ปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทยได้ขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมทั้งภายในบริเวณฟาร์มเลี้ยงสัตว์และชุมชนใกล้เคียง
เช่น ปัญหามลภาวะของกลิ่น น้ำเสีย แมลงวัน และพาหะนำโรคต่างๆ เป็นต้น
โดยทั้งส่วนของมูลและปัสสาวะที่ขับถ่ายออกจากตัวสัตว์ ทางฟาร์มหรือผู้ประกอบการจำเป็นต้องกำจัดทิ้งออกไป
ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การกำจัดสิ่งปฏิกูล (มูลและปัสสาวะ) จากสัตว์เหล่านี้
หากใช้วิธีการที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหามลภาวะที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างดี
ปัจจุบันการกำจัดมูลและปัสสาวะจากฟาร์มสัตว์ด้วยระบบก๊าซชีวภาพ
ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม สามารถใช้ได้ทั้งฟาร์มขนาดใหญ่และฟาร์มรายย่อยของเกษตรกรตามชุมชนต่างๆ
นอกจากนี้ภายหลังการบำบัด ยังได้ก๊าซมีเทน (methane, CH4) เป็นผลพลอยได้
ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานสำหรับการหุงต้ม การให้ความร้อน
รวมทั้งเป็นพลังงานฉุดมอเตอร์ หรือกิจกรรมอื่นๆ ภายในครัวเรือนได้ อย่างไรก็ดี
การทำบ่อก๊าชชีวภาพอย่างง่ายๆ สำหรับผู้เลี้ยงรายย่อยในชุมชน
ยังไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบ ยกเว้นโครงการ “การผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อลดมลภาวะและเป็นแหล่งพลังงานทดแทนสำหรับเกษตรกรรายย่อย”ซึ่งได้คิดค้นการทำถุงหมักชีวภาพด้วยพีวีซีที่มีราคาไม่แพงนัก
ประมาณ 2,500 – 3,000 บาทต่อบ่อ
โดยประยุกต์ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น มาเป็นอุปกรณ์สำหรับกักเก็บมูลขนาด
8 ลูกบาศก์เมตร เพื่อการหมักให้ได้ก๊าซมีเทนจำนวนวันละ 1-3 ลูกบาศก์เมตร เพียงพอต่อการใช้หุงต้มแทนก๊าซ LPG
ได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ถัง ประมาณ 300-400 บาท หรือเท่ากับปีละ 3,600-4,800 บาทต่อครัวเรือน
และการทำแสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุ สำหรับใช้ในครัวเรือนได้พอดี
รวมทั้งยังได้กากที่ผ่านการย่อยสลายแล้วมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์อีกด้วย โดยโครงการฯ
นี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากโครงการคลินิกเทคโนโลยีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
เพื่อดำเนินการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียง ปรากฏว่า
มีเกษตรกรที่เลี้ยงสุกรจำนวนรายละ 10-20 ตัว โคเนื้อหรือโคนมจำนวนรายละ 5–10 ตัว หรือผู้เลี้ยงสัตว์ประเภทอื่นๆ ให้ความสนใจและต้องการให้โครงการฯ
ไปจัดฝึกอบรมและสาธิตจำนวนมาก ดังที่โครงการได้รายงานให้ทราบแล้ว
ไม่มีความเห็น