จากโพลทุจริต....สู่กวีแด่ความอาย


หนูไม่อายหรอกค่ะสมัยนี้ คนดีดีคอรัปชันกันออกโผง ไม่อายใครใจชั่วตัวชูโรง ถูกเปิดโปงเข้ามั่งยังไม่กลัว คนอย่างหนูถ้ารู้อายชายคงเหงา คนอย่างเขาถ้ารู้อายคงหายชั่ว ตราบคนใหญ่ไม่ยั่นกินกันนัว หนูเผยตัวอวดชายจะอายใคร? (จินตนา ปิ่นเฉลียว)

             วันนี้หลังเลิกงาน ผมมีเวลาเล็กน้อยพอได้ทำความสะอาดตู้หนังสือในห้อง ซึ่งก็หมายถึงโอกาสที่จะได้หยิบจับหนังสือที่ถูกเก็บเอาไว้ออกมาผ่านตาอีกครั้งด้วย มีหลายเล่มที่อ่านและอีกนับไม่ถ้วนที่ซื้อมาแต่ยังไม่เคยได้เอามาผ่านตาเลย

             หนึ่งในหนังสือที่หยิบเก็บมาทำความสะอาดวันนี้ ผมได้เปิดไปพบบทกวีที่น่าจะใช้ได้ในสมัยที่ผลสำรวจของโพลเผย คนรับได้หากรัฐโกง แต่อยู่ดีกินดี “เอแบคโพลเผย ผลสำรวจคนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วย ถ้ามีรัฐบาลโกงกินทุจริต แต่ชีวิตประชาชนอยู่ดีกินดี และยินยอมขายเสียงให้ หากชีวิตอยู่ดี

             สำนักวิจัยเอแบคโพล เปิดเผย ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องทัศนคติอันตราย ในช่วงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี ตนเองได้ประโยชน์ด้วย จากการสอบถามพบว่า การยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ทำให้ประชาชนรุ่งเรืองอยู่ดีกินดี ตนเองได้ประโยชน์ด้วย เดือนตุลาคม 2551 อยู่ที่ 63.2 % แต่เดือนมกราคม 2554 ขยับเพิ่มอยู่ที่ 64 % และผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนตั้งแต่อายุ 15 ปี ขึ้นไป ถึงทุกระดับอายุ มีความเห็นส่วนใหญ่ เกิน 50 % เห็นตรงกันว่า หากมีรัฐบาลที่โกงกิน แต่ประชาชนอยู่ดีกินดี ก็เห็นด้วย

               ขณะที่ผลสำรวจ ยังแยกเป็นอาชีพ พบว่า กลุ่มอาชีพข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พบว่า ส่วนใหญ่ 63.1% เห็นด้วย ขณะที่ 36.9 % ไม่เห็นด้วย ส่วนพนักงานเอกชน 62 % ก็เห็นด้วย อาชีพเกษตร รับจ้าง 66.8 % เห็นด้วย กลุ่มแม่บ้าน และผู้เกษียณอายุ 58.4 % ก็เห็นด้วยเช่นกัน ที่จะมีรัฐบาลโกงกิน แต่ประชาชนอยู่ดีกินดี และเมื่อสำรวจตามภาค พบว่า ประชาชน ภาคเหนือ เห็นด้วย 61.8 % ภาคกลาง 72.1 % ภาคอีสาน 64.7 % ภาคใต้ 48.0 % และ กทม. 67.3 %

                นอกจากนี้ยังพบว่า ประชาชน พร้อมยินยอมขายเสียง หากได้รัฐบาลที่ทุจริต แต่ประชาชนอยู่ดีกินดี 65.8% ขณะที่กลุ่มไม่ยินยอมขายเสียง อยู่ที่ 51.8 %”

                                                   ขอบคุณข้อมูลจาก http://hilight.kapook.com/view/55910

                บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า “แด่ความอาย” ซึ่งมีบทที่สะท้อนภาพของสังคมที่เสือมทรามอันเนื่องมาจากการเมืองและนักการเมือง และเป็นกลอนที่สะท้อนว่าผลโพลข้างต้นได้ถูกยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมานานแล้ว ซึ่งหมายถึงพลวัตแห่งการยอมรับทุจริตคอรัปชั่น ในสองบทสุดท้ายของกลอนความว่า

หนูไม่อาย หรอกค่ะ สมัยนี้

คนดีดี คอรัปชัน กันออกโผง

ไม่อายใคร ใจชั่ว ตัวชูโรง

ถูกเปิดโปง เข้ามั่ง ยังไม่กลัว

คนอย่างหนู ถ้ารู้อาย ชายคงเหงา

คนอย่างเขา ถ้ารู้อาย คงหายชั่ว

ตราบคนใหญ่ ไม่ยั่น กินกันนัว

หนูเผยตัว อวดชาย จะอายใคร?

(ส่วนหนึ่งจากกลอน “แด่ความอาย” ของ จินตนา  ปิ่นเฉลียว)

               นับเป็นกลอนที่ดีอีกบทหนึ่งที่คนไทยควรได้อ่าน โดยเฉพาะระดับผู้บริหารประเทศที่กลอยบทนี้ได้ตีแผ่สภาพของสังคมอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย นอกจากนี้ยังเสียดสีผู้มีอำนาจในบ้านเมืองด้วยการตีเข้าไปที่แสกหน้าของผู้มีอำนาจต่างๆ ทำให้เรามองเห็นความฟอนเฟะของสังคม และทั้งๆ ที่รู้และรับรู้แต่เรากลับไม่เคยแก่ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ไม่มีการถอนรากถอนโคนของปัญหา เป็นเพียงแต่การแก้ที่ปลายเหตุและปล่อยให้มัoผ่านเลยไปจนท่วมทับหมักหมมในปัจจุบัน ผลที่ได้รับคือ ผลที่ถูกนำเสนอด้วยโพลดังกล่าว

หมายเลขบันทึก: 515155เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2013 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มกราคม 2013 21:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คนอย่างเขาถ้ารู้อายคงหายชั่ว       หนูเผยตัวอวดชายจะอายใคร

แม่หนูยังดีกว่าเพราะขายตัวไม่ได้ขายชาติ

จงมีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลนะครับ

สวัสดีครับคุณ Ico48เครื่องหมาย ? คำถามเดี่ยว

-ขอขอบคุณคำสำหรับการแวะมาทักทาย และคำอวยพรครับ

-ขอให้มีความสุขความเจริญ สมปรารถนาทุกประการครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท