ดิฉันนำเกร็ดความรู้เรื่อง ลมพิษมาฝากค่ะ
ลมพิษฤทธิ์ไม่เบา (Modern Mom)
โดย: ผศ.นพ.นิยม ตันติคุณ
แม้จะฤทธิ์เดชจะร้ายสักแค่ไหน ถ้ารู้วิธีก็จัดการได้
เรา พบว่าคนไทยมีอาการของลมพิษมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงคนไทย 100 คนมี 20 คนที่เคยเป็นลมพิษอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ชนิดไม่จำกัดเพศและวัย
ลมพิษ...ฤทธิ์มาจากไหน
ลมพิษเกิดจากการที่ของเหลวซึ่งอยู่ในหลอดเลือดรั่วไหลออกมาอยู่ในผิวหนัง ทำให้เห็นเป็นตุ่มหรือปื้นนูนบวมแดงขนาดเล็กใหญ่ต่าง ๆ กัน ผิวหนังส่วนนั้นจะเหมือนเปลือกผิวส้ม หรือเป็นไปได้กระทั่งเปลือกตาบวมจนเปิดไม่ได้ ริมฝีปากบวม มีอาการคันมาก
แต่ผื่นเหล่านี้จะหายภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เหลือร่องรอยเลยถึงแม้จะไม่ได้รับการรักษา และก็จะมีผื่นใหม่ขึ้นมาอีก บางครั้งขณะที่มาพบแพทย์ ผื่นอาจหายไปหมดแล้วก็ได้ (เป็นโรคกลัวหมอว่างั้นเถอะ!) แต่หมอก็สามารถวินิจฉัยได้ เนื่องจากลักษณะนี้ไม่พบในโรคผิวหนังชนิดอื่น
ที่มาที่ไปของลมพิษ
สาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษมีหลายอย่าง แต่ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตามผื่นจะมีลักษณะเหมือนกันหมด จึงยากที่จะหาสาเหตุของลมพิษ ยกเว้นกรณีเดียว คือลมพิษที่เกิดเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เช่น หลังการออกกำลังกาย ผื่นจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ไม่เกิน 4 มิลลิเมตร ไม่เป็นปื้นใหญ่ หายเร็วกว่าผื่นจากสาเหตุอื่น คือไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็หาย
สาเหตุ ของลมพิษที่พบบ่อยคือยาและอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล มักเป็นหลังรับประทานไม่กี่ชั่วโมง ถึงแม้จะเคยรับประทานมาหลายครั้งแล้ว โดยไม่เกิดลมพิษก็ตาม แต่บางครั้งอาจเจอแจ๊กพอตเข้าให้ได้
ยาทุกชนิดทำให้เกิดลมพิษได้ทั้งนั้น แต่ที่พบบ่อยคือยาปฏิชีวนะ การเป็นหวัด ฟันผุ หรือมีพยาธิในลำไส้ ก็ทำให้เกิดผื่นลมพิษได้ บาง คนก็มีผื่นตามรอยเกา และรอยขีดข่วนบนผิวหนัง บางครั้งผื่นจะขึ้นตามรอยกดทับ เช่น ขอบกางเกง ขอบเสื้อ การนั่งนาน ๆ ก็เกิดผื่นที่ก้น เดินมากก็เกิดผื่นที่ฝ่าเท้า
หรือสิ่งที่เรานึกไม่ถึงก็เป็นสาเหตุได้ เช่น น้ำแข็งก็ทำให้เกิดลมพิษได้ บางคนโดนแสงแดดก็เกิดผื่นคัน สูดดมฝุ่นบ้าน หรือเกสรดอกไม้ครั้งใดก็เกิดผื่นคันทุกที จะเห็นว่าสาเหตุมันมีมากมาย แต่ผื่นลักษณะเหมือนกันหมด และที่น่าหนักใจยิ่งขึ้น คือบางคนอาจมีสาเหตุมากกว่า 1 อย่างก็ได้
ใน รายที่เพิ่งเป็นลมพิษ สาเหตุมักมาจากอาหารและยา ผู้ป่วยมักจะทราบต้นเหตุ เนื่องจากลมพิษมักเกิดหลังรับประทานไม่กี่ชั่วโมง แต่ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ มานาน มักหาสาเหตุได้ยาก ควรต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ตรวจร่างกายหาสิ่งผิดปกติ ส่วนการตรวจเลือดหรือตรวจพิเศษอย่างอื่นก็ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย
และไม่มีการตรวจใดที่จำเพาะบอกได้ว่า ลมพิษเกิดจากสาเหตุใด การทำ Skin Test ก็เชื่อถือไม่ได้ครับ เพราะถึงผลตรวจว่าแพ้ แต่เวลาเราได้รับสารนั้นจริง ๆ อาจไม่เกิดลมพิษเลย หรือในทำนองกลับกัน แม้เกิดลมพิษทุกครั้งที่ได้รับสารนั้น แต่ผลตรวจว่าไม่แพ้ก็อาจเป็นได้
การทำสมุดบันทึกว่าผื่นขึ้นในช่วงใดของวัน ระหว่างการทำกิจกรรมใด หรือภายหลังการรับประทานอาหารหรือยาชนิดใด ก็จะช่วยค้นหาสาเหตุของลมพิษได้ครับ
รุนแรงแค่ไหนนะ
ความรุนแรงของลมพิษ ก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจมีแค่ผื่นคันที่ผิวหนัง แต่อีกคนอาจมีปวดท้อง ท้องเสียร่วมด้วย แต่ที่รุนแรงอันตรายคือ เริ่มมีเสียงแหบ หายใจลำบาก อาการแบบนี้อันตรายมากถ้ารักษาไม่ทัน
หลบฤทธิ์ลมพิษ
การรักษาลมพิษที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษ เช่น ถ้าแพ้อาหารทะเล ก็ไม่ควรรับประทานอีก แต่ถ้ามีลมพิษเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องพึ่งยาแก้แพ้ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด บางชนิดทานแล้วง่วง บางชนิดก็ไม่เกิดอาการง่วง แต่ราคาแพงกว่ามาก บางครั้งใช้ยาแก้แพ้ตัวหนึ่งไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ยาแก้แพ้อีกตัวจึง จะได้ผล หรืออาจต้องใช้ยาแก้แพ้ 2 ชนิดขึ้นไปร่วมกันในการรักษาจึงจะได้ผล
นอกจากยาแก้แพ้แล้ว ยารักษาโรคกระเพาะพวก H2 antagonist เช่น cimetidine เมื่อใช้ร่วมกับยาแก้แพ้แล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาลมพิษ ส่วนยาทาที่ผสม menthol, phenol หรือ camphor ก็จะทำให้เย็นผิวสบายตัว ลดอาการคันได้ รายที่เป็นลมพิษเรื้อรังอาจต้องรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะครับ
สวัสดียามเช้าค่ะคุณBright Lily
อ่านจบลงด้วยความเป็นห่วงค่ะ อาการแพ้ วันนี้คงดีขึ้นบ้างนะค่ะ?? หายไวๆน๊า เพราะคนสวย คนเก่งอย่างคุณ Bright Lily ทำงานไม่ได้หยุดเช่นกัน เคยเป็นเช่นกันค่ะ พออายุมากขึ้นอะไรที่ไม่เคยแพ้กลับแพ้ซะนี่ ..สงสัยจะเป็นประเภท ส่งมาเืตือนๆ....ให้แพ้ซะบ้าง จะได้เตรียมตัวไว้ :-))
โอ๋-อโณ
ขอบคุณคุณโอ๋ อโณ สำหรับดอกไม้ค่ะ มีความสุขมากๆ กับวันทำงานสัปดาห์ใหม่ เดือนใหม่ค่ะ
ครูทิพย์.
ขอบคุณดอกไม้จากครูทิพย์ค่ะ
ครูทิพย์ (ความเคลื่อนไหวล่าสุด) 03 ธันวาคม 2555 04:54
เช้านี้ก็ยังเป็นอยู่ค่ะ แต่ลดความรุนแรงลงหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ สำหรับความห่วงใยค่ะ
kwancha (ความเคลื่อนไหวล่าสุด) 03 ธันวาคม 2555 08:46
ขอบคุณค่ะ คุณ kwancha วันนี้ดีขึ้นค่ะ แต่ยังไม่หาย พื่นยังอยู่ค่ะ ก็ต้องดูแลตัวเองและสังเกตตัวเองมากขึ้นค่ะ ปีนี้ดิฉันก็ 45 แล้ว ก็เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยและก็ไม่ควรละเลยต่อสุขภาพของตัวเองค่ะ
มีความสุขกับการทำงานในวันนี้ค่ะ
พี่อร หายดีหรือยังค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
ลมนำพิษมาอะท่าน
ชลัญธร (ความเคลื่อนไหวล่าสุด) 03 ธันวาคม 2555 20:10
ขอบคุณค่ะ น้องชลัญ หายดีแล้วค่ะ เหลือแต่ร่องรอยผื่นแดงค่ะ ทานยา CPM ไปค่ะ หลับตลอดค่ะ
JJ (ความเคลื่อนไหวล่าสุด) 03 ธันวาคม 2555 21:05
ขอบคุณค่ะ ท่าน JJ
หายดีแล้วค่ะ
have a wonderful day na ka