่ดีแล้วมันมีโคลนมาถม ที่เก่ามันมีรอยดินแยก อยากจะได้ที่อยู่ใหม่เป็นฐานทหารเก่าที่บ้านแพะกลาง หมู่ 6 ต.ทุ่งช้าง
นายชาติ หอมดอก ที่บ้านดินมันสไลด์ลงมาปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้านหมด หลังบ้านของตนก็พังรถเข้าไปไม่ได้ อยากจะให้ทางราชการหาที่อยู่ใหม่ จะให้อยู่จุดไหนกันแน่ มาอยู่ที่วัดเกือบเดือนแล้วยังไม่ทราบคำตอบที่ชัดเจน มาอยู่ที่วัดชาวบ้านไม่มีรายได้ อยากจะย้ายออกไปเร็ว ๆ เรื่องงบอาหารชาวบ้านก็มีความเคลือบแคลงใจ บอกกับชาวบ้านว่างบหมดจริงหรือไม่ หลายคนที่รู้ทราบว่ายังไม่หมดยังมีอยู่แต่ไม่ให้พวกผม
นายบุตร ตันกาบ ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า ชาวบ้านน้ำพิ หมู่ 3 ต.ทุ่งช้างไม่พอใจ ถูกทางการไล่กลับบ้าน สั่งยุบศูนย์ช่วยผู้ประสบอุทกภัยวัดทุ่งผึ้ง บ้านทุ่งผึ้ง อ้างงบหมดและสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากเอาพวกเขามาทิ้งขว้างอยู่ที่วัดโดยไม่ดูแล ปล่อยให้เป็นภาระหนักกับทางวัด อาหารการกินยังขาดแคลนได้ บางมื้อคนได้กินไม่ทั่วถึง คำตอบที่ชาวบ้านต้องการทราบว่าจะให้พวกเขาที่ต้องอพยพไปอยู่ที่ใหม่ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าจะให้ไปอยู่จุดที่ใด ก็มาไล่ให้กลับไปอยู่บ้านเดิมก่อน ครั้งแรกบอกกับชาวบ้านว่าถ้าหากใครไม่ออกมาจากบ้านน้ำพิ ถ้าหากเป็นอะไรไปจะไม่รับรอง บัดนี้กลับขับไล่ใสส่งให้กลับไปอ้างงบอาหารหมด โดยไม่มีการชี้แจงว่างบค่าอาหารหมดจริงหรือไม่ การที่ชาวบ้านเกือบ 300 คน มาอยู่ที่วัดทำให้วัดต้องเดือดร้อน ในเรื่องอาหารการกิน เรื่องห้องน้ำห้องส้วม จนทางวัดต้องลงมือสร้างห้องน้ำห้องส้วมอีก 10 ห้อง เสียค่าใช้จ่ายไปเกือบ 1 แสนบาท โดยใช้จ่ายเงินของวัดที่มีผู้มีศรัทธาบริจาคให้วัด เพื่อความสะดวกสบายของผู้อพยพ มาอยู่ที่นี่ไม่สมบูรณ์ ยังมีความเดือดร้อนอยู่ เรื่องอาหารการกินชาวบ้านอดมื้อกินมื้อ เส้นทางเข้าหมู่บ้านเข้าไปที่ทำกินถูกตัดขาด ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือ ชาวบ้านอยู่ท่ามกลางความลำบาก ต้องการความช่วยเหลือ เรื่องยารักษาโรค ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำ บ้านน้ำพิเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลั๊วะ ได้เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักเมื่อ 19 ส.ค.49 ทำให้มีบ้านพังแผ่นดินแยก ทรัพย์สินเสียหายหลายอย่าง นับตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่มีหน่วยราชการเข้าไปฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ที่อยู่อาศัยจิตใจของชาว ขอให้สื่อมวลชนได้ช่วยเหลือด้วย ให้หน่วยราชการผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ฟื้นฟูสภาพของหมู่บ้านจิตใจชาวบ้านให้เข้าสู่สภาพปกติและอยากให้ทางราชการจัดสรรที่อยู่ให้ใหม่พร้อมที่ทำกิน น้ำ ไฟ ถ้าหากที่ทำกินจะให้ชาวบ้านไปทำกินที่เดิมก็ขอสะพานคอนกรีตข้ามแม้น้ำน่านถนนเข้าไปยังที่ทำกินเดิม ตั้งแต่เกิดเหตุได้ติดต่อหน่วยราชการขอ ฮอ.มาขนย้ายชาวบ้านจากที่เกิดเหตุพื้นที่เสี่ยงภัย มาอยู่วัดทุ่งผึ้ง ก็เป็นภาระของทางวัด และทางราชการก็ทอดทิ้งไว้ที่นี่เลย ยังไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างชัดเจน เรื่องที่อยู่อาศัย จะย้ายไปอยู่ยังที่ไหนก็ไม่ชัดเจน อยากทราบความชัดเจนโดยด่วนประชาชนลำบากมาก
นายนอม หอมดอก บอกว่า ตนมาอยู่ที่วัดไม่สบายเหมือนกับอยู่บ้าน ตนเป็นห่วงบ้านจะต้องขี่จักรยานยนต์เข้าไปดูพืชไร่ที่ปลูกไว้ทุกวัน ต้องเสียค่าน้ำมันรถวันละ 50 บาท ไม่เข้าไปดูก็ไม่ได้ถ้าไม่ดูปีนี้ปีหน้าก็ไม่มีอะไรจะกินจะเดือดร้อนอีกอยากจะให้ทางราชการกำหนดพื้นที่ ที่จะให้ชาวบ้านที่อพยพออกมาไปอยู่ที่ใดแน่นอน ชาวบ้านอยากจะได้ที่อยู่เร็ว ๆ ขอให้สื่อช่วยถามด้วย
นายผ่าน หอมดอก บอกว่า บ้านเดิมดินมันพังหมดเป็นหลุมเป็นบ่อ ปลูกอะไรไม่ได้บ้านอยู่โน่น ที่กินที่นอนอยู่ที่วัดต้องเดินทางกลับไปดูบ้านไปดูไร่ดูสวน ที่เดิมก็ปลูกอะไรไม่ดีเพราะดินไม่ดีแล้วมันมีโคลนมาถม ที่เก่ามันมีรอยดินแยก อยากจะได้ที่อยู่ใหม่เป็นฐานทหารเก่าที่บ้านแพะกลาง หมู่ 6 ต.ทุ่งช้าง
นายชาติ หอมดอก ที่บ้านดินมันสไลด์ลงมาปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้านหมด หลังบ้านของตนก็พังรถเข้าไปไม่ได้ อยากจะให้ทางราชการหาที่อยู่ใหม่ จะให้อยู่จุดไหนกันแน่ มาอยู่ที่วัดเกือบเดือนแล้วยังไม่ทราบคำตอบที่ชัดเจน มาอยู่ที่วัดชาวบ้านไม่มีรายได้ อยากจะย้ายออกไปเร็ว ๆ เรื่องงบอาหารชาวบ้านก็มีความเคลือบแคลงใจ บอกกับชาวบ้านว่างบหมดจริงหรือไม่ หลายคนที่รู้ทราบว่ายังไม่หมดยังมีอยู่แต่ไม่ให้พวกผม
นายบุญ ตันกาบ เล่าถึงเรื่องที่นายอำเภอสั่งยุบศูนย์อพยพอ้างเงินหมดแล้ว ชาวบ้านยังมีความเคลือบแคลงใจ เพราะไม่มีใครนำรายจ่ายของงบค่าอาหารมาแสดงให้ชาวบ้านดู ตัวแทนของชาวบ้านขอดูหลักฐานการใช้จ่ายเงิน จาก นายธวัธ อินตะนาม ผู้ใหญ่บ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ไม่มีใครให้ดู
นายปริญญา ปานทอง ผวจ.น่านบอกว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ล่าช้า โดยเฉพาะกรณีธรณีพิบัติที่อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ผู้ว่ายืนยันขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการช่วยเหลือเป็นขั้นตอน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากและต้องใช้เวลา ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ได้
นายฉลองชัย วรสิงห์ นายอำเภอทุ่งช้างกล่าวว่าตนสั่งยุบศูนย์เพราะอบต.ทุ่งช้าง และผู้ใหญ่บ้านน้ำพิเสนอให้ยุบ ทางด้านสื่อก็บอกว่าชาวบ้านไม่อยากกลับเพราะชาวบ้านบอกกับสื่อฯว่าเกรงฝนตกดินจะถล่มอีก แต่ก็ถูกทอดทิ้งเป็นภาระให้วัด จึงเกิดการโต้แย้งกัน ท้ายสุดนายจรินทร์ จักกะพากรองผวจ.น่านจึงโทรศัพท์สั่งการไม่ให้ยุบศูนย์ท่ามกลางจนท.ปภ.ที่กำลังรื้อบ้านชั่วคราว พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า การช่วยเหลือล่าช้าเพราะจังหวัดไม่มีเงินงบประมาณ เนื่องจากงบซีอีโอใช้หมดไปกว่า100ล้านแล้ว ส่วนความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาหาที่อยู่ใหม่ที่ต้องเร่งคณะกรรมการระดับอำเภอให้ดำเนินการให้เร็วกว่านี้ เมื่อ 30 ก.ย49 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ พระอธิการบำรุง ญาณสีโลเจ้าอาวาสวัดทุ่งผึ้ง เพื่อขอทราบเรื่องที่ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ยื่นหนังสือถึง คปค. พระอธิการบำรุง ญาณสีโลเจ้าอาวาสวัดทุ่งผึ้ง กล่าวว่า ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯไปยื่นหนังสือถึง หน.คปค.เรื่องขอความช่วยเหลือความเดือดร้อนของชาวบ้านน้ำพิไม่มีที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จากดินถล่ม บ้านน้ำพิ หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งช้าง เรียบร้อยแล้ว ต่อมาเมื่อ 28 กย.49 พระเทพนันทาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดน่านได้ให้อาตมาเข้าไปพบเนื่องจากถูก นายฉลองชัย วรสิงห์ นายอำเภอทุ่งช้างไปฟ้องท่านหาว่าอาตมาเป็นหัวหน้าม็อบขับไล่นายอำเภอ สืบเนื่องเมื่อวันที่ 25 กย. หน่วยพัฒนาสังคมที่ 25น่าน มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติที่อำเภอทุ่งช้างที่จังหวัดน่าน นายสุเมธ สายสูง ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาสังคมที่ 25 จังหวัดน่าน ได้นำเงินจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยบ้านนำพิ หมู่ 3 ตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง 82 ราย แบ่งเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัว 55 ราย ๆ ละ 1.500 บาท มอบให้เด็ก 27 ราย ๆ ละ 1.000 บาท เป็นเงิน 109.500 บาท และบ้านน้ำเพาะจำนวน 38 ราย เป็นเงิน57,000บาท หลังจากมอบเงินเรียบร้อยแล้ว นายฉลองชัย วรสิงห์ นายอำเภอทุ่งช้าง ก็ได้กล่าวกับชาวบ้านว่าต้องปิดศูนย์ฯ เนื่องจากงบประมาณค่าอาหารหมด ไม่ได้บอกว่าเป็นคำข้อเสนอของ อบต.ทุ่งช้าง และผู้ใหญ่บ้านน้ำพิ ตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อ 28 กย.ต่อหน้า ผวจ.น่าน ชาวบ้านไม่พอใจลุกหนีจนหมด
http://www.chownan.com/webboard/generate.cgi?content=0025&board=board
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 25 กย. หน่วยพัฒนาสังคมที่ 25น่าน มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติที่อำเภอทุ่งช้าง ที่จังหวัดน่าน นายสุเมธ สายสูง ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาสังคมที่ 25 จังหวัดน่าน ได้นำเงินจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยบ้านน้ำพิ หมู่ 3 ตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง 82 ราย แบ่งเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัว 55 ราย ๆ ละ 1.500 บาท มอบให้เด็ก 27 ราย ๆ ละ 1.000 บาท เป็นเงิน 109.500 บาท และบ้านน้ำเพาะจำนวน 38 ราย เป็นเงิน57,000บาท หลังจากมอบเงินเรีบร้อยแล้ว
นายฉลองชัย วรสิงห์ นายอำเภอทุ่ง ก็ได้กล่าวกับชาวบ้านว่าต้องปิดศูนย์ฯ เนื่องจากงบประมาณค่าอาหารหมด ไม่ได้บอกว่าเป็นคำข้อเสนอของ อบต.ทุ่งช้าง และผู้ใหญ่บ้านน้ำพิ ตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อ 28 กย.ต่อหน้า ผวจ.น่าน ชาวบ้านไม่พอใจลุกหนีจนหมด
โดย จสอ.สันติไฌญ จารุพิพัฒน์บุตร เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2549, 08:44:17