ตอน การเป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดี


การเป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดี


           ทุกเรื่องราวของชีวิต...ไม่ว่าเรื่องใด ๆ มีความสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคน ๆ หนึ่ง แต่ทำอย่างไร? ที่จะให้เรื่องราวดังกล่าว เป็นเรื่องราวที่จะถูกถ่ายทอดลงบนบันทึก เป็นลายลักษณ์อักษร มิให้เรื่องราวต่าง ๆ มันต้องสูญหายไปกับตัวของเจ้าของเรื่องราวนั้น ๆ...สิ่งสำคัญที่จะสามารถนำเรื่องราว ความรู้ออกมาได้นั้น...คนที่จะเล่าเรื่องราวดังกล่าว ต้องบริหารจัดการเวลาให้กับตนเองให้ได้ รู้จักแบ่งปันเวลา ว่าควรจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ออกมาเผยแพร่ในตอนไหน...เรื่องราวต่าง ๆ มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นและฝังอยู่กับตัวคน เริ่มตั้งแต่ลืมตามาอยู่บนโลกใบนี้จนถึงสิ้นลมหายใจ...ทุกทุกเรื่องเป็นเรื่องที่เป็นความรู้ที่แต่ละคนต้องเรียนรู้ทั้งสิ้น...

           จากที่ผู้เขียนได้เขียนเรื่อง การเป็นลูกน้องหรือใต้บังคับบัญชาที่ดีไปแล้ว...บันทึกนี้ ขอเขียนเรื่อง การเป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดีบ้าง เพราะจะได้ไม่ลำเอียงว่า เขียนแต่เรื่องที่จะให้ลูกน้องทำ หรือปฏิบัติ แล้วหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดีล่ะ ไม่เห็นบอกเลยว่า...ควรทำตนอย่างไร? ที่จะทำให้องค์กรชื่นชม ยกย่อง นับถือในความที่ตนเองมีหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดี...จากประสบการณ์ของตนเองที่เคยเป็นทั้งลูกน้องและหัวหน้าคน ทำให้ต้องการการถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตนเองได้เคยปฏิบัติต่อลูกน้อง ต่อผู้ร่วมงานว่าได้เคยปฏิบัติเช่นไร? และก็รู้ตัวเองเสมอว่า...ที่ตนเองได้ปฏิบัติมานั้น "ดีที่สุดแล้ว...สำหรับความคิดของเรา" ส่วนคนอื่นจะพอใจหรือไม่พอใจนั้นก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละบุคคลแล้วล่ะ...เพราะความคิด ความรู้สึกของผู้อื่นนั้น เราไม่สามารถรู้ได้...ขอเพียงแค่ ตัวเราคิดว่า "เราทำดีที่สุดแล้ว"...เท่านั้นก็คงพอ

            การเป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่ดีนั้น การปฏิบัติตัว คือ ต้องเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้เสนอแนะที่ดี รับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ไม่เข้าข้างใด ข้างหนึ่ง มีความคิด วิเคราะห์เรื่องในแต่ละเรื่องด้วยเหตุผล หลักการหรือความรู้ที่ตัวเรามีอยู่ หากไม่สามารถตัดสินใจหรือวิเคราะห์ได้ ควรปรึกษาผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือตัวเราขึ้นไป...แล้วใช่ว่าจะเชื่อเลย...เราควรนำเรื่องที่ได้รับคำแนะนำนั้นมาพินิจ วิเคราะห์และพิจารณาดูว่า ใช่หรือไม่...ทั้งหมดเป็นไปด้วยหลักการและเหตุผล...แล้วก็ "อย่ารีบด่วนสรุป" ชั่งน้ำหนักดูว่า "ดีแล้วหรือไม่" คนเราไม่ควรทิ้งหลักการและเหตุผล ยิ่งในสังคมปัจจุบัน ดูเสมือนปัญหาต่าง ๆ ในที่ทำงานมีมากมายเสียเหลือเกิน บางครั้งบางครา...เหมือนเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่มันก็สามารถนำมาทำให้เป็นเรื่องได้ เช่นเรื่องเล็ก ๆ แต่กลับกลายมาเป็นเรื่องใหญ่...หัวหน้าที่ดี ไม่ควรตำหนิลูกน้องในที่สาธารณชน เมื่อลูกน้องทำผิดหรือไม่ดีควรคุยด้วยตัวต่อตัว แนะนำในฐานะที่ตัวเราเป็นพี่ เขาเป็นน้อง คำแนะนำที่ดีควรออกมาจากใจของเราจริง ๆ และไม่ควรเลือกรักลูกน้องคนใดคนหนึ่ง ควรรักลูกน้องให้เท่า ๆ กัน เพราะไม่เช่นนั้น เรื่องแบบนี้จะทำให้เกิดการแตกความสามัคคีในหน่วยงานได้...การกระทำใด ๆ ไม่ควรที่จะเลือกปฏิบัติ ควรปฏิบัติด้วยความเป็นธรรม ไม่ควรทำสิ่งใดที่ไม่ดีให้กับลูกน้องได้เห็น เช่น เรื่องการใช้งบประมาณ การบริหารจัดการที่เป็นเรื่องไม่ดี เพราะจะเป็นตัวอย่างให้กับลูกน้องนำไปปฏิบัติต่อไปได้ในยามที่ไม่มีเราอยู่แล้ว...ควรประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างกับลูกน้องได้เห็น เช่น มาทำงานตรงเวลา เช้า - เย็น (ในความคิดของผู้เขียน เวลาราชการ ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. จะก่อนมาทำงานอาจประมาณ ๑๕ นาทีก็ได้ ส่วนกลับก็ควรหลังจาก ๑๖.๔๕ น. ไปแล้วเช่นกัน) ถ้าตัวหัวหน้าประพฤติปฏิบัติตนเช่นนี้ ไหนเลยลูกน้องจะประพฤติปฏิบัตินอกลู่ เพราะเขาเห็นตัวอย่างของเราประพฤติอย่างไร เขาก็จะนำไปปฏิบัติเช่นนั้น

            สำหรับคำพูด ไม่ควรใช้คำพูดที่วางอำนาจ ควรใช้คำที่สุภาพ พูดจาไม่แสดงตนข่มท่าน พูดด้วยเหตุด้วยผล เราหวังดีอย่างไร ก็บอกไปเช่นนั้น พร้อม ๆ กับการกระทำของเราด้วยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราบอกนั้น "มันออกมาจากใจของเรา"...บอกด้วยความหวังดี ต้องการที่จะเห็นเขาเป็นคนดี เพราะถ้าลูกน้องทุก ๆ คนประพฤติดี ก็จะทำให้หน่วยงาน สังคมดีตามไปด้วย...ในการพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้ผลประโยชน์ ควรกระทำด้วยความยุติธรรม มีที่มา มีเหตุผล มีคำตอบที่จะตอบสังคมได้ด้วยว่าเพราะอะไรที่คนนั้นได้ อีกคนไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้น จะเป็นปัญหาคาใจพวกเขาไป เพราะเขาไม่เข้าใจความคิดของตัวเราที่เป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชา...เมื่อมีเรื่องราวเกิดขึ้น ควรพูดคุยกับลูกน้องให้เข้าใจ ไม่ควรเก็บเรื่องไว้ในตัวของเราเพราะเช่นกัน ลูกน้องบางคนอาจไม่เข้าใจว่าเราคิดอย่างไร มีเหตุผลใด จึงตัดสินใจแบบนั้น...การเป็นหัวหน้าที่ดีก็ต้องรับผิดแทนลูกน้อง ถึงแม้ตัวหัวหน้าจะไม่ได้เป็นผู้กระทำ แต่ในสายของการทำงาน หัวหน้าไม่เคยพ้นความผิด เพียงแต่ต้องมีการสอบสวนกันให้ได้ข้อเท็จจริง...สำหรับตัวหัวหน้าก็ควรบอกลูกน้องให้ได้รู้ว่า...คราวต่อไป...ไม่ควรให้เกิดขึ้นอีก ต้องมีความระมัด ระวัง รอบคอบให้มากขึ้น...หัวหน้าที่ดีควรถามถึงทุกข์ สุข ของลูกน้อง ยามที่ลูกน้องเดือดร้อน ควรสอบถาม หาทางช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในงานหรือปัญหาครอบครัว ควรหาทางแก้ไขเพื่อให้บรรเทาลง (อาจดูว่าไม่ใช่...แต่ความจริงแล้วรวมถึงครอบครัวด้วย...เพราะแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน) ปัจจุบันความสุขต้องเกิดจากที่ทำงานและที่บ้านหรือครอบครัวด้วย จึงจะเรียกว่า "มีความสุขที่แท้จริง" ต่อการดำรงชีวิต...

            การเป็นหัวหน้าที่ดี ก็ไม่ควรนำเรื่องราวของลูกน้องมาว่าประจานให้คนอื่นได้รับทราบ ควรเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาที่ดี ให้คำแนะนำที่ดี ไม่ควรทำตัวเองให้หมดความศรัทธาต่อลูกน้อง ควรทำตนให้เป็นแบบอย่าง...ควรเห็นคุณค่าและคุณประโยชน์ของการที่ลูกน้องได้มีการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าเรื่องเรียน หรือเรื่องการพัฒนาตนเองในทุกรูปแบบ เพราะการที่จะทำให้งานประสบผลสำเร็จได้ดีจริง ๆ นั้น เมื่อลูกน้องเก่ง ก็จะทำให้ผลงานที่ปฏิบัติออกมาดี...คนเป็นหัวหน้าคน ไม่ควรกลัวว่า "ลูกน้องจะเก่งกว่าตนเอง...ความจริงแล้ว ลูกน้องเก่งสิดี เพราะจะทำให้งานออกมาดี" สำหรับลูกน้อง เมื่อรู้ตัวว่าเก่งแล้ว ก็ไม่ควรวางตัว "กร่าง" ๆ ในความรู้ที่ตนเองมี เพราะจะทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน...ควรใช้ความรู้ในลักษณะที่ทุกที่ทุกทาง...การเป็นหัวหน้าคนต้องมีระบบคุณธรรมประจำใจเสมอ กระทำสิ่งใดก็ควรที่จะนึกถึงความมีคุณธรรมประจำใจด้วย...ไม่ควรใช้ความรู้สึก หรือความคิดที่ไม่ใช้หลักการและเหตุผล ขาดความรู้ในเรื่องระเบียบ ข้อบังคับมาใช้ เพราะจะทำให้ลูกน้องหรือผู้ร่วมงานดูแคลนได้...ควรมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อลูกน้อง มีความเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ช่วยเหลืออย่างจริงใจต่อลูกน้อง ควรให้อภัยยามที่ลูกน้องทำงานผิดพลาด หาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ...ไม่ควรปัดความรับผิดชอบในการทำงาน...เท่าที่กล่าวมาก็พอจะทำให้สังคมหรือหน่วยงานที่เราได้อยู่ เกิดความร่มเย็น มีความสุขแล้วสำหรับ "ชีวิตของการทำงาน"




หมายเลขบันทึก: 518317เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2013 13:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2013 15:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท