หลักธรรม ๔ ประการสำหรับผู้สูงอายุ...


คนผู้สูงอายุต้องมาอยู่กับตัวเองให้มาก ๆ หายใจเข้าสบายออกสบาย อยู่กับพุทโธ ๆ


๑. ยอมรับความจริง... เราเป็นผู้สูงอายุผ่านกาลเวลามายาวนาน เป็นคนรับผิดชอบ เป็นคนขยัน เมื่อร่างกายของเรามันแก่ พระพุทธเจ้าท่านให้เรายอมรับความจริง ต้องมีความสุขในความแก่ อยากให้มันสาวมันไม่สาว อยากให้มันหนุ่มมันไม่หนุ่มหรอกนะ ต้องเจ็บปวดเพราะโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ มันมีมา 


พระพุทธเจ้าท่านให้เรายอมรับตามความเป็นจริง เราต้องมีความแก่เป็นธรรมดา มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา ถ้าเราไปต่อต้านไม่อยากเจ็บไม่อยากป่วย ทำให้เป็นบาป มันเป็นทุกข์ทางใจไปเปล่า ๆ ทุกข์ทางกายมันก็มาอยู่แล้ว...

๒. คนผู้สูงอายุนี้ก็ต้องเป็นผู้ที่ใจดีใสบาย เพราะความดับทุกข์ที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจดี ใจสบาย ใจสงบ...

เราเป็นเด็กหนุ่มสาววัยทำงาน ใจของเราอยู่กับสิ่งภายนอก ธุรกิจหน้าที่การงาน นี้ก็ถือว่าเราเป็นวัยเกษียณการงานภายนอก แต่เรายังมีงานอยู่นะ งานทำจิตใจให้สบาย งานฝึกหายใจเข้าสบายออกสบาย เราฝึกหายใจเข้าออกสบายทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน เพราะใจของเรามันจะได้มีงาน มีเครื่องอยู่ 


ที่เราหายใจเข้าออกสบายออกสบายเป็นงานบุญงานกุศล หรือใครจะท่องพุทโธ ๆ ในใจก็ได้ จิตใจได้รับก็คือเกิดความสงบเหมือนกัน 

คนผู้สูงอายุต้องมาอยู่กับตัวเองให้มาก ๆ หายใจเข้าสบายออกสบาย อยู่กับพุทโธ ๆ

พระพุทธเจ้าท่านสอนการเจริญอานาปานสติ กำหนดรู้อยู่กับลมหายใจเข้าหายใจออก พระพุทธเจ้าท่านเข้าฌานสมาบัติจนกระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพาน


๓. ความเมตตา... ผู้สูงอายุต้องฝึกเจริญเมตตาให้มาก ๆ พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเป็นผู้ที่มีความโกรธ ความพยาบาท เพราะทุกอย่างไม่ได้ตามใจ มันจะมีความโกรธ ความพยาบาท การไม่ได้ตามใจ ลูกก็ไม่ได้ตามใจ ทุกอย่างมีแต่ปัญหา ความโกรธก็จะมี พระพุทธเจ้าท่านจึงให้เราเจริญเมตตาให้มาก ๆ ให้เป็นผู้ใหญ่ใจดี ผู้เฒ่าใจดี เป็นปูชนียบุคคล อย่าไปพูดมากพูดหลาย ลูกหลานเขาไม่ชอบ เพราะเรามันเป็นผู้รู้หลายแล้วอดพูดไม่ได้ ไม่ดีนะ...


๔. ออกกำลังกาย... พระพุทธเจ้าท่านเดินจงกรม ญาติโยมก็ต้องมีการออกกำลังกาย ต้องฝึกประพฤติปฏิบัติ ฝึกปล่อยฝึกวาง คนแก่ต้องฝึกออกกำลังกายให้ได้มาก ๆ หน่อย มันจะได้ไม่เสื่อมเร็ว 

การออกกำลังกายนี้เป็นสิ่งที่ดี ทำให้ร่างกายของเราสดชื่นแข็งแรง อายุยืน ทำให้สติดีขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของตัวเองดีขึ้น พระพุทธเจ้าท่านออกกำลังกายด้วยการเดินจงกรมกลับไปกลับมา นี้คือการออกกำลังกายของพระพุทธเจ้า...


“พระพุทธเจ้าท่านออกกำลังกายทุกวัน เดินจงกรมทุกวัน” การเดินจงกรมของพระ หรือผู้ปฏิบัติธรรม คือการออกกำลังกายพร้อมกับการเจริญสติไปในตัว    

  

ถ้าเราไม่ออกกำลังกายชื่อว่ายังไม่ได้ปฏิบัติธรรม... 

อย่างคนจีนที่ออกกำลังกายตอนเช้า ที่เดิน ที่วิ่ง เล่นไทเก๊ก นั่นแหละดีมาก ถ้าเราไม่สะดวกในการที่จะออกกำลังกายอย่างนั้น เราก็ทำที่บ้านที่ห้องของเรา 

การออกกำลังกายนี้ถือว่าเป็นสิ่งถนอมชีวิต เป็นการปฏิบัติธรรม... 

การออกกำลังกายมันได้ทั้งความแข็งแรง ได้ทั้งสติ อย่างเช่นองค์หลวงตามหาบัว ท่านเดินจงกรมทุกวัน ออกกำลังกายทุกวัน ท่านไปวัดไหนท่านก็เดินตรวจดู ไปวัดไหนแล้ว ไม่เห็นทางจงกรม ท่านก็ถามหาเจ้าอาวาสเลยว่าเป็นใคร เป็นอย่างไรกัน ทำไมวัดนี้ไม่มีทางจงกรม

ผู้สูงอายุบางคนชอบแต่นั่งสมาธิ ไม่ชอบเดินจงกรม อย่างนี้ไม่ได้นะต้องเดินจงกรม อย่างเราปฏิบัติกิจวัตร เราได้ออกกำลังกาย มันดีมาก ได้ปฏิบัติธรรมแล้วได้เจริญสติ เจริญสมาธิไปด้วย

ผู้สูงอายุบางท่านเดินจงกรมวันหนึ่งตั้งหลายชั่วโมงนะ มันได้ทั้งสติทั้งสมาธิแข็งแรง ได้ละความขี้เกียจขี้คร้านเห็นแก่ตัว “ถ้าใครยังไม่ได้ออกกำลังกาย ก็ให้พากันเริ่มออกกำลังกายได้แล้วนะ...”


พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย

ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕


หมายเลขบันทึก: 518040เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2013 16:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม 2013 16:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

การออกกำลังกายนี้ถือว่าเป็นสิ่งถนอมชีวิต เป็นการปฏิบัติธรรม... 


บันทึกนี้ดีจัง ขอบคุณค่ะ

ดีใจ และอยากบอกว่า "ขอบคุณมากค่ะ" กับการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ


ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆครับ พระพุทธศาสนาสอนนี่แหละให้มนุษย์เรียนรู้และเข้าใจตนเอง สอนให้มนุษย์ทุกเพศทุกวัยทุกสถานะอยู่ได้อย่างมีความสุขก่อนใครๆ

ขออนุโมทนาบุญและขอบคุณสำหรับบันทึกที่ดีขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการออกกำลังกายค่ะ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท