วันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2556
ผมมาอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง...แถบชานเมืองของตัวจังหวัดของผม
ห้องพักของผมอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ...พี่ๆ บริกรบอกผมว่า สามารถใส่กางเกงขาสั้น
แล้วลงสระน้ำได้เลย...ทุกๆ เช้าตรู่...และทุกๆ ค่ำคืน
ผมชอบมานั่งริมสระว่ายน้ำ...ปล่อยความคิดไปตามสายน้ำ...เขียนบันทึกไปเรื่อยเปื่อยระบายความในใจ
ออกไปเรื่อยๆ ทิ้งไปเรื่อยๆ "เหมือนดอกจาน ที่ทิ้งดอกสีส้มสด...ร่วงหล่นลงพื้นหญ้าสีเขียว"
ดอกจาน เป็นชื่อเรียกของคนอีสาน คนไทยทั่วไปจะเข้าใจความหมายในนาม "ดอกทองกวาว"
ดอกจาน ชื่อจานมาจากไหนก็ไม่รู้ เพราะเมื่อผมเกิดมาและจำความได้...ผมก็เรียกว่า "ดอกจาน" แล้ว
ข้อสันนิษฐานของผมเอง...เมื่อย้อนกลับไปสมัยตอนห้าขวบ
แม่ของผม...จะเรียกให้ผมไปเก็บใบดอกจานหลังบ้านมาให้...เพราะแม่จะเอามะม่วงกวน (หยาบๆ ไม่ใส่น้ำตาล ใส่เกลือเล็กน้อย)
มาราดบนใบของต้นดอกจาน...ทำเป็นมะม่วงแผ่น...ตากแดดเดียว ก็เอามามวนๆ เป็นม้วน ใส้ขวดโหล
เก็บไว้ให้ลูกๆ หยิบกิน...นับเป็นของทานกินในสมัยนั้น
เมื่อผมกลับไปบ้านเก่า...เพราะผมย้ายบ้านบ่อยๆ ต้นดอกจานหายไปแล้ว
ต้นดอกจานหายไปแล้ว....แต่เรื่องราวอดีตกับดอกจานยังแจ่มแจ้งเหมือนสีแสดส้มของมันเสมอ
ดอกจานเป็นความหมายบ่งบอกว่า...หน้าหนาวกำลังจะจากไป...ชาวอีสานต้องเตรียมต้อนรับ
อาคันตุกระ "หน้าแล้ง" จะมาเยี่ยมเยือน...
ในวัยเด็ก...เตี่ยกับแม่จะบอกลูกๆ ทุกคน ให้รีบพากันอ่านหนังสือสอบภาคปลาย
และเข้าสู่การปิดเทอมยาว...และในมอสามและมอหก...เพื่อนหลายๆ คน ก็ต้องจากกันไป
เช่น ไปเรียนต่อที่อื่น ไม่ได้เรียนต่อ ทำให้พวกเราขื่นขมเหมือนกัน
แม้พวกเราจะชอบไปดูดน้ำหวานที่ขั้วดอกจานที่หวานหอมมากๆ
ผมจำเรื่องราวความรักของเพื่อนคู่หนึ่งของผม เมื่อจบมอหกได้ดีเสมอๆ...
เป็นความทรงจำที่แสนเศร้าที่ยังเกาะกินใจที่ยากจะลอกมันออกจากใจได้
เพื่อนผู้ชายสอบได้ตำรวจ เพื่อนผู้หญิงสอบได้พยาบาล
แต่ตอนตรวจโรค...เพื่อนผู้หญิงกลับพบว่า ตรวจโรคไม่ผ่าน เพราะตั้งครรภ์
เพื่อนสองคนของผม...ได้พากันหลบหนีไปจากพื้นที่...โดยไม่ได้อำลาเพื่อนๆ
เพราะสังคมยังยอมรับไม่ได้ในเหตุการณ์นั้น...ในสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว...
แม้บ้านเกิดของผมจะเป็นอำเภอเล็กๆ...
ผมยังจดจำเพื่อนทั้งสองได้ดีเสมอ...หลังจากนั้นประมาณสี่ปี
เพื่อนผู้ชายได้เสียชีวิต เพราะไปขับรถมอเตอร์ไซด์วิน...ศรีษะกระแทกพื้น...
