เคยอ่านบันทึกมากครั้งเกี่ยวกับบ้านแม่กำปอง..นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้ไป อ้าว..ก็มีโอกาสกะเขาด้วย บ้านแม่กำปอง โฮมสเตย์อันทรงเสน่ห์..
เสียงน้ำตกทักทายตั้งแต่ก้าวเท้า(รถยนต์)มาถึงเขตบ้าน สายน้ำดังกลบเสียงเครื่องยนต์ สายลมเย็นระรื่นบ่งบอกถึงความร่มครึ้มของป่าไม้ มีเสียงอุทานแว่วว่า
"โอ้คืนนี้คงมีเสียงดนตรีธรรมชาติกล่อมใจทั้งคืน"
บ้านแม่กำปอง..งดงามอย่างแช่มช้า เมื่อค่ำคืนอันเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางไกลกวักมือเรียกให้ล้มตัวลงซุกผ้าห่มนวมหนาหนักบรรเทาหนาว อากาศเย็นยะเยือก นั่นแหล่ะค่ำคืนแสนหวานท่ามกลางดนตรีบรรเลงดัง กางฝันออกมาปูนอน
ยังหนาวอยู่..เมื่อลืมตาตื่นตอนรุ่งสาง น้ำตกยังคงทำงานอย่างขมักเขม้น มิได้หยุดพักผ่อนเช่นเรา เมืองกลางหุบเขารอคอยพระอาทิตย์มาเยือนอย่างใจจดใจจ่อ โอ้ว่าเพลาเช้า แดดตื่นสายนัก..
ถือขันดอกไม้เดินทอดน่องออกไปวัด..โอ้ ลมหายใจของเราเป็นควันยาว วัดที่สื่อสารวัฒนธรรมภาคเหนือเอาไว้ ศาลาไม้ฉลุยลวดลายแช่มช้อย แน่ะหลังคาโบสถ์ประดับประดาด้วยมอสเขียวละออ นักท่องเที่ยวแน่นศาลาวัด กระนั้นก็ยังหนาวอยู่มิรู้วาย
แดดมาถึงเสียสายโด่ง บนยอดไม้โน่น ขณะเสียงพระสวดหยุดไปนานแล้ว หลังอาหารเช้าพร้อมกาแฟหอมกรุ่น เจ้าของบ้านกุลีกุจอจะพาเดินทางสำรวจต้นไม้ที่รากพ่นน้ำใสๆ ออกมา (ให้ชาวบ้านได้ดื่มกิน)
เส้นทางอันอุดม..เหล่านี้เองที่ยังคงทำให้ใครต่อใครเดินทางไกลมานอนฟังเสียงน้ำตก ต้นมอสเติบโตงอกเงยอยู่เต็มเส้นทาง หมู่บ้านตั้งตัวเองอยู่บนพื้นที่ซ้อนทับ หลังคาเรือนซ้อนกันเป็นเมืองบนหุบเขา ควันไฟแห่งบ้านเรือนลอยระเรื่ออยู่ ยามสายแล้ว แต่แดดก็ยังอ่อนโยนแลนุ่มนวล
ผู้คนของเมืองท่องเที่ยวยังคงดำรงไว้ซึ่งไมตรี อนึ่งมาจากความตกลงปลงใจร่วมกันว่าจักต้อนรับแขกที่แวะมาพัก ด้วยสิ่งที่ตนเองมี เจ้าของบ้านหลังที่นอนพักจึงมิได้ขายบ้านที่ถูกถามซื้อ ด้วยถ้อยซื่อๆ ว่า "เงินที่ได้มาคงหมดก่อนตาย แล้วชีวิตที่เหลือโดยไร้บ้านจะทำอย่างไร" แม่กำปอง ยังคงดำเนินชีวิตอย่างง่ายๆ พร้อมกับความคิดของผู้คนที่ยังง่ายงาม
ต้นไม้สูงใหญ่ ความยิ่งใหญ่และใจกว้างแผ่สาขาออกเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนมานานนัก ความใจกว้างแผ่สลายออกเป็นปีกของต้นไม้ ออกเป็นลูกไม้เล็ก ออกเป็นก้านกิ่งไม้ที่ห่มคลุมภูเขา และห่มคลุมป้องภัยผู้คนที่รักต้นไม้ด้วย
แดดกระจ้างฟ้าแล้ว เสียงน้ำตกยังคงดังซู่ซ่า เมื่อคนตัวเล็กๆ แหงนคอต้ังบ่าเพื่อเก็บภาพงดงามของน้ำตกแม่กำปอง ขากลับจากป่าเราเดินลัดเลาะตามธารน้ำ จึงทำให้เก็บภาพชีวิตที่หล่นล่วง และงอกเงยอยู่ริมทาง สมกับเป็นรอยทางของพฤกษ์ไพร..
ไม่มีความเห็น