“ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity, Creation, Creating, Creative Thinking)” เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญของครู ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทักษะที่จำเป็นจะต้องนำไปใช้ ในกระบวนการพัฒนาผู้เรียนในช่วงศตวรรษที่ 21 ดังภาพประกอบล่าง (ทั้งนี้ โดยมีทักษะ “การคิดวิเคราะห์ : Analytical Thinking” และ “การคิดแก้ปัญหา : Problem Solving” รวมอยู่ด้วย)
อนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์ ยังได้รับการกำหนดให้เป็น 1 ใน 5 ทักษะสำคัญที่ลูกจ้าง/พนักงานในสถานประกอบการต่างๆ จำเป็นจะต้องใช้ในการทำงานในช่วงศตวรรษที่ 21 ดังภาพประกอบล่าง (ทั้งนี้ โดยมี “ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ : Critical Thinking” และทักษะ “การคิดแก้ปัญหา : Problem Solving” รวมอยู่ด้วย)
และ ความคิดสร้างสรรค์ ได้รับการพิจารณาว่า เป็นทักษะที่ท้าทายในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาในการประกอบอาชีพในทศวรรษหน้า (ปี 2011-2020) สำหรับทุกสาขาอาชีพ เช่น ศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ ครู เจ้าของกิจการ นักคณิตศาสตร์ นักการเมือง และผู้นำทางธุรกิจ เป็นต้น
ความคิดสร้างสรรค์ เกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา ส่วนการคิดวิเคราะห์ เกิดจากการทำงานของสมองซีกซ้าย ดังภาพล่าง
ในปี 2547-2548 ผู้เขียนได้สนับสนุนให้นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (จาตุพักตร์ พากเพียร) ศึกษาสมรรถภาพทางสมองด้านการคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในจังหวัดศรีสะเกษ โดยการสร้างแบบวัดคู่ขนานที่ใช้เนื้อหาการวัดเดียวกัน (เนื้อหาทางภาษาและตัวเลข) แต่ฉบับที่ 1 ผู้ถูกทดสอบจะใช้สมองซีกซ้ายในการคิดวิเคราะห์ (หรือการคิดเอกนัย [Convergent Thinking] เพื่อเลือกตัวเลือกที่ถูกที่สุดในตัวเลือกที่ให้ไว้ในคำถามแต่ละข้อ) ส่วนฉบับที่ 2 ผู้ถูกทดสอบจะใช้สมองซีกขวาในการคิดสร้างสรรค์ (หรือการคิดอเนกนัย [Divergent Thinking] เพื่อเสนอคำตอบที่เป็นไปได้หลาย ๆ คำตอบในแต่ละคำถาม) ผลการศึกษาพบว่า ในด้านการคิดวิเคราะห์ นักเรียนส่วนใหญ่มีความสามารถในระดับปานกลาง (คิดเป็นร้อยละ 47.8) รองลงมาเป็นระดับสูง (ร้อยละ 30.5) และระดับต่ำ (21.7) ตามลำดับ ส่วนในด้านความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนส่วนใหญ่มีความสามารถในระดับต่ำ (คิดเป็นร้อยละ 52.8) รองลงมาเป็นระดับปานกลาง (ร้อยละ 45.9) และระดับสูง (ร้อยละ 1.3) ตามลำดับ นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ที่ทำคะแนนความคิดสร้างสรรค์ได้ต่ำกว่าคะแนนการคิดวิเคราะห์มีถึงร้อยละ 55.38 ผู้ที่ได้คะแนนความคิดสร้างสรรค์พอๆ กับคะแนนการคิดวิเคราะห์มีร้อยละ 40.03 ส่วนผู้ที่ได้คะแนนความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าคะแนนการคิดวิเคราะห์ มีเพียงร้อยละ 4.59 ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่ง น่าจะเกิดจาก การเรียนการสอนและการวัดผลในโรงเรียน จะเน้นวัดการคิดวิเคราะห์ (คือ การให้คิดหาคำตอบที่ถูกที่สุดเพียง 1 คำตอบในแต่ละคำถาม) มากกว่าวัดการคิดสร้างสรรค์ (คือ การเสนอคำตอบที่เป็นไปได้มาให้มากที่สุด) ในการวิจัยวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ผู้เขียนได้ดำเนินการร่วมกับครูและผู้ปกครองในท้องที่ชนบทของจังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้ "โครงการบ้าน-โรงเรียนร่วมใจ"(ปี 2541-2544) โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ก็พบว่า ในด้านการพัฒนาทางสมองของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนั้น การพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีเหตุผลและทักษะการคิดแก้ปัญหา ได้ผลดีกว่าการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์
ผลการศึกษาที่กล่าวมา ชี้ว่า เด็กปฐมวัยและนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน น่าจะได้รับการพัฒนาที่เน้นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการคิดวิเคราะห์ แต่ครูก็ควรจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนได้ใช้ทั้งสมองซีกซ้ายและซีกขวาในการเรียนรู้ เพราะจะช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดีกว่า การใช้สมองซีกใดซีกหนึ่ง และยังจะเป็นการตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน ที่มีความถนัดในการใช้ซีกสมองต่างกัน ดังที่ในปี 2551-2552 ผู้เขียนได้สนับสนุนให้นักศึกษาสาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา (ปทุมวัลย์ ทองมนต์) ทำการวิจัยปฏิบัติการ (3 รอบวงจร) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในจังหวัดมุกดาหาร โดยการจัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT ซึ่งประกอบด้วยการดำเนินการ 8 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 สร้างประสบการณ์ (ใช้สมองซีกขวา) เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการใช้สื่อของจริง เกม เพลง เป็นตัวกระตุ้น ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงประสบการณ์ดังกล่าวมาเป็นประสบการณ์ของตนเอง ขั้นที่ 2 วิเคราะห์ประสบการณ์ (ใช้สมองซีกซ้าย) โดยการอภิปรายวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดจากประสบการณ์ในขั้นที่ 1 ขั้นที่ 3 ปรับประสบการณ์เป็นความคิดรวบยอด (ใช้สมองซีกขวา) โดยให้นักเรียนหาข้อสรุปจากประสบการณ์และสถานการณ์ ขั้นที่ 4 มุ่งหลักการ (ใช้สมองซีกซ้าย) เป็นการศึกษาโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากใบความรู้ ขั้นที่ 5 ลงมือปฏิบัติตามหลักการ (ใช้สมองซีกซ้าย) เป็นการทำงานตามใบงานหรือทำตามขั้นตอนที่กำหนด ขั้นที่ 6 สร้างผลงานตามความถนัด (ใช้สมองซีกขวา) การลงมือปฏิบัติงานในการสร้างชิ้นงานในใบงานตามความสามารถ ขั้นที่ 7 วิเคราะห์ชิ้นงานและแนวทางในการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ (ใช้สมองซีกซ้าย) เป็นการนำเสนอผลงาน อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดในกลุ่ม และขั้นที่ 8 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (ใช้สมองซีกขวา) เป็นการจัดป้ายนิเทศแสดงผลงาน ให้นักเรียนได้นำเสนอผลงาน อภิปรายผลงานให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ พร้อมทำการประเมินผลงาน จากการศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้/การสัมภาษณ์นักเรียน และการวัดการคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ก่อน/หลังปฏิบัติการ พอจะสรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำงานเป็นกลุ่ม และเป็นรายบุคคล สามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน นักเรียนได้เรียนรู้โดยการปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจและความถนัดของตนเอง ทำให้มีอิสระในการคิด และสามารถคิดได้หลากหลายแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ให้สูงขึ้น
(งานวิจัยของนักศึกษาทั้ง 2 ชิ้น เป็นวิทยานิพนธ์ที่ได้รับการประเมินในระดับดีเยี่ยม : Excellent)
ท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนขอฝากว่า การที่จะพัฒนาทักษะการคิดในด้านใดให้กับนักเรียน ครูผู้สอนเองจำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะของตนในด้านนั้นๆ ก่อน ซึ่งจากการที่ผู้เขียน ได้มีประสบการณ์ในการทำวิจัยด้านการพัฒนาการคิดของผู้เรียน การอบรมครูด้านการพัฒนาการคิด การทำหลักสูตรรายวิชาการพัฒนาทักษะการคิด การจัดทำคู่มือการเรียนรู้และการสอนในรายวิชาดังกล่าวสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี และการควบคุมปริญญานิพนธ์ที่ทำวิจัยด้านการสร้างแบบวัดการคิดและการพัฒนาการคิดแบบต่างๆ ให้กับผู้เรียน ผู้เขียนพบว่า มีเอกสารที่ให้องค์ความรู้และแนวคิดแนวปฏิบัติในการพัฒนาการคิดแต่ละอย่างมากมาย ทั้งในแนวคิดทางตะวันออกและทางตะวันตก และกิจกรรม/เทคนิคการพัฒนาการคิดสร้างสรรค์ก็มีอยู่หลากหลาย เมื่อนำไปฝึกก็ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก (ดังตัวอย่างที่ได้เขียนไว้บ้างในบันทึกที่เกี่ยวข้อง : การคิดนอกกรอบฯ) สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ครูอาจารย์จะใส่ใจและตั้งใจจริงแค่ไหนที่จะศึกษาค้นว้า เพื่อนำความรู้และแนวปฏิบัติที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลกับผู้เรียนอย่างแท้จริง
(ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาเข้าไปอ่าน ให้ดอกไม้/แสดงความเห็น และขออภัยที่ผู้เขียนคงตอบช้าเช่นเคย เพราะต้องเดินทางเข้าฟาร์ม และที่ฟาร์มใช้ Internet ไม่ได้ค่ะ)
การเปลี่ยนแปลง ..... เพื่อการเรียนรู้ .... ผ่านการสร้างสรรค์ คิดใหม่ รูปแบบใหม่ๆ นะคะ
ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ อาจารย์แม่
สวัสดี ผศ.วิไล
ป๋าเดเข้าตอบในบล๊อคอาจารย์ไม่ได้แล้ว แต่รูปเล็กๆมันคงไม่ขึ้น ก็จะพยายามต่อไป
อ้อพิมพ์ผิด คือเข้าได้แล้วแต่รูปเล็กมันไม่ขึ้นครับ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
-ขอให้อาจารย์แม่จงได้รับรางวัลนะครับ...จะรอฟังข่าวดี
จากป๋าเด
กว่าจะได้เข้าเมืองตอบความเห็น/คำถาม "ป๋าเด" ท่านก็แก้ปัญหาได้ด้วยความพยายามของตนเองไปแล้ว
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง ที่ท่านได้ใช้ความพยายามไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ สำหรับคำอวยพรให้ยายไอดินได้รับรางวัลจากการเขียน จริงๆ แล้ว ยายไอดินไม่เคยเขียนเพราะหวังรางวัลเลยนะคะ
เวลาที่มีหัวเรื่อง "สรอ.ขอความรู้" ที่ยายไอดินพอจะมีข้อมูล/ความคิดเห็น ก็ลงมือเขียนเป็นการให้ความร่วมมือกับ "สรอ." และ "GotoKnow" บางบันทึกก็เขียนเพื่อไม่ให้ขาดหายจากการติดต่อสื่อสารกับ "กัลยาณมิตร GotoKnow" ค่ะ
แต่คงเขียนได้ไม่บ่อยนัก คงประมาณเดือนละ 1-2 เรื่องค่ะ เพราะไปอยู่ที่ฟาร์มใช้ Internet ไม่ได้ จะใช้ได้ก็ตอนเข้าเมืองค่ะ
ขอบคุณกำลังใจและน้ำใจจาก "Dr.Ple" มากนะคะ ที่มีให้อาจารย์แม่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ชื่นชม"กิจกรรมสร้างสรรค์" ของชาวเพชรบุรี (รวมทั้งท่าน นพ.สมพนธ์ และ "Dr.Ple") มากค่ะ
ขอบพระคุณกำลังใจจากทุกท่านค่ะ
อาจารย์แม่สรุปได้ละเอียดมาก
ตอนนี้ที่สวนเป็นอย่างไรบ้างครับ ฝนตกไหมครับ
อยากให้ครูทุกคนได้อ่านแนวคิดดีๆเช่นนี้ค่ะ..ขอให้น้องผศ.วิไลและครอบครัวมีความสุขมากๆค่ะ..
ดีใจครับที่ท่านตอบผม...และเราสื่อสารกันได้แล้ว
ขอแสดงความเห็นนิดหนึ่ง.....ภาพที่หัวบล๊อคของท่านเป็นภาพคนยิงศีรษะตัวเอง ผมคิดว่าเป็นภาพที่ไม่ค่อยสวยนะ
ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจจาก "ลูกขจิต"
ฝนหายไปนานแล้วจนจำไม่ได้ค่ะ ว่าตกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ดีว่า มีน้ำประปา น้ำบาดาลให้ได้รดน้ำต้นไม้ ไม่เช่นนั้นต้นไม้ใบหญ้าคงเหี่ยวแห้งตายหมด
ช่วงนี้ที่ฟาร์มทำงานก่อสร้างเพิ่มเติมเสร็จแล้วค่ะแต่ยังมีปัญหาบางจุด ที่สวนยางก็สร้างโรงเก็บวัสดุอุปกรณ์เสร็จแล้ว ยางพาราปลูกมาแล้วปีนี้เป็นปีที่ 7 แต่พ่อใหญ่สอบอกจะกรีดปีที่ 8 ค่ะ
อาจารย์แม่อยากส่งภาพที่ฟาร์มให้ดู แต่มีปัญหาเรื่องการใส่ภาพค่ะ ก่อนนี้เคยมี Image Link แต่ตอนนี้หายไป เลยไม่รู้จะใส่ภาพประกอบยังไงค่ะ
ขอบพระคุณกำลังใจและคำอวยพรจาก "พี่ใหญ่" มากนะคะ
สงสัยจังค่ะ ว่า "ป๋าเด" ทำยังไงภาพประจำตัวจึงไม่ปรากฏ
ขอบคุณนะคะ สำหรับความเห็นเกี่ยวกับภาพประกอบ Blog ท่านคงอยากสื่อว่า ภาพไม่เหมาะมากกว่าภาพไม่สวย สำหรับภาพคนยิงตัวตาย ใช่ไหมคะ พอดีว่า Blog "Goaltoknow" ใช้เขียนบันทึกตามแรงบันดาลใจทางสังคม และเรื่องแรกที่เขียน (เกือบ 2 ปีมาแล้ว) ก็เกิดจากความสะเทือนใจที่นักเรียนชั้น ม.6 ที่ร้อยเอ็ดฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าตนไร้ค่า อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ยายไอดินก็เลยใช้ภาพ Graphic คนฆ่าตัวตายประกอบ คงพอจะอนุโลมได้นะคะ เพราะเป็นภาพ Graphic ไม่ใช่ภาพคนจริง และต้องการให้สื่อความถึง "อัตวินิบาตกรรม" ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับกำลังใจจาก "ลูกแผ่นดิน" "น้องอิน" "พี่วอญ่า" "คุณอักขณิช" และ "หนูพวงผกา"
ป๋าเดคงคิดมากไปเองมั้ง...เรื่องภาพไม่เป็นไรไม่คิดอะไรแล้ว.ป๋าเดกำลังเขียนบล๊อค อยู่นะตอนเข้าเมืองไปถึงบ้านอาจารย์แม่ลองอ่านดูนะ
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับกำลังใจจาก "คุณเขียวมรกต" และ "หนูอรดี"
อาจารย์แม่ครับ คลิกขวาที่ภาพ จะ copy เลือกคัดลอก URL ของภาพ มาคลิกที่ insert image ครับ เอา URL ที่ copy มาใส่ในช่อง กด insert ครับ
อันนี้ใช่ไหมครับ
ยางใกล้จะกรีดหรือยังครับ
ขอบคุณ "ลูกขจิต" มากนะคะ สำหรับคำแนะนำวิธีการใส่ภาพประกอบ ดังนี้
"อาจารย์แม่ครับ คลิกขวาที่ภาพ จะ copy เลือกคัดลอก URL ของภาพ มาคลิกที่ insert image ครับ เอา URL ที่ copy มาใส่ในช่อง กด insert ครับ"
ที่ผ่านมา อาจารย์แม่ก็ทำแบบที่ลูกขจิตแนะนำนั่นแหละค่ะ แต่ปัญหาคือ พักหลังนี่อาจารย์แม่ไม่เห็น " URL ของภาพ" ก็เลยไม่รู้จะไปคัดลอกจากไหน กรุณาตอบด่วนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
พ่อใหญ่สอบอกว่าจะกรีดปี 2557 ค่ะ "ป๋าเด" ซึ่งแกและคนงานก็จะต้องอบรมเรื่องการกรีดยางก่อน ต้นปี 2556 แกก็สมัครอบรมพร้อมกับคนงาน 2 คน แต่คนงานไม่เข้าบอกจะเข้าอบรมปีที่จะกรีด แกเลยต้องเข้าอบรมคนเดียว แต่แค่วันแรกเขาให้นั่งกับพื้นลับมีดอย่างเดียว แกก็ไม่ไหวแล้ว เลยขออบรมพร้อมกับคนงานต้นปี 2557 ค่ะ จะเป็นการอบรมที่แกเองต้องการศึกษาให้รู้วิธีปฏิบัติเพื่อดูแลคนงาน ส่วนการปฏิบัติจะให้คนงานเป็นคนฝึกค่ะ
โรงเรือนที่แกทำที่สวนยางสำหรับเก็บปุ๋ยและเครื่องไม้เครื่องมือ (ดังภาพบน) ยายไอดินถามตอนที่กำลังทำว่า "ทำไมทำเล็กจัง" (ยายไอดินไม่ได้มีส่วนร่วมวางแผนเหมือนการต่อเติมบ้านค่ะ) แกหัวเราะหึๆ และพูดต่อหน้าช่างว่า "ก็ไม่รู้จะทำให้ใหญ่โตไปทำไมนะ เพราะไม่มีอะไรมากมายที่จะใส่เข้าไป" แต่พอสั่งปุ๋ยคอกมาปรากฏว่า โรงเรือนไม่พอเก็บต้องเก็บที่อื่น เป็นภาระต้องขนไปที่สวนยางอีก เฮ้อ! อะไรที่ยายไอดินไม่มีส่วนร่วมวางแผน มักจะมีข้อผิดพลาดเสมอเลยค่ะ
เรียกว่าพ่อใหญ่สอขาดการวางแผน....การกรีดยางก็อยากเข้าอบรมเหมือนกันนะจะได้มีความรู้ติดตัว...แถวบ้านป๋าเดมีสวนยางมาก....แต่บ้านป๋าเดไม่มีสวนยางหรอก...
ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ ถ้ากลับไปเยี่ยมชมอีกครั้งคงเปลี่ยนปลงไปมาก.....แหมเห็นภาพโรงยิมของยายไอดิน นึกว่าเป็นโรงฝึกนักกีฬาเล็ก 555...ช่วยตอบหน่อยได้ไหมว่าคือโรงอะไร ???
-ขออนุญาตแนะนำยายไอดินว่า ตอนอยู่ฟาร์มกลางคืนก็เขียนบล๊อกได้ใน Word ไว้ซิ พอกลับเข้าเมืองอุบลฯก็เอาลงบล๊อกได้สบายมาก.....
-บ่อน้ำเป็นอย่างไร หน้าแล้งน้ำจะพอไหม ตกกลางคืนที่ฟาร์มคงเงียบสงัดดีน้อ....
-ป๋าเดไปอบรมที่มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ดวิทยาเขตหัวหินมานะ...คอยอ่านในบล๊อก วันสองวันนี้จะเขียน...
แวะมาให้กำลังใจนะค่ะ...เห็นด้วยกับการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการคิดวิเคราะห์ให้กับคนไทย
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความเห็นของ "คุณครูธนิตย์" และต้องขอโทษมากๆ นะคะที่ตอบช้า เพราะต้องรีบกลับเข้าฟาร์ม และพอตอนหลังเข้าเมืองก็เข้าแบบรีบกลับไม่ได้ค้าง เพิ่งมาค้างเที่ยวนี้ค่ะ
อยู่ที่ฟาร์มสุขภาพยายไอดินดีขึ้นค่ะ เพราะกิน-นอนเป็นเวลา อากาศดี และได้ออกกำลังกายด้วยการปลูก/ดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ใบหญ้าค่ะ หวังว่าคุณครูธนิตย์และสมาชิกในครอบครัวจะ สบายดีเช่นกันนะคะ
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับกำลังใจและความเห็น จาก "คุณที่ไม่ระบุนาม"
ขอบคุณลูกขจิตมากนะคะ ที่กรุณาแนะนำอาจารย์แม่เรื่องการใส่ภาพ ทั้งที่เข้าไปตอบคำถามในหน้าถามตอบ ซึ่งทุกวิธีที่ลูกขจิตและคุณน้องคนบ้านไกลแนะนำ อาจารย์แม่ก็ทำตามไม่ได้ เพราะคลิกขวาคลิกซ้ายก็ไม่ปรากฏข้อความตามคำแนะนำค่ะ สุดท้ายต้องหิ้ว Notebook ไปหาช่างประจำเขาเองก็ทำตามคำแนะนำไม่ได้เช่นกันค่ะ แต่ได้แนะนำให้เข้าไปที่ Properties และ Copy "๊URL" ที่นั่นค่ะ
เรื่อง "โรงยิมเล็ก" ตลกมากค่ะ "ป๋าเด" ตอนแรกพ่อใหญ่สอจะกั้นห้องทั้ง 3 ด้าน (ด้านข้าง 2 ด้านหลัง 1) และด้านหน้าก็จะทำประตูปิด/เปิด (เป็นอีกสิ่งปลูกสร้างที่ยายไอดินไม่ได้ร่วมวางแผน) ยายไอดินเลยบอกว่า ถ้าแกทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นโรงเก็บเครื่องออกกำลังกายไป ขืนเข้าไปออกกำลังกายในห้องเล็กๆ ทึบๆ เช่นนั้นก็จะร้อนอบอ้าวเป็นลมตายพอดี สุดท้ายแกเลยเปลี่ยนเป็นเปิดโล่งด้านข้างที่มองไม่เห็นในภาพและไม่ต้องทำประตูปิด/เปิด (ตามคำแนะนำของยายไอดิน) ยายไอดินต้องนำต้นมะไฟไปปลูกให้ร่มเงาที่มุมขวา (มุมซ้ายมีมะม่วงฟ้าลั่นเสียบยอดเป็นร่มเงาอยู่ก่อนแล้ว) และจัดภูมิทัศน์ให้น่าดูเวลาไปออกกำลังกาย ตอนนี้จัดอุปกรณ์เข้าไปครบแล้วค่ะ คราวหน้าจะลงภาพให้ดูนะคะ
สวัสดียายไอดิน (ชื่อดูแก่จัง)
-ไม่ได้เปิด Notebook เสียนานเพราะมันค่อนข้างเกเร (เปิดGoogleไม่ได้จึงไม่ได้แวะมาเยี่ยม)
-คำว่าโรงยิมก็ต้องเป็นสถานที่ออกกำลังกาย ดีแล้วที่ท่านให้พ่อใหญ่ไปออกกำลังกายข้างนอก อากาศจำได้ถ่ายเทสะดวก......โรงยิมเอาไว้เก็บของดีกว่า 555
ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ความรู้เป็นวิทยาทาน
แต่การสอน "ความคิดสร้างสรรค์ : ทักษะของครูในศตวรรษที่ 21" ยากจังค่ะ มีวิธีไหนที่จะทำให้ครูผู้สอนเข้าใจได้ง่าย และปฏิบัติได้ นำไปใช้ได้ อาจารย์ช่วยสอนเป็นวิทยาทานแก่หนูเพิ่มเติมได้หรือไม่คะ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