ผมจำได้ว่า...งานศพของเพื่อน...ผมเสียใจมาก คงเป็นเพราะชีวิตในวัยเด็ก
ผมยังไม่เคยสูญเสียคนที่ผมรักให้กับความตาย...
เพื่อนผู้หญิงผู้เป็นคู่ชีวิตของเพื่อนผู้ชาย...(รู้ในภายหลังว่า...ทั้งสองเลือกที่แท้งลูก)
ไม่ได้มาร่วมงานศพ...
ผมรู้ว่า เพื่อนคงทรมานใจไม่น้อย....เพื่อนเลือกที่จะหายสาบสูญ
ไปจากบ้านเกิดนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้...
ผมมาประชุมที่โรงแรมแห่งนี้...เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์...โดยเฉพาะวัยรุ่น
เป็นเรื่องท้าทายสำหรับผมและชุมชนในประเด็นนี้
เรื่อง "เพศ" มีความหมายมากกว่า "เพศสัมพันธ์" เพราะอยู่กับเราตั้งแต่เกิดจนตาย
พวกเราต้องช่วยกันคิดและดำเนินการเรื่องนี้
เพราะ...ทุกทางล้วนเจ็บปวด...ถ้าเด็กและวัยรุ่น
ไม่มีความรู้และทักษะเรื่องเพศ
การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย...การติดโรค..
การตั้งครรภ์ไม่พร้อม
การแท้ง...และผลกระทบมากมายตามมา...
ผมหยิบดอกจานสีแสดส้มเจิดจ้ามาหนึ่งดอก
ผมขอมอบแทนความคิดและห่วงใยให้เพื่อนทั้งสองเสมอ
แม้เพื่อนจะอยู่ในแดนดินใดในจักรวาล
ทุกทางของชีวิตเพื่อนทั้งสองล้วนเจ็บปวด...
แต่ในทางที่เจ็บปวดนั้นต้องมีทางเลือกทางออกที่ดีให้เห็นประกายเสมอๆ
รักเพื่อนเสมอ....
อ่านแล้ว..คิดถึงเพลง..ที่เขาร้องกันในอดีต..โอ้..ดอก โศรก..ที่โศรกใจ.....บันทึกนี้..คงเป็น"จานดอกโศรก"..นะเจ้าคะ...กับปัญหาที่ว่า...รักๆๆนั้นเป็นฉันท์ใด"..เฮ้อเผลอถอนหายใจ...(ยายธี)
พี่คิดถึงเพลง"ดอกจาน" ของ คาราบาว ความแล้งกับถิ่นอิสานก็ก่อตำนานยืดยาวเช่นกัน
พี่คิดถึงเพลงที่คุณศันสนีย์ร้องค่ะ เป็นสัญลักษณ์ของการสอบสมัยที่พี่เรียนเชียงใหม่ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เห็นทองกวาวร่วงหล่นบนพื้นหญ้า กลางพนาท้องทุ่งรุ่งไสว ดอกสีแดงแฝงสีส้มพรมพิไล ปลิวไสวไรๆลิ่วลงผืนนา เห็นทองกวาวร้าวจิตให้คิดถึง รักครั้งหนึ่งในอดีตแต่ก่อนมา ฯ ประมาณนี้นะคะ ขอบคุณค่ะที่แบ่งปัน ทำให้ถวิลหาอดีต
ไม่เป็นไรนะ ทิมดาบ
ไว้พบกัน อยากไปเที่ยว น่ะหาเรืองเที่ยวไม่ได้ที่สำคัญ
ระลึกถึงเสมอค่ะ
ชลัญธร
วนกลับไปหาอดีตบ้างก็ดีนะครับ เพื่อรสชาติของชีวิตที่เพิ่มข้นทุก ๆ ปี่
สวัสดีค่ะน้องหมอ
ครูใจดีก็พึ่งได้พบเพื่อนรักที่ได้ไม่ได้เจอกันเกือบยี่สิบปี เมื่อคืนที่ผ่านมา
ในงานราตรี กรมท่า-ขาว คืนสู้เหย้า มีความสุขมากเหลือกันค่ะ
ระลึกถึงน้องหมอเสมอนะคะ
บ้านดิฉันเรียก ดอกจานค่ะ