ผศ.ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ผศ.ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ อาจารย์ โทนี่ ปัญญโรจน์

Think Different


Think Different

โดย....ดร.สุทธิชัย   ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

  ThinkDifferent หรือ คิดต่าง มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ทำงานด้านการตลาด สตีเวน  จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์หรือ บริษัทแอปเปิล (Apple: Company
Co-founder Steve Jobs Has Died) เขาให้ความสำคัญมากๆ
เกี่ยวกับการคิดต่าง หรือ Think Different บริษัทถึงกับออกโฆษณาตามสื่อต่างๆ
เกี่ยวกับแนวความคิดนี้  และมีคนเคยถามว่า
ทำไมเขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการคิดต่างหรือ
Think Different แต่มีการวิจัยตลาดหรือการหาความต้องการของลูกค้าน้อยมาก

  เขาตอบว่า
ในบางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องการอะไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า
สมัยของเฮนรี ฟอร์ด คนเรายังไม่มีรถยนต์ใช้ แต่ใช้ม้า ใช้ช้าง ใช้วัว ใช้เกวียน
ในการเดินทาง ถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด
ทำการวิจัยทางการตลาดว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร ลูกค้ามักจะตอบกลับว่า
เขาต้องการม้าที่วิ่งได้ไวที่สุด
เขาต้องการเกวียนที่มีประสิทธิภาพที่สามารถบรรทุกของได้เป็นจำนวนมากๆ

  และถ้าหากเฮนรี  ฟอร์ด สนองความต้องการของลูกค้า รถยนต์คันแรกของโลกก็จะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น
สตีเวน  จอบส์จึงให้ความสำคัญกับการคิดที่แตกต่างเป็นอันมาก และ
Think
Different จึงเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของบริษัทแอปเปิล
ที่นำเอามาใช้ในองค์กร จนองค์กรคือ บริษัทแอปเปิล
ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูง
ด้วยความคิดที่แตกต่างสินค้าตระกูล I จึงได้เกิดขึ้น (
iPhone iPad
iPod) ซึ่งมีหลายรุ่น หลายแบบ และหากเราตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่า
สินค้าบางตัวเป็นสินค้าที่คิดมาก่อนบริษัทอื่นๆ 
เมื่อออกมาขาย บริษัทบางแห่งถึงกับมีการลอกเลียนแบบสินค้าเพื่อนำไปขาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า
สตีฟ  จอบส์  จะไม่มีการทำการตลาดในตัวสินค้า แต่ตรงกันข้าม
เขาจะมีทีมงานการตลาดของบริษัทเอง โดยที่ไม่จ้างนักการตลาดมืออาชีพหรือนักการตลาดที่มีชื่อเสียงมาจากภายนอกแต่จะใช้ทีมงานภายในบริษัทเอง

  บริษัทแอปเปิล ได้สร้างวัฒนธรรมด้วยการคิดต่างหรือ Think
Different ดังนี้ ส่งเสริมให้พนักงานคิดต่าง ,
ส่งเสริมเรื่องของคุณค่ามากกว่ากฎระเบียบ
เช่นมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่คำนึงถึงเรื่องของงานต้องเสร็จ
พนักงานบางคนเดินเท้าเปล่าๆ เข้าประชุม โดยไม่มีใครต่อว่า , ต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ
เสมอ เป็นต้น

  ผู้ชนะคือผู้ที่กำหนดเกมส์ให้ผู้อื่นเล่น
แต่ผู้พ่ายแพ้มักเล่นตามเกมส์ของผู้อื่น 
ทำไมคนที่เป็นนักการตลาดจะต้องมีความคิดต่างหรือ
Think
Different ก็เพราะการคิดต่างจะทำเกิดสินค้าใหม่ๆ
กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ 
การแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ๆ จึงทำให้องค์กรของตนเองหรือหน่วยงานของตนเอง
ก้าวหน้ามากกว่าที่จะทำตามหรือลอกเลียนแบบ สินค้า กลยุทธ์การตลาดของบริษัทคู่แข่ง

  หากอยากเป็นผู้นำตลาด
ก็ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะคนลอกเลียนแบบมักจะเป็นผู้ตามวันยังค่ำ
ตรงกันข้ามคนที่คิดต่าง หรือ
Think Different มักมีโอกาสเป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอ
แต่ความยากที่สุดก็คงอยู่ที่ว่า นักการตลาดสมัยใหม่
กล้าหรือเปล่าที่จะคิดต่างและมีความกล้าหรือเปล่าที่จะนำความคิดนั้นไปใช้
เพราะความคิดใหม่ๆ มักต้องเผชิญกับทั้งความล้มเหลวหรือต้องเผชิญกับเสียงตำหนิ  เสียงดุด่า การเสียดสี การพูดในเชิงดูถูก
แต่หากว่าความคิดต่างหรือ
Think Different ประสบความสำเร็จ
คุณก็มีโอกาสโด่งดังมากกว่าคนที่ทำอะไรตามๆ คนอื่นเขา

  Make THE Difference เมื่อคิดต่างแล้ว
นักการตลาดที่ดีก็ควรลงมือทำให้เกิดความแตกต่างด้วย ซึ่งพลังในตัวของนักการตลาด
สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ นักการตลาดสามารถสร้างสรรค์
สร้างคุณค่าให้แก่ตัวของสินค้า บริการ ใหม่ๆได้
ซึ่งการสร้างสรรค์นี้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมอีกด้วย
จงกล้าที่จะคิด พูด ทำ ในสิ่งที่ “ แตกต่าง” เพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ
ที่ตนเองทำให้ดีขึ้น จงเริ่มต้นที่ตัวของคุณเอง

  เอดิสัน ผู้คิดต่างหรือThink Different มีแนวคิดที่แตกต่างไปจากคนยุคเดียวกัน
เขาคิดว่าเขาต้องการคิดหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการใช้
คนทุกๆคนในสังคมสมัยนั้น ไม่เห็นภาพว่าหลอดไฟฟ้าคืออะไร ด้วยความคิดที่แตกต่าง
หลอดไฟฟ้าดวงแรกจึงเกิดขึ้น อีกทั้งการลงมือทำที่แตกต่าง
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นของเขา มีคนตั้งคำถามเขาว่า
หากว่าทำสองพันกว่าวิธียังไม่สำเร็จ ทำไมไม่เลิก นี่คือความคิดของคนทั่วไป แต่
เอดิสัน มีความคิดต่างหรือ Think Different เขาตอบกลับว่า
ถึงแม้เขาจะยังไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย
เขาก็ได้ค้นพบสองพันกว่าวิธีที่ไม่เหมาะสมที่จะผลิตไส้หลอดไฟฟ้า  ดังนั้น หลอดไฟฟ้า ดวงแรกจึงเกิดขึ้น

  คุณสมบัติของนักการตลาดในยุคดิจิตอล
จึงต้องมีคุณสมบัติที่ คิดต่าง ทำต่าง
เพื่อนำสิ่งแปลกๆใหม่ๆ มาสนองความต้องการของผู้บริโภค เมื่อสินค้า บริการ ใหม่ๆ
เกิดขึ้นมากๆ ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต การจ้างงานเกิดขึ้น
รายได้จากแรงงานเกิดขึ้น คนมีกำลังซื้อมากขึ้น
ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมก็จะดีขึ้น

  สรุป
แนวความคิดเรื่องของ
Think Different หรือ
คิดต่าง กระผมสนับสนุนเต็มร้อยครับ ถึงแม้ว่าสังคมไทยเรามักจะไม่ชอบคิดก็ตาม  แต่ถ้าหากว่าเราส่งเสริม สนับสนุน
ให้คนรุ่นใหม่ๆ คิดมากๆ กระผมเชื่อว่า เราจะมีนักการตลาดที่เป็นนักคิดสร้างสรรค์
นักคิดที่มีความแตกต่างๆ มากขึ้น เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีนักคิดมากมาย
ไม่ว่า เครื่องบินลำแรกเกิดขึ้นในสหรัฐ 
ระบบร้านสะดวกซื้อ
7-11 เกิดขึ้นในสหรัฐ  ระบบอาหารสมัยใหม่เช่น KFC เกิดขึ้นในสหรัฐ รถยนต์ หลอดไฟฟ้า ระบบห้องสมุดประชาชน เกิดขึ้นในสหรัฐ

  แต่อย่างไร ก็ดีสังคมไทย ก็มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
มากขึ้นกว่าในยุคอดีต ดังจะเห็นได้จากสินค้าหลายตัว มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบ
ความทันสมัย รสชาติ สีสัน ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น สมัยอดีต
หากว่าเราจะเกิดโดนัสสักชิ้น เราคงจะต้องนึกภาพว่า โดนัส มีลักษณะกลมๆ มีรูตรงกลาง
แต่ในปัจจุบัน มีนักการตลาด สร้างสรรค์ และออกแบบ โดนัส พิซซ่า
ซึ่งทำให้ภาพของขนมโดนัส เปลี่ยนแปลงไป แต่ทำให้ผู้บริโภคอยากสัมผัส
อยากทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆ

  ฉะนั้นหากว่าท่านต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ท่านจำเป็นต้องคิดต่างจากนักการตลาดด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านไม่คิดอะไรมาก
ทำเหมือนๆคนอื่นๆ 
ความสำเร็จในการทำงานด้านการตลาดของท่านก็อยู่ในระดับปกติมาตรฐานนักการตลาดด้วยกัน
ทั้งนี้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นนักการตลาดหรือไม่
คงไม่ได้อยู่ที่ใคร อย่าโทษสิ่งต่างๆ แต่จงโทษตัวของท่านเอง
จงกล้าคิดต่างแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านโชคดี

 

หมายเลขบันทึก: 515192เขียนเมื่อ 5 มกราคม 2013 10:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม 2013 10:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท