พื้นที่เกษตรกรรมที่เป็นดินทรายส่วนใหญ่จะขาดแคลนแร่ธาตุสารอาหารที่ใช้ในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้แก่พืช โดยเฉพาะพื้นที่แถบภาคอีสาน ทำให้ต้องสิ้นเปลืองปุ่ยในปริมาณเพื่อเพิ่มเติมเสริมลงไปในดิน เพื่อให้พืชได้ผลผลิตเป็นไปตามที่ต้องการ มิฉะนั้นพืชจะแคระแกร็น อ่อนแอ กิ่ง ก้าน ใบ ไร้ความอุดมสมบูรณ์ อ่อนแอต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลงเพราะขาดแคลนสารอาหาร
เมื่ออาหารน้อยก็จำเป็นต้องเพิ่มอาหารจากแหล่งอื่นๆเข้าไปให้มากๆ โดยเฉพาะธาตุอาหารที่มาจากปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ 15-15-15, 16-16-16, 25-7-7 และ 16-8-8 ฯลฯ ซึ่งเป็นปุ๋ยหรืออาหารที่ให้ธาตุหลักโดยตรงและมีเปอร์เซ็นต์มาก แต่ข้อเสียของปุ๋ยเคมีก็คือมีราคาแพงแถมยังมีธาตุอาหารที่จำเป็นเพียงสามตัว คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ส่วนธาตุแคลเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน ธาตุเสริม เหล็ก, ทองแดง, แมงกานีส, สังกะสี, โบรอน, โมลิบดินัม, นิกเกิ้ลฯลฯ ในปุ๋ยเคมีจะไม่มีหรือมีก็เพียงตัวสองตัวเท่านั้น หรือการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้เกิดการสะสมกรดทำให้ดินเปรี้ยว แน่นแข็ง ในระยะยาวพืชจะไม่กินปุ๋ย ต้องหมั่นตรวจวัดกรดด่างของดินอยู่เสมอและรีบปรับปรุงแก้ไข
การใช้ผลิตภัณฑ์หินแร่ภูเขาไฟ “ซอยด์พลัส” ประกอบด้วยแร่ม้อนท์โมริลโลไนท์ ที่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้เหนียวนุ่ม ชุ่ม หนืด เมือทำเทือกและระบายน้ำหลังหว่านข้าวจะเห็นพื้นผิวแตกระแหง ทำให้ดินสามารถอุ้มน้ำ อุ้มปุ๋ยให้แก่พืชได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีแร่ธาตุรองและเสริมจากหินแร่ภูเขาไฟต่างๆ อีกมากมาย ช่วยสนับสนุนให้พืชเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน อีกทั้งเมื่อเทียบกับปุ๋ยเคมีแล้วราคาไม่แพง จึงเหมาะสมอย่างยิ่งในการที่เกษตรกรจะนำไปปรับปรุงบำรุงดินในระยะเริ่มต้น เพื่อให้ดินทำหน้าที่กักเก็บปุ๋ยไว้ในดิน เหมาะสมกับพื้นที่นาดินทราย ดินร่วนจัด เมื่อใช้ร่วมกับปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกในระยะยาวแล้วแทบจะไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเลยด้วยซ้ำ เป็นที่ชื่นชอบและเหมาะสมสำหรับกลุ่มที่ต้องการทำเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างยิ่ง
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ไม่มีความเห็น