สวัสดีค่ะ
ขอรบกวนหน่อยนะคะ คือว่าหนูกำลังจะจบป.ตรีที่เมืองไทยค่ะ(ไม่ใช่สายวิทย์) แล้วขอครอบครัวไปเรียนเภสัชที่อเมริกาค่ะ รบกวนชี้ทางให้ทีนะคะ ว่าหนูจะต้องเริ่มจากอะไร T^T
หากจะต้องสอบอะไรเพิ่ม หนูจะได้เตรียมความพร้อมไว้ก่อนค่ะ
ขออภัยที่ตอนแรก ไม่ได้ให้รายละเอียด จะเล่าให้ฟังจากประสพการณ์นะครับ
ถ้าเรียนจบปริญญาตรีที่อเมริกา หรือที่ไหนก็ตาม ถ้าจะเรียนเภสัช มีสองวิธี
๑) เรียนปริญญาตรีสาขาใดก็ตามก็ได้ แต่ต้องเรียน Premed(Pre medicine) Premed ไม่ใช่คณะที่จะต้องเข้าไปเรียน แต่เป็นวิชาที่เราจะต้องเรียนภายในระยะสองปีแรกของปริญญาตรี
เป็นวิชาที่ว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่ายแล้วแต่ความถนัด วิชาที่จะต้องเรียนก็คือ biology, chemistry, organic chemistry, and physics เรียนจนครบแล้ว เมื่อเสร็จปีที่สอง ต้องไปสอบ PCAT exam แล้วเอาคะแนนไปสมัครสอบเข้าเรียนคณะเภสัช
ในมหาวิทยาลัยต่างๆ บางมหาวิทยาลัยเอาแค่สองปี บางมหาวิทยาลัย ต้องการให้จบปริญญาตรีก่อน เมื่อมหาวิทยาลัยรับแล้ว จึงจะไปเรียนเภสัช PharmD เป็นเวลาอีกสี่ปี
๒) เมื่อจบมัธยมแล้ว สมัครเข้าเรียนเภสัชโดยตรง จะใช้เวลาเรียนหกปี สองปีแรกเรียน Premed สี่ปีหลังเรียนวิชาของคณะ ข้อดีของการเรียนโดยตรง คือได้รับการคัดเลือกเข้าคณะเลย ตอนเรียนรักษา GPA อย่าให้ต่ำกว่า 3.25 - 3.50 แล้วแต่มหาวิยาลัย ถ้าเกรดต่ำ ให้แก้ตัวได้หนึ่งปี ถ้ายังไม่ดี โดนไล่ออกจากคณะเลย แล้วมาสอบใหม่กับพวกที่หนึ่ง และจะต้องมาสอบ PCAT อีก ซึ่งถ้ารักษาเกรดดีๆ ก็ไม่ต้องมาสอบ PCAT ให้เสียเวลา ลูกสาวผมสองคนเลือกวิธีนี้ เพราะสั้นที่สุด ตรงที่สุด สองปีแรกก็เรียนเหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป พอปีที่สาม สี่ ห้า เรียนวิชาคณะ ปีที่หกฝึกงาน ตามร้านขายยา โรงพยาบาล ตามแต่หลักสูตร
พอเรียนจบหกปีได้ปริญญา PharmD ก็ยังทำงานไม่ได้ จนกว่าจะสอบผ่านใบประกอบโรคศิลป์ ถ้าสอบไม่ผ่านสามครั้ง ต้องกลับมาเรียนที่โรงเรียนใหม่ประมาณหนึ่งเทอม แล้วจึงจะมีสิทธิสอบใหม่ พอสอบ license ได้แล้ว ก็ต้องไปสอบ license ของแต่ละรัฐ ส่วนมากจะมีสามส่วน ส่วนเรื่องยาภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ และส่วนเรื่องกฏหมายของยาแต่ละรัฐ คนส่วนมากตกการสอบ license ของรัฐ ต้องสอบเป็นครั้งสอง
ค่าเล่าเรียน ประมาณ $30,000 - $50,000 ต่อปี
ค่ากินอยู่หอพัก ปีละ $10,000
คิดในแง่แพงๆไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย ปีละ 60,000 ต่อปี ใช้เวลาหกปี รวมแล้วก็ประมาณ $360,000 หรือ ประมาณ 10,800,000 บาทไทย
เรียนจบแล้วถ้าได้ทำงานที่อเมริกา รายได้ประมาณ $120,000 ทำงานไม่ถึงห้าปี ก็มีเงินจ่ายหนี้ทั้งหมด
แต่ที่เห็นๆมา พบคนไทยจบเภสัชที่เมืองไทยมา สอบไม่ผ่านใบอนุญาตสักที เธอบอกว่าจะกลับไปเรียนปริญญาตรีเภสัชของอเมริกาใหม่ ปัญหาก็คือภาษาอังกฤษ มันมากเสียจนอ่านไม่ทัน เธอบอกว่าวิชาเภสัชไม่มีปัญหาเลย
ที่ถามมาไม่บอกประวัติ การเรียน เกรดส่วนมากต้องเกิน 3.00/4.00 ภาษาอังกฤษต้องระบบอินเตอร์ เพราะชื่อยา ฟังแล้ว ฟังอีกไม่รู้เรื่อง
ต้องรู้เขารู้เรา ถึงจะรบชนะ เงินที่จะต้องลงทุนก็มากพอสมควร มาขอทุนสำหรับนักเรียนต่างชาติก็เกือบจะไม่มี
ถ้าเรียนแล้วต้องมองเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง ถ้ามองไม่เห็นเลยก็น่าจะต้องคิดดูก่อน
ถ้าเงินไม่เป็นปัญหา ก็ลองดูเลยครับ
สำหรับในกรณีของคุณ จบปริญญาตรีมาแล้ว แต่ไม่มี Premed ลองสมัครเข้าเรียนโดยตรงหกสูตรหกปี ที่
Saint Louis College of Pharmacy
USC, USN, Western, Nova
อ่านคนที่โพสมาหลายปีแล้ว
http://forums.studentdoctor.net/showthread.php?t=494486
I am also an international student, currently pursuing a pharmD at Saint Louis College of Pharmacy. There are not a lot of international students here, but they do accept F-1 students. Usually students get in fresh from high school, but you could also transfer in. (in that case, you would become a 3rd year-it's a 6 year program) I believe we accept more transfers these days compared to a couple years ago.
Hey,
I am an international student doing my pharmd at Nova southeastern University. We have a program at Nova which is only for the international students who are pharmacists in their respective countries.The other school which have a similar program to us is Western University.Also USN accepts international students.My Undergrad GPA back in India was of 3.97 and a CBT Toefl of 280/300.
most of private schools take in int'l students...such as USC, USN, Western, Nova, Saint Louis College of Pharmacy
To all int'l students
|
|
ขอบพระคุณมากค่ะ เป็นประโยชย์อย่างมากเลยค่ะ เห็นลู่ทางคร่าวๆแล้ว หากสำเร็จได้เข้าไปเรียนสมใจ จะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่มีอุดมการณ์เดียวกันได้ทราบนะคะ ^^
If an applicant's primary language is not English, the pharmacy school may require the Test of English as a Foreign Language (TOEFL), Test of Spoken English (TSE), or another English language proficiency test as part of the admissions process. Non-U.S. citizens may be required to complete the pre-pharmacy courses in a U.S. accredited university.
ทางที่ดี ควรจะสอบ TOEFL เก็บไว้ ส่วนมากทุกมหาวิทยาลัยต้องการทั้งนั้น และถ้ามีเวลาควรจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพราะมาแล้ว เห็นแต่ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยเอาไว้อ่านอีเทอร์เนต กับคุยกับเพื่อนคนไทย ที่เหลือมีแต่ต้องอ่านต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เด็กไทยมาเรียนมัธยม, ปริญญาตรีที่นี่ แล้วสมัครเข้าเรียนเภสัช คะแนนเธอสูงมากๆ 3.8/4.0 มีคนทำได้ และก็ทำแล้ว
อย่างที่คนโพสในบล๊อคแหล่ะครับ
" put yourself in correct places, proudly, capably and financially"
โชคดีนะครับ
อยากทราบว่าการจะเข้าเรียน Premedจะต้องสอบไหมและจะต้องทำอย่างไรและมีการเก็บคะแนนเหมือนเรียนปกติรึป่าวคะ รบกวนด้วยคะ
ไม่ทราบว่าคนถามอยู่เมืองไทยหรือกำลังเรียนในอเมริกา Premed เป็นวิชาที่เราจะเลือกเรียน ถ้าเป็นเมืองไทยก็เรียกว่า ไมเนอร์ ส่วนจะอยู่คณะอะไรก็ได้ เช่น ศึกษาศาสตร์ เคมี นิเทศศาสตร์
Premed ไม่มีการสอบเข้า เพียงแต่ว่าไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน คะแนนที่ได้เอาไปเก็บเหมือนเรียนปรกติ
เรียน Premed (biology, chemistry, organic chemistry, and physics) ก็เพื่อที่จะไปสอบ Medical College Admission Test (MCAT) วิชาเหล่านี้จะเรียนตอนปีหนึ่ง พอเข้าปีสองก็ไปสอบ MCAT เพราะยังจำได้แม่นอยู่ แต่คนส่วนมากจะเรียน Premed สองปี พอขึ้นปีสามจึงจะไปสอบ MCAT
ขบวนการคัดเลือกเข้าเรียนโรงเรียนแพทย์จะเวลาประมาณหนึ่งปี ถ้าสอบ MCAT ช้า ก็ต้องอยู่ว่างๆไปเป็นปี
คนที่เรียนทาง B.A. จะเสียเปรียบกว่า B.S เพราะเรียนวิชาทางวิทยาศาสตร์น้อยกว่า เพราะเอาเข้าจริงๆ ตอนไปเรียนหมอสองปีแรก มีแต่วิชาท่องจำ เกี่ยวกับชีววิทยาทั้งนั้น
ทราบมาว่าที่อเมริกามี Loan เพื่อการศึกษาให้กู้สำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่ต้องมี US citizen หรือ PR เซ็นค้ำประกันให้ ข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่คะ ? แล้วสามารถกู้ได้เต็มจำนวนไหม ?
ขอบพระคุณค่ะ
อ่านดูได้ที่นี้
International education is expensive, and many students struggle to fund their international studies. Scholarships and grants are available, but they are very competitive and rarely cover all of your expenses. That is where an International Student Loan can help. Students at eligible schools (with a US co-signer) can apply for up to the total cost of attendance, as determined by yours school, minus any other aid received.
Getting a student loan can be difficult, but the process can be exacerbated if you’re from another country and planning to study in the United States. In many cases, the process of getting a loan for international study requires a great deal of effort, and you’ll need to do your research to find a loan program that you qualify for.
ผมเคยให้ให้ลูกกู้เงินมาเรียน ประมาณ $3,000 ให้ลูกได้รู้คุณค่าของเงิน จะได้ตั้งใจเรียนหนังสือ แต่เอาเข้าจริงๆ ภายในสามปี ก็จ่ายแทนให้ลูกหมด เพราะดอกเบี้ยแพงกว่าซื้อรถอีก ตอนนั้นประมาณ ๗ - ๘ %
ถ้าคุณมากู้เงินทั้งหมดตลอดสี่ถึงหกปีด้วยตัวเอง ก็ประมาณ $360,000 ถ้าเรียนจบแล้วมีงานทำที่นี้ ไม่ถึงห้าปีก็มีเงินจ่ายทั้งหมด
แต่ถ้่าเรียนไม่จบ หรือหางานที่นี้ไม่ได้ เป็นภาระน่าดูนะครับ คนค้ำประกันต้องจ่ายแทน
ไม่รักกันจริงๆ ไม่มีใครอยากจะค้ำประกันให้คุณหรอกครับ
ตอนนี้กำลังเรียนเภสัชปี1กำลังจะขึ้นปี2ค่ะ ที่เมืองไทย. แต่อยากย้ายไปเรียนที่เมืองนอกต้องทำไงบ้างค่ะ? ต้องไปเริ่มใหม่เลยไหมค่ะ