เถาวัลย์ในใจ..



ต้นไม้สองสามต้นนี้อยู่ที่หน้าที่พัก Green Lake Resort เชียงใหม่ เดินผ่านก็สะดุดตายิ่งนัก คนอย่างเราอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพและคิดไปต่างๆนาๆ เช่น

ก่อนจะเป็นภาพที่เราเห็นนี้ มันมีพัฒนาการมานานเท่าไหร่ไม่รู้ ต้นหลักคงจะเติบโตไปธรรมดา แต่เจ้าเถาวัลย์ต้นนั้นก็มาอิงอาศัย เลื้อยพันขึ้นไปทางยอด เดาได้เลยว่าเดิมๆคงเป็นสภาพป่า ที่ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด เถาวัลย์ต้นนี้คงเติบโตเร็วกว่าต้นหลักที่เขายึดเกาะอยู่ ก็เลยไปเกี่ยวพันต้นอื่นต่อไปซึ่งสูงกว่าต้นหลักเดิมที่เห็น

อัตราการเจริญเติบโตของผู้มาอิงอาศัยอาจจะมีมากกว่าจึงใหญ่กว่าต้นหลักเดิม แถมขยายขนาดออกไปทุกฤดูกาล จนรัดแน่น หากเราเป็นต้นหลักเดิมคงอึดอัดตายไปนานแล้ว

เคยมองเห็นภาพทำนองนี้ของธรรมชาติมาหลายครั้งหลายคนหลายแห่ง เมื่อเราเข้าป่าก็จะเห็นลักษณะการอิงอาศัยแบบนี้ มันเป็นธรรมชาติ ในเชิงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติด้านพืช ผมไม่ทราบรายละเอียดที่เขาอิงอาศัยกันนี้ นอกจากการกอดรัดพันกันแล้วมีการแบ่ง หรือแชร์อะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า

บางคนอธิบายภาพนี้โยงไปถึงระบบอุปถัมภ์ ที่นักวิชาการหลายท่านตั้งข้อรังเกียจว่าเป็นรากเหง้าของสังคมไทยที่ไม่ดี เพราะภาพที่ปรากฏในปัจจุบันนั้น นักการเมือง และนายทุนบางกลุ่มใช้ระบบอุปถัมภ์เพื่อประโยชน์ของเขา

ส่วนตัวเองคิดว่า ทุกอย่างมีสองด้าน เดิมแท้ระบบอุปถัมภ์นั้นเนื้อแท้คือการแสดงน้ำใจ การเอื้ออาทร การแบ่งปัน น้ำใจ คำเหล่านี้คือสาระของการ ช่วยเหลือกัน โดยไม่มีเงื่อนไข แต่มันไปผนวกกับค่านิยมสังคมที่กล่าวว่าบุญคุณต้องทดแทน... ดังนั้นเมื่อมีการมอบให้ ก็มีการตอบแทน แต่ดั้งเดิมนั้นตอบแทนด้วย “น้ำใจ” ที่แสดงออกต่อกันอย่างบริสุทธิ์ ไม่จำกัดขนาด ราคา ปริมาณ มูลค่า แต่แสดงออกถึงด้านลึกข้างในของจิตใจ ซึ่งเป็นแรงเกาะเกี่ยวของคนในแต่ละชุมชน  คนสมัยก่อนวัดกันที่น้ำใจกัน ไม่เอามูลค่ามาเป็นตัววัด ชุมชนจึงแน่นแฟ้นมากๆ

ภาพเช่นนี้ไม่เห็นหรือเห็นได้น้อยในสังคมเมือง  ยิ่งหากระบบครอบครัวไม่อบรมสั่งสอนลูกหลาน ก็ยิ่งห่างไกลคุณค่า มองเห็นแต่มูลค่าไปหมด สังคมเมืองนั้นลูกหลานใช้ชีวิตกับสังคมนอกมากกว่าครอบครัว การส่งต่อทางคุณค่าดั้งเดิมของสังคมเราจึงขาดสะบั้นไปหมดสิ้น ปล่อยให้ระบบทุน ระบบธุรกิจ เข้ามาหล่อหลอมจิตใจเด็กรุ่นใหม่ไปหมดแล้ว

เขียนมาเพื่อกระตุกกันบ้างเท่านั้น..หุหุ..


หมายเลขบันทึก: 519665เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2013 14:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2013 14:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

  • บางครั้ง ก็ต้องล่อนเปลือก กระเทาะกระพี้ ให้เห็นแก่น รู้จักแก่นที่แท้จริงกันบ้าง....ครับ

ใช่ครับ  แต่สมัยนี้เปลือกมันหนาเหลือเกิน เลยไม่เห็นแก่น  เราเองก็มีเปลือกอยู่เหมือนกัน แต่เราประเมินตัวเองว่า มีเปลือกเป็นบางเรื่อง หลายเรื่องเราเปิดโล่งโจ้งเลยครับ  แต่บางคนไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่ามีเปลือกหุ้มอยู่ เพราะเคยชินกับเปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ครับ  บางคนต้องการคนอื่นมาช่วยแกะ เคาะเอาเปลือกออก  เรื่องเปลือกนี่น่าวิเคราะห์เจาะลึกกันนะครับ

รออ่าน...บทวิเคราะห์เจาะลึกเรื่องเปลือกต่อค่ะ อิอิ

ขอบคุณค่ะ

อิอิ เอางั้นรึครับ ขอเวลาทบทวนหน่อยนะครับน้องสาว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท