วันก่อนทำกิจกรรมกลุ่มในคุณพ่อคุณแม่กลุ่มที่คลอดลูกที่มีภาวะแทรกซ้อนต้องเข้ารับการรักษาที่ตึกทารกแรกเกิดวิกฤติ หรือที่เรียกกันว่า NICU เด็กๆกลุ่มนี้ก็มีหลากหลายปัญหาบางคนเคยให้ออกซิเจน บางคนรุนแรงหน่อยก็ใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนกลุ่มที่ไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ก็พวกตัวเหลืองต้องส่องไฟรักษา มีปัญหาติดเชื้อต้องอยู่ฉีดยากันตั้งแต่แรกเกิด ...กลุ่มเด็กเล็กๆ แก้งค์นี้เราเลยเรียกว่าเป็น "เด็กกลุ่มเสี่ยง" ที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้กัน เราก็จะนัดมาเจอกันประจำทุกวันพฤหัสบ่าย ก็จะมาพร้อมกับการตรวจพัฒนาการ การฉีดวัคซีน
ระหว่างนั้นก็จะมาพูดคุยกันถึงการเลี้ยงลูกๆกันว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วเราก็ช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน จากนั้นเราก็คุยกันต่อไปถึงอนาคตว่าเราจะเลี้ยงลูกเราอย่างไรกันต่อไปให้ได้อย่างที่เราต้องการคือ เก่งด้วย เป็นคนดีด้วย และมีความสุขด้วย
วันนี้ก็คุยกันเหมือนทุกครั้ง ก็เจอปัญหาอยู่บ้านหนึ่งที่ลูกขวบกว่าแล้ว แต่ไม่พูดได้แต่ชี้นิ้ว แล้วก็ส่งเสียงเอ๊ะๆๆๆๆ เวลาที่จะเอาอะไร แล้วแม่ก็หยิบให้
เจ้าหน้าที่พยาบาลเราก็ทักเลย "แม่ให้ดูทีวีอยู่ใช่มั้ยเนี่ย ครั้งก่อนบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ดูทีวี" คือป้าแกจำเด็กได้ แล้วด้วยความคุ้นเคยกัน ก็บ่นเล็กๆ ตามภาษาป้าวัยห้าสิบกว่าๆ
ไอ้ตัวคุณแม่วัยรุ่นตัวผ๊อม ผอมก็นั่งยิ้มอายๆ บิดไปบิดมากับคุณสามีที่ดูมีอายุมากหน่อยแล้วยิ้มเฉยๆ ไม่ค่อยจะพูดอะไร ดูใจดีสบายๆ ก็เลยแซวไป อธิบายวิธีฝึกลูกพูดไป แล้วคุยกันต่อไปเรื่อยๆ เพื่อถามให้ถึงสาเหตุที่รู้ว่าไม่ควรให้เด็กวัยนี้ดูทีวีแล้วทำไมยังปล่อยให้ลูกดูทีวีอีก คุยกันไปซักพัก ด้วยความคุ้นเคยแล้วคุยกันเล่นๆ ภาษาเครือญาติ คุณแม่วัยรุ่นของเราก็เล่าว่า "หนูรู้แล้ว แต่หนูก็เบื่อนะ แม่หนูไม่ให้หนูไปไหนเลย จะให้อยู่แต่ในบ้าน ตอนเย็นหนูจะอุ้มลูกไปเที่ยวข้างนอกก็ไม่ให้ไป หนูก็เลยประชดเปิดทีวีดูมันเลย ลูกมันก็เลยดูด้วย"
เราก็เลยขำ เออ!! เด็กเน้อเด็ก...ก็เลยถามแซวๆต่อว่า " ประชดแล้วคุ้มมั้ยลูก...ลูกเรานะพูดช้าซะ..คุ้มนิ"
คุณแม่วัยรุ่นเราเลยขำใหญ่เลย..ก็เลยคุยต่อกันเพื่อหาทางออกที่จะไปปรับตัวให้เข้ากับยายที่บ้าน ระหว่างนั้นป้าพยาบาลก็ตรวจสอบพัฒนาการเจ้าตัวเล็กกัน..ว่าหูได้ยินเสียงมั้ย รู้จักชื่อตัวเองหรือเปล่า สั่งให้ทำอะไรทำได้หรือไม่ อารมณ์ดีหรือเปล่า ก็ปรากฏว่าเด็กผ่านทุกข้อดีมาก แถมหน้าตาหล่อด้วยตัวขาว (เน้นว่าลูกตัวขาวหล่อ เพราะทั้งพ่อทั้งแม่ดำทั้งคู่ หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ ) อารมณ์ดี ดูฉลาด ..ก็เลยแซวส่งท้ายกันไปว่า "กลับไปบอกยายนะว่าพยาบาลให้อุ้มเที่ยวได้ แต่ไม่ให้กลับมืดค่ำ แล้วต้องให้เล่นกับคนอื่นบ้าง แล้วแม่ก็หยุดประชดยายได้แล้ว ไม่คุ้มเนาะ คราวหลังถ้าจะประชดให้เล่านิทานให้ลูกฟังแทนแล้วลูกอย่างหล่อเลย ฉลาดด้วย ไปสอนให้ดีเชียว อนาคตไกล" ตัวสามีก็นั่งยิ้มใจดี ไม่พูดอะไร
แต่เท่าที่เห็นคุณแม่น่ะรักลูกเลี้ยงลูกได้มีพัฒนาการดี เพราะใส่ใจ แล้วอารมณ์แม่ก็ดีด้วย แถมยังให้นมแม่ได้อยู่ทั้งๆที่ลูกขวบกว่าแล้ว สามีก็เข้าใจ ใจดี เพียงแต่คนเราก็เบื่อได้อยากไปผ่อนคลายบ้าง เท่านั้นเอง เพราะจริงๆ ตัวเค้าเองก็รู้ว่ายายเป็นห่วงมาก...เลยจะว่าแม่วัยรุ่นฝ่ายเดียวก็คงไม่ใช่เสมอไป เพียงแต่มีคนรับฟังเข้าใจและพาไปให้ถูกทิศทางก็สบายๆ เป็นคุณแม่คุณภาพได้เหมือนกัน
ไม่มีความเห็น