เชียงคาน:ชุมชนของผู้รักท้องถิ่น


              เมื่อเดือนมีนาคม 2556 ผู้เขียนไปเที่ยวเมืองเชียงคาน จังหวัดเลย ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงอันเงียบสงบ ประทับใจมากด้านการปลูกฝังให้ชาวเมืองรักท้องถิ่น  ซึ่งหายากสำหรับสังคมเมืองไทยปัจจุบัน   ที่นี่พยายามอนุรักษ์ทุกสิ่งที่เป็นของดั้งเดิม  เช่น อาคารบ้านเรือน รูปแบบของบ้านเหมือนห้องแถวในตลาดสมัยก่อน  เมื่อต้องการจัดเป็นที่พักของนักท่องเที่ยว ก็ปรับปรุงจากบ้านที่อยู่เดิม  ไม่สร้างโรงแรมสมัยใหม่เหมือนที่อื่นๆ   ทำให้ได้บรรยากาศเก่า เงียบ สงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ   ห้องพักทันสมัยเหมาะสมกับบรรยากาศ  ให้บริการเหมือนโรงแรมทั่วไป คือ มีน้ำอุ่น มีตู้เย็น เครื่องดื่มได้แก่ ชา กาแฟ โอวัลติน (ฟรี) มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้  และช่วงเช้าถ้านักท่องเที่ยวต้องการใส่บาตร   ทางโรงแรมจะจัดของให้โดยคิดในราคากันเอง  บรรยากาศเหมือนมาพักค้างคืนบ้านญาติมากกว่าการมาพักโรงแรม     

                   

              รุ่งเช้าผู้เขียนไปเที่ยวตลาดเทศบาลเมืองเชียงคาน  ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักสามารถเดินไปได้  บรรยากาศก็เหมือนกับตลาดทั่วๆไป แต่ที่ไม่ธรรมดาคือได้ยินเสียงตามสายตลอดเวลา  ประชาสัมพันธ์ให้ชาวเชียงคานต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเพื่อน อย่างญาติ  คอยให้ความช่วยเหลือ แนะนำด้วยอัธยาศัยไมตรี  สินค้าของเราชาวเชียงคานต้องพัฒนาให้มีคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ  ราคาต้องยุติธรรมไม่แพง  ได้ยินเสียงตามสายจึงได้รู้ว่านี่เป็นนโยบายของชุมชน  คณะของเราได้สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน  ท่านบอกว่าต้องการรักษาบรรยากาศดั้งเดิมไว้  ลูกหลานที่ไปเรียนที่อื่นเมื่อเรียนจบแล้ว จะขอให้มาทำมาหากินอยู่ในชุมชน  ที่นี่จึงมีสินค้าหลากหลาย เช่น มะพร้าวแก้ว น้ำอ้อยกะทิ ผ้านวมฝ้ายแท้   ปาท่องโก๋สอดไส้ มีทั้งใส้สังขยา ใส้กล้วย ใส้หมูสับ รสชาติอร่อยทีเดียว  สำหรับปาท่องโก๋กล้วยไม่ได้ชิมเพราะวันที่ไปเจ้าของร้านบอกไม่ได้ทำ  เสียดายจริงๆ  คงอร่อยเพราะได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เชียวนะ

  •             

อยากให้ผู้อ่านเห็นภาพปาท่องโก๋สอดไส้  จะได้จินตนาการถูก แต่ละใส้จะมีน้ำจิ้มต่างกัน คือ ถ้าปาท่องโก๋ใส้กล้วย น้ำจิ้มคือนมข้นหวาน ถ้าปาท่องโก๋ใส้หมูสับ น้ำจิ้มคือซอสพริก ผู้เขียนกินกับกาแฟร้อนก็อร่อยไปอีกแบบ  ความคิดสร้างสรรค์มีความสำคัญต่อชีวิตเรามากนะ   

                  

             ตอนเย็นโรงแรมจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้มาท่องเที่ยว  ลงเรือหางยาวล่องแม่น้ำโขง  ขับไปตามลำน้ำถึงแก่งคุดคู้  สวยมาก  เห็นพระอาทิตย์ยามเย็น  ทำให้นึกถึงคำประพันธ์ในหนังสือของหลวงปู่สิม  ที่เขียนไว้ในตอนที่กล่าวถึงเวลาใกล้การละสังขารของหลวงปู่  "รอนรอนอ่อนอัสดง"  ชีวิตเราก็เป็นอย่างนี้ เกิดมาชั่วคราวเมื่อถึงเวลาก็ต้องลาจากโลกนี้ไป พระอาทิตย์ขึ้น เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ก็ตกให้บรรยากาศแบบเดียวกันเชียว   สวยจับใจแต่เหงา                                     

                             

                กลางคืนเมืองเชียงคานจัดให้มีถนนคนเดิน  สำหรับนักท่องเที่ยวเดินชม จับจ่ายซื้อของ  มีทั้งของกินเล่น เช่น เมี่ยงคำ กุ้งฝอยเสียบไม้ย่าง น้ำหวานประเภทต่างๆ ของกินจริงๆ จะมีร้านขายอาหารซึ่งเป็นที่พักด้วย จัดให้กับผู้มาพัก  สั่งได้ตามชอบ  มีของขายเช่นเสื้อผ้าพื้นเมืองราคาไม่แพง ผ้านวมฝ้ายแท้  หมวกเก๋ๆ  ผ้าพันคอสวยๆ และที่ประทับใจมากมีวงดนตรีไทยที่ท่านผู้เฒ่าผู้แก่มาเล่น เพื่อนำเงินบริจาคไปบำรุงวัดใกล้บ้าน  มีวงดนตรีเด็กเล่นเพราะมากทั้งเสียงร้อง และการเล่นดนตรี มีวงดนตรีวัยรุ่นเลือกชม เลือกฟังกันได้อย่างจุใจ

                       

              มาเที่ยวครั้งนี้นึกถึงคำสอนของหลวงปู่ธี  ที่ท่านบอกว่าผู้ที่ชอบเที่ยว ชอบเดินทาง จะบรรลุธรรมได้ยาก  จริงของหลวงปู่  เพราะจิตฟุ้งซ่านตลอด หลงดูที่โน่น หลงฟังที่นี่ ส่งจิตออกนอก  เราเลยเสียเวลาปฏิบัติธรรมไปสองวัน กับหนึ่งคืน







หมายเลขบันทึก: 522147เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2013 10:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม 2013 22:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่เล่าให้อ่านนะคะ 

ขอบคุณค่ะคุณพเยาว์ ที่แวะไปให้กำลังใจที่บันทึกหนูรี ขอบคุณนะคะ 

ปล.ตอนแรกก็งงๆ เพราะคุณพเยาว์ไม่ได้เข้าระบบ จึงลิงก์หาชื่อไม่เจอ 

จึงถามGoogleค่ะ จึงทราบว่าเป็นชาวโกทูโนด้วยเช่นกัน

ยินดีที่ได้ทักทายกันนะคะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท