การพัฒนาคุณภาพชีวิต (Quality of Life) สำหรับผู้ป่วยรูมาตอยด์
ผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ มีปัญหาทั้งทางด้านสุขภาพกาย ด้านจิตใจ ด้านสัมพันธภาพทางสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตลงลงการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรกของโรคก่อนที่ผู้ป่วยจะมีข้อพิการผิดรูปอย่างถาวร (irreversible deformity) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันภาวะทุพพลภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และลดอัตราการตายในผู้ป่วยเหล่านี้ ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยรูมาตอยด์เกิดภาวะทุพพลภาพน้อยลง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
บทบาทการรักษาทางกิจกรรมบำบัด
Lifestyle เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อทำให้สามารถทำงานได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้แก่
การออกกำลังกายและการผักผ่อน
1. นักกิจกรรมบำบัดจะช่วยผู้ป่วยในการออกแบบตารางเวลาการจัดกิจกรรม ให้เหมาะสมกับเวลาการพักผ่อนรวมถึงกิจกรรมยามว่างด้วยเช่นเดียวกัน Rest and exercise ต้องมีความสมดุลระหว่างการออกกำลังกายและการพัก การพักเพื่อลดการอักเสบ ลดอาการปวด และควรจะพักให้สั้นที่สุด การออกกำลังจะช่วยให้ข้อแข็งแรงมากขึ้น ลดการอักเสบ หลับได้ดีขึ้น หากตื่นมาตอนเช้ามีอาการข้อยืดหรือเคลื่อนไหวลำบากให้ทำการยืดเส้นดังต่อไปนี้
การดูแลข้อ
นักกิจกรรมบำบัดจะเป็นผู้ออกแบบการทำsplintให้เป็นไปตามรูปข้อของผู้ป่วย เพื่อใช้ลดอาการปวดและทำให้ข้อได้พัก นอกจากนั้นอาจต้องใช้อุปกรณ์อื่นเพื่อช่วยผู้ป่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน
การดามเพื่อให้ข้อพัก
เราใช้การดามในกรณีดังต่อไปนี้
- ต้องการลดอาการปวดข้อมือหรือปวดมือ
- ลดอาการบวมหรือข้อยืดในตอนเช้า
- ให้ข้อมีการพักในท่าที่ถูกต้อง
การดามเพื่อประคับประคองในขณะใช้ข้อมือ
จุดประสงค์ของการใส่ดามชนิดนี้
3.การลดความเครียด
- เพื่อประคองข้อมือ และนิ้วหัวแม่มือในขณะใช้งานเพื่อลดอาการปวดและเพิ่มความแข็งแรง
- ทำให้ทำงานสะดวกยิ่งขึ้น
- กำมือได้แข็งแรงขึ้น
- ป้องกันปวดข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ
นักกิจกรรมบำบัดจะคอยให้คำแนะนำ การจัดการรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมาะสมสำหรับโรคที่เป็นอยู่ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังไม่หายผู้ป่วยมักจะหมดหวังกับชีวิต หมดกำลังใจในการรักษา แพทย์รวมทั้งญาติต้องให้กำลังใจผู้ป่วย และคอยดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
4. อาหาร
อาหารที่ไม่มีผลกระตุ้นให้เกิดอาการปวดข้อ ที่มีบทความต่างประเทศแนะนำไว้ ได้แก่
- ข้าวกล้อง
- ผลไม้ที่ผ่านความร้อน หรือทำแห้ง (ยกเว้น ผลไม้ตระกูลส้ม กล้วยลูกพีช หรือมะเขือเทศ)
- ผักสีเขียว เหลือง และส้ม ที่ผ่านความร้อน ได้แก่
- น้ำ ได้แก่ น้ำธรรมดา หรือ โซดา
- เครื่องปรุงรส ได้แก่ เกลือปริมาณปานกลาง น้ำเชื่อมเมเปิ้ล และสารสกัดวานิลา
อาหารที่ มีผลกระตุ้น ให้อาการกำเริบ คือ ผลิตภัณฑ์นมทุกชนิด ทั้งจากนมวัวและนมแพะข้าวโพด เนื้อสัตว์ทุกชนิด ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวราย ไข่ ผลไม้ตระกูลส้ม มันฝรั่ง มะเขือเทศ ถั่ว กาแฟ
5. อากาศ ผู้ป่วยบางรายจะเกิดอาการกำเริบเมื่อพบกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันดังนั้นควรหลีกเลี่ยง
6. การรักษาโดยใช้ยา
ยาที่ใช้รักษาโรครูมาตอยด์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่หนึ่ง
ได้แก่ ยาในกลุ่มแก้ปวด ซึ่งเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการในผู้ป่วยที่มีความเจ็บปวดจากข้ออักเสบ ได้แก่ พาราเซตามอล และทรามาดอล และยาในกลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือเอ็นเสด (NSAIDs)
ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ได้เร็วและช่วยบรรเทาอาการได้นานหลายชั่วโมง แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์อาการเจ็บปวดก็จะกลับมาอีก
ยากลุ่มที่สอง
ได้แก่ ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่มีคุณสมบัติปรับเปลี่ยนการดำเนินโรคหรือดีมาร์ด (DMARDs) และมีคุณสมบัติเหนี่ยวนำให้โรคเข้าสู่ระยะสงบได้ ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ เม็ทโธเทร็กเซท (methotrexate), คลอโรควิน (chloroquine) ยาแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันในแง่กลไกการออกฤทธิ์ ระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์ ขนาดของยาที่ใช้ ประสิทธิภาพในการรักษา ดังนั้นแพทย์ผู้รักษาจะพิจารณาข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของผู้ป่วยอย่างละเอียดเพื่อเลือกชนิดของยาดีมาร์ดที่เหมาะสมที่สุดแก่ผู้ป่วยแต่ละราย
7. รองเท้า
รองเท้าที่ดีต้องมีลักษณะดังนี้
- รองเท้าต้องมีลักษณะเหมือนเท้าของท่าน
- ไม่ซื้อรองเท้าที่มีตะเข็บบริเวณที่เจ็บเช่นบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า
- ควรใช้รองเท้าที่เป็นเชือกผูกเพราะจะใส่ได้พอดีกว่ารองเท้าที่เป็นแบบ slip-on shoes
ภาวะที่เกิดจากการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
8. การผ่าตัด
1. จะมีบทบาทในการรักษาโรครูมาตอยด์ ในกรณีที่ข้อถูกทำลายไปมากแล้ว หรือกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เอ็นขาด เป็นต้น
ผู้ป่วยและญาติควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค วิธีรักษาโรค การดูแลตนเองในด้านต่างๆ ทราบถึงการทำที่ถูกต้องเพื่อลดอาการเจ็บปวดและวิธีปฏิบัติตนเองเพื่อป้องกันความพิการ ซึ่งสามารถศึกษาได้จากสื่อต่างๆ ทั่วไป และเนื่องจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะเป็นๆหายๆ บางครั้งผู้ป่วยก็ทราบล่วงหน้าว่าโรคจะกำเริบ แต่บางครั้งไม่ทราบทำให้เป็นปัญหาในการวางแผนชีวิต ช่วงที่เป็นปกติผู้ป่วยส่วนใหญ่จะทำงานได้อย่างมากเพื่อชดเชยช่วงที่ป่วยซึ่งจะกระตุ้นให้โรคกำเริบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องปรับการทำงานเพื่อมิให้โรคกำเริบ โดยควรได้รับคำปรึกษาและการรักษาทางกิจกรรมบำบัด ต่อไป
อ้างอิง รศ.พญ. ไพจิตต์ อัศวธนบดี อายุรแพทย์โรคข้อ.ข้ออักเสบรูมาตอยด์ รู้ช้าเสี่ยงพิการ.เข้าได้ถึงจาก/ Available from: http://www.healthtoday.net/thailand/disease/diisease_108.html
อ้างอิง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.บทความสั้นเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ จากภาควิชาอาหารเคมีลำดับที่ 4. กินอะไร เลี่ยงอะไร ในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid).ปีพิมพ์[2010-02-02].เข้าได้ถึงจาก/ Available from: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=4
ไม่มีความเห็น