หนูเริ่มนวดให้ครูน่าจะปีกว่าเกือบจะสองปี นะคะ จะว่าไปนวดตั้งแต่นวดไม่เป็นจนนวดเป็น
จากหาเส้นก็ไม่เจอ จับเส้นก็ไม่ได้
มีดีที่ นิ้วแข็ง (มาก) ครูเคยบอกว่า นี่เป็นต้นทุนที่ธรรมชาติให้มา
ท่านใช้ร่างกายของท่านเป็นสนามทดลอง
คิดง่าย ๆคนนิ้วแข็ง ๆกดลงไปที่ร่างกายที่มีอาการผิดปกติ แต่เตรียมไม่พร้อม
ก็เหมือนหมอผ่าตัดใหม่ ที่หารอยโรคไม่เจอ ก็ผ่าไปเรื่อย ๆ
กลายเป็นว่า ที่ ๆ เจ็บไม่หาย
ได้ของแถมคือ ที่ ๆไม่เจ็บดันเจ็บซ้ำ
ครูเมตตาใช้ร่างกายของท่านเองให้หนูฝึก
ยาวนานถึงสองปีกว่าจะมาถึงวันนี้
ที่พอจะนวดผ่อนแรงครูได้จริง ๆ
(เขียนมาถึงตรงนี้ ท่สนคงจะเจ็บระบมมากและยาวนานค่ะ เพราะเมื่อวานหนูโดนไปแค่ 2 ชั่วโมงก็แทบแย่ แต่ครู อดทนเมตตาหนูมา 2 ปี)
และครูก็ปลุกวิชา ทำลูกประคบที่หนูเคยมีต้นทุนเดิมมาใช้
และให้มาผนวกกัน ดูจะเยี่ยมทีเดียวค่ะ
ทำแล้วเกิดประโยชน์กับหนูคือ หนูสามารถใช้ต้นทุนที่ตนเองมีนำมาใช้ประโยชน์ แถมได้ดึงองค์ความรู้ที่มีเดิมมาผนวกใช้งาน และได้พัฒนาตนเองมาเรื่อยด้วยความเมตตาของครู
คุณค่าที่เกิดขึ้นคือ ได้รับใช้ครู ได้ผ่อนแรงครูบ้างเพื่อรักษาธาตุขันธ์ นอกจากนั้นครูก็เมตตาให้โอกาสฝึกฝนการทำทาน ให้สอนเด็กๆทำลูกประคบแจกชาวบ้านที่มาวัด
มีผู้คนได้ประโยชน์จากองค์ความรู้ที่ครูเมตตาดึงออกมาจากในตัวหนูกว้างขวางมากขึ้น
หากครูไม่เมตตาให้โอกาส หนูเองคงไม่สามารถทำได้เลยค่ะ
การได้ทำก็เหมือนได้ฝึกฝนการทำทาน ธรรมทานที่ได้สอนเด็ก และทานลูกประคบด้วย
ศีลก็คือ ฝึกกำหนดกับตนเองว่าือาทิตย์ไหนจะดำเนินการอย่างไร
ภาวนาคือ ฝึกว่าในแต่ละอาทิตย์อะไรขาดแคลนบ้าง ทำอย่างไร แก้ไขยังไง
ณ ทุกวันนี้พยายามกับตนเอง ให้ทุก ๆอาทิตย์มีถูกประคบพร้อมใช้งานถวายครู
แห้งบ้างสดบ้างตามเหตุและปัจจัยค่ะ
ไม่มีความเห็น