เมื่อการศึกษาถึงทางตัน..ก็แหกมันเสียเลย


ของจริงที่สัมผัสด้วยผัสสะของตนเอง คือคำตอบในการแหกทางตันของชาติ

การศึกษาที่ต้องนั่งฟังผุ้รู้บ่นให้ฟังในห้องเรียนน่าจะหมดไปเสียที

แต่ทำไมจึงยังคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้


หนึ่ง เพราะผุ้เรียนขาดวุฒิภาวะในการเป็นผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้ด้วยตนเอง

จึงทำให้การเรียนจากคำสอนจึงยังคงมีความจำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้


สอง เพราะผู้เรียนไม่เห็นประโยชน์ของความรู้ที่เรียน

เมื่อใดที่ผู้เรียนสามารถมองเห็นและเข้าใจความมีค่าในตัวความรู้นั้น

ก็จะเกิดความกระตือรือล้นที่จะใฝ่หาความรู้ด้วยตนเอง

แม้ว่าจะอยู่ในห้องหรือนอกห้อง


สาม เพราะการเรียนในห้องน่าเบื่อเกินกว่าจะทนได้

นักเรียนต้องนั่งฟังครูบ่นเนื้อหาที่ตนเองไม่เต็มใจที่เอาใส่สมอง

จิตใจล่องลอยไปอยู่ภายนอกห้องเรียน

เช่นนี้แล้วจะมีห้องเรียนไปเพื่อให้หายใจทิ้งไปวัน ๆ เท่านั้นนะหรือ


สี่ เพราะสื่อล้าสมัยไปนะหรือ

ข้อนี้ ขอค้านว่าไม่จริง สื่อในตลาดของไทยมีเยอะมากมาย

แต่ครูขาดการเชื่อมโยงระหว่างการเรียนกับสื่อเหล่านั้น เสียมากกว่า

สื่อตามตลาด เช่น ยูทูบ หรือกูเกิล ก็ถือว่าใช้ได้ดีทีเดียว

หากห้องเรียนเปิดกว้าง ไม่คอยแต่คิดว่าเด็กจะเอาไว้แชท หรือดูรุปอย่างว่า


เมื่อพูดถึงเรื่องเพศก็ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนพูดกันให้เปิดอกไปเลยครับ

ข้าพเจ้าชอบสือของเกาหลีใต้

เช่น ช่องฟรีทีวีทุกช่องของเกาหลีใต้ จะเปิดวิดีโออย่างว่าตั้งแต่เวลาประมาณสี่ทุ่มของทุกวัน

จนกลายเป็นความเคยชิน และกลายเป็นว่าเด็กมันเห็นจนเอียนจนเอือม

ปริมาณการทำแท้ง หรือซิงเกิ้ลมัม หรือสคูลมัม แล้วแต่จะเรียกนะครับ

ลดลงจนแทบจะเป็นศูนย์เปอร์เช็นต์


เพราะอะไรนะหรือครับ 

เพราะเขามีรัฐบาลที่เอาจริงเอาจัง มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ของชาติตนอย่างชัดเจน

ไม่ใช่ว่าเพื่อพวกพ้อง หรือส่วนตนเท่านั้น

อยากจะถามว่า เมื่อชาติฉิบหาย แล้วรัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาจับจ่ายใช้สอย หา

เพราะการศึกษาของเรามาจากการบังคับโดยชนชั้นนำ

ที่มุ่งหวังจะให้คนในประเทศไม่ต่างจากวัวควาย

ที่จะใส่สายตะพายแล่ง ไปทางไหนก็ได้

รู้สึกเสียใจที่การศึกษาของไทยถึงทางตัน เพราะพวกเราปล่อยให้เป็นเช่นนั้น


เรากำลังเสียเอกราชทางความคิดให้กับคนกลุ่มหนึ่ง

ที่หวังเอาการศึกษาเป็นช่องทางในการทำให้คนในชาติ ยิ่งจะตกต่ำลงไป

ดังนั้น นักการศึกษาไทยยุคใหม่ ควรจะปลูกฝังเรื่องความรักชาติ

จิตสาธารณะให้กับชนรุ่นหลังให้จงหนัก

เพื่อว่าเด็กยุคแท็บแล็ตจะได้เงยหน้าอ้าปากกับเขาเสียบ้าง

จริงไหม


แล้วเราจะแหกกฎที่มีมาได้อย่างไร

เอาโรงเรียนทางเลือกเป็นต้นแบบ

ที่เขายึดเอาโมเดลของพระเจ้าอยู่หัวเป็นต้นแบบในการนำมาใช้

ให้เกิดผลอย่างชัดเจน

อย่าไปเรียนในห้อง

ออกไปเจอโลกกว้าง

เรียนกับความเป็นจริงของชีวิต

เรียนรู้การเอาตัวรอดว่า สังคมที่แท้มันโหดร้ายเพียงใด

เมื่อเราเอาความจริงเข้าว่า เด็กมันก็อยากจะเรียน

เด็กยุคใหม่ ไม่เอาแล้วหนังสือนะ

มันอยากรู้อยากลอง ก็ให้มันได้ลองทุกสิ่งอย่างจนสาแก่ใจ

เมื่อไปจนสุดทางแล้ว มีทางตัน ก็ต้องโดนแหกกระเจิง

แหกทุกกฎที่เคยตั้งเอาไว้

ตามแต่จินตนาการของเด็กจะพาไป

เรียนจากของจริง คือสิ่งประเสริฐสุดที่ข้าพเจ้าอยากจะเห็นในสังคมบ้านเรา


ของจริงที่สัมผัสด้วยผัสสะของตนเอง คือคำตอบในการแหกทางตันของชาติ

แม้ว่า เรื่องราวจะใหญ่โตสักเพียงใด

หากนักเรียนได้เคยเรียนรู้เพียงสักครั้งแล้ว

พวกเขาจะเข้าใจคำตอบของชีวิตว่าไม่ใช่แค่มีแต่เพียงในตำราเท่าน้น

ชีวิตจริง ของจริง มันยากและท้าทายกับเด็กยุคใหม่จริง ๆ นะครับ

หมายเลขบันทึก: 510469เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2012 21:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 18:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมคนหนึ่งล่ะที่จะร่วมแหกด้วย ตอนนี้ ก็พยายามแหกอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะ ให้ครูพาเด็กออกนอกห้อง ออกมาหาทักษะชีวิตจริงๆ เสียที

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท