บันทึกสุดท้ายถึง Dr.Richard Teo.....ข้อคิดที่อาจสร้างความแตกต่างในตัวคุณ


เมื่อเราเรียนรู้ที่จะตายอย่างไร นั่นแหละเราถึงจะเรียนรู้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร

มีชีวิตอย่างไร

ผู้เขียนต้องขอขอบคุณคุณหมอ Richard Teo ที่ท่านได้บรรยายประวัติชีวิติของตนเอง นับจากจุดเริ่มต้น จนถึงก้าวสุดท้าย ทีหลุดออกมาจากวงจร ของการใช้ชีวิตที่อันตรายได้

 ขอนำข้อความที่ประทับใจ ที่ไม่ใช่วาทะศิลป์ สั้นๆกินใจได้ความ แต่เป็นคำพูดที่บรรยายออกมาจากหัวใจที่แท้จริง ให้ได้ล่วงรู้เจตนารมณ์ และเตื่อนสติที่ดีค่ะ

  " ผมเป็นตัวอย่างผลผลิตของสังคมในปัจจุบัน เป็นผลผลิตที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จตามที่สังคมต้องการ ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ผมมาจากครอบครัวที่ต่ำกว่ามาตรฐาน, ผมถูกพร่ำสอนจากสื่อต่างๆ จากผู้คนรอบๆ ตัวว่าความสุขเป็นเรื่องของความสำเร็จ และความสำเร็จที่ว่าก็เป็นเรื่องของความร่ำรวย ด้วยแนวคิดนี้ ผมจึงต้องต่อสู้ แข่งขัน อยู่เสมอตั้งแต่เป็นเด็ก"

"ทั้งหมดที่ผมทำก็คือสะสม ๆ ๆ เพื่อที่จะให้ไปถึงจุดสูงสุด เหมือนกับที่สังคมทำกับเรา เหมือนกับที่สังคมอยากให้เราเป็น เมื่อผมหมกมุ่นอยู่กับมันแล้ว อะไรอื่นก็ไม่มีความหมายสำหรับผมอีกต่อไป"

"ที่เรียกว่า “ตัวสร้างความอิจฉาริษยา” ผมไปอวดร่ำอวดรวย เพียงเพื่อจะเติมเต็มอัตตาและความยะโสของตัวเอง มันไม่ได้นำความสุขมาให้ผู้อื่นเลย ทั้งเพื่อน ทั้งญาติของผม ผมคิดไปเองว่าพวกเขาจะมีความสุขไปกับผม"

" ขณะนี้ในภาคเอกชน บางครั้งเราถึงกับให้คำแนะนำกับผู้ป่วยเพื่อให้รับการรักษาหรือการผ่าตัดที่ไม่มีข้อบ่งชี้ มันเป็นพื้นที่สีเทา และแม้ว่าบางเรื่องมันจะไม่จำเป็นเลย เราก็ยังแนะนำคนไข้ให้ทำ"


" เราสูญเสียเข็มทิศทางจริยธรรม (moral compass) ไปเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางสายนี้ เพียงเพราะว่าเราต้องการ make money"


"ตอนนั้นผมคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายในการควบคุมของผมและผมถึงยอดเขาแล้ว แต่...ผมผิดถนัดครับ ทุกอย่างไม่ได้อยู่ในการควบคุมของผม"

"มะเร็งลามไปสมอง ไปกระดูกสันหลัง ไปตับและต่อมหมวกไตเรียบร้อยแล้ว พวกคุณลองคิดดู ผมคิดว่าผมควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ ผมถึงจุดสูงสุดในชีวิตแล้ว แต่ฉับพลันผมก็สูญเสียมันไปในทันที"

 "น่าขำที่ว่าสิ่งต่างๆ ที่ผมมี ความสำเร็จเอย ถ้วยรางวัลเอย รถหรูๆ เอย คฤหาสน์เอย ทั้งหมดนั้นผมคิดไปว่ามันจะนำความสุขมาให้ผม แต่ในยามที่ผมตกอยู่ภาวะซึมเศร้า หดหู่ใจ สิ่งต่างๆ ที่ผมมี มันกลับไม่ทำให้ผมมีความสุขได้เลย"

"
ความเจ็บปวดคืออะไรหรือครับ? ความทุกข์ทรมานที่ผู้ป่วยต้องประสบมันมีความหมายอะไร? ไม่มี แน่ละ เรามีศัพท์เทคนิคต่างๆ ในการนิยามในการวัดความปวด ความทุกข์ทรมานเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมไม่รู้ซึ้งจริงๆ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร จนกระทั่งผมกลายมาเป็นผู้ป่วยเสียเอง"





"ผมจะรีบตรวจคนไข้และให้เขาออกไปจากห้องของผมโดยเร็วที่สุด เพราะคนไข้มันช่างมากมายเหลือเกิน นั่นคือเรื่องจริง เพราะมันเป็นแค่งาน งานที่ซ้ำซากจำเจมากๆ นั่นแค่ส่วนหนึ่ง ถามว่าผมรู้ไหมว่าคนไข้แต่ละคนรู้สึกอย่างไร? ผมไม่รู้หรอก ความหวาดวิตกกังวลต่างๆ ที่พวกเขามี ที่พวกเขาประสบอยู่ ผมรู้มั้ย? ไม่เลย จนกระทั่งมันเกิดขึ้นกับผมเอง และผมคิดว่านั่นเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงในระบบสาธารณสุขของเรา"

" สิ่งที่ผมจะเตือนคุณก็คือ อย่าทิ้งเข็มทิศทางจริยธรรมไปเป็นอันขาด ผมเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาอย่างยากลำบาก และหวังว่าพวกคุณจะไม่เป็นเช่นนั้น"

"เราได้พยายามที่จะเข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขาหรือยัง? พวกเราส่วนใหญ่คงจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นไรครับแต่อย่าละเลย สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณคือ จงพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา (put yourself in your patient’s shoes)"


" ผมกำลังจะบอกให้คุณไปหาคนไข้คนถัดไปของคุณ มองเขาในฐานะมนุษย์ที่มีความเจ็บปวดและกำลังทุกข์ทรมาน"


"ครับ ตอนนี้ผมกำลังได้รับเคมีบำบัดรอบที่ 5
อยู่ ผมบอกได้เลยว่ามันเลวร้ายมาก เคมีบำบัดเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณไม่อยากจะประสบ ต่อให้กับศัตรูของคุณก็เถอะ เพราะมันช่างทุกข์ทรมาน ทุเรศทุรัง เหมือนถูกโดดเดี่ยว กินอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว เลวร้ายจริงๆ และถึงตอนนี้ ยามที่ผมพอมีเรี่ยวแรงอยู่บ้าง ผมพยายามที่จะปลอบประโลมผู้ป่วยมะเร็งคนอื่นๆ เท่าที่จะทำได้ เพราะผมเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่าความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมันเป็นอย่างไร. แต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไปและยังไม่เพียงพอ"

"ยังมีผู้คนอีกมากที่กำลังทุกข์ทรมาน ทั้งทางจิตใจ ทางร่างกาย ทางอารมณ์ และอื่นๆ อีกมาก และนั่นเป็นของจริง เราเลือกที่จะมองข้ามพวกเขา หรือเพียงไม่อยากรับรู้ว่าพวกเขามีตัวตนอยู่"

"ลองกลับไปคิดดูนะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือทันตแพทย์ ลองสัมผัสถึงผู้คนเหล่านั้นผู้ซึ่งต้องการคุณ ไม่ว่าอะไรที่คุณทำลงไปจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่กับพวกเขา"


"สำหรับผมตอนนี้ใกล้จะถึงฉากสุดท้าย ผมรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร คนที่เป็นห่วงเป็นใยผม ให้กำลังใจผม ได้สร้างความแตกต่างอย่างมากในตัวผม"



"Everyone knows that they are going to die; every one of us knows that.

The truth is, none of us believe it because if we did, we will do things differently"

" เมื่อเราเรียนรู้ว่าเราจะตายอย่างไร นั่นแหละเราถึงจะเรียนรู้ว่าเราจะมีชีวิตอย่างไร"


"อย่าให้สังคมบอกคุณว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างไร อย่างให้สื่อต่างๆ บอกคุณว่าคุณควรจะทำอะไร"

"คุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะให้เฉพาะแต่ตัวคุณเอง หรือจะสร้างความแตกต่างขึ้นในชีวิตของผู้อื่น เพราะความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากการให้อะไรกับตัวเอง ผมเคยคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย"

 บัดนี้ Dr.Richard Teo ได้อำลาจากโลกนี้ไปแล้ว อย่างผู้มีจิตสว่างไสวดั่งดวงแก้ว ได้ทำหน้าที่ครู ผู้สอนโลก ด้วยการเล่าประสบการชีวิตของตน แทนชีวิตของคนยุคปัจจุบันได้อย่างลึกซึ้ง ขออานิสงส์ผลบุญ แห่งความเมตตาที่คุณหมอ ได้เผื่อแผ่บทเรียนให้นี้ จงดลบันดาลให้คุณหมอ ไปสู่สุคติ ณ สัมปรายภพ และเป็นสัมมาทิฏฐิ นับแต่วันเริ่มต้นทุกชาติไป



หมายเลขบันทึก: 510464เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2012 21:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 18:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอบคุณบันทึกอันทรงคุณค่าค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Bright Lilly ขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่านบันทึกจากเรื่องราวของคุณหมอRichard Teo หวังว่าจะได้สาระสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป เพื่อการเดินทางด้วยความไม่ประมาทนะคะ

ขอขอบคุณดอกไม้กำลังใจจากทุกท่านมากนะคะ ขอบคุณค่ะ

ได้อ่านและแชร์ไว้ในFB ได้แง่คิดว่าดูแลสุขภาพด้วยอย่าหาเงินอย่างเดียวจะไม่มีโอกาสใช้ ก็เห็นประสบการณ์ของคุณหมอ หลายท่านเหมือนกันทำงานหนักมาก สุดท้ายท่านก็ป่วยและไม่มีโอกาสใช่้เงิน

  • คุณหมอ Richard เป็นคนมีปัญญาดี เพียงถูกสังคมวัตถุนิยมหล่อหลอมให้ ตั้งเป้าความสำเร็จแบบวัตถุนิยม
  • ถึงวันหนึ่ง ก็ตระหนักว่า สิ่งที่ตอบสนองจิตวิญญาณคือ "การเป็นที่จดจำ"
  • ความร่ำรวย ประสบความสำเร็จตามระบบทุนนิยม ไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว เพราะนี่เป็น จุดร่วม ให้คนที่แสวงหา ได้เปรียบกับตัวเอง แล้วหยุดคิดคะ

Happy New Year krup

I hope you saw the live dhamma talk with MorKeaw right now

Live.MorKeaw.com

I think should start 2pm today with breathing exercises he is incorporating in his regimen.

As for me, will spend time studying dhamma with a monk, though luong poor Direk offer to take me under his wing for three months. :-)

Mom wants me to get more exposure.

Hope only the best for you and your wife.  

The doctors are asking me to start chemo... I'll go meditate first 555

สวัสดีครับคุณลุง

ผมหวังว่าลุงคงได้ดูรายการธรรมของหมอเขียว

รายการเริ่มต้นตีสองของทางอเมริกาครับ  มีการสอนฝึกลมหายใจ

สำหรับตัวผม ผมจะไปธุดงค์กับพระอาจารย์มหาดิเรกที่เมืองไทยประมาณสามเดือน

แม่อยากให้ผมไปลิ้มรสของธรรมครับ

หวังคุณลุงและภรรยาสบายดีนะครับ

หมอที่นี้ให้ผมเริ่มคีโม....  แต่ผมจะไปเข้าปฏิบัติฏรรมฐานก่อนครับ


หมอเท็ต อายุสามสิบกว่าๆ เป็นมะเร็งในปอด  พบอาการเมื่อสองปีที่แล้ว  เข้าค่ายหมอเขียวที่เมืองไทยมาแปดครั้งแล้ว  มะเร็งยังไม่หาย เมื่อหกเดือนก่อนบอกผมว่าขนาดใหญ่ขึ้น 

ยังไปปฏิบัติธรรมกับผมที่ Fresno LA เวลาหมอนั่งทำจังหวะ  ตัวตรงเปี็ยบเลย

นั่งสองสามชั่วโมงไม่กระดุกกระดิกเลย  เพิ่งส่งข่าวมาให้ผมได้ทราบ

หมอริชารด์เป็นมะเร็งและตายไปแล้ว  แต่หมอแท็ตยังมีชีวิตอยู่  ช่วยบริการผู้มาเข้าค่ายหมอเขียวทั้งที่เมืองไทยและที่อเมริกา และไปค่ายธรรมของท่านพระอาจารย์มหาดิเรกอยู่เสมอๆ ยังทำตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นครับ

หมอแท็ตบอกผมว่า บางทีมันอาจจะเป็นกรรมและมันอาจจจะเป็นวิถีชีวิตของผม  ที่จะมาพบกับธรรมก็ได้ครับ


สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.

ขอบคุณมากนะคะ

ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น

ทุกชีวิตมีความจำเพาะเสมอ

เลือกนำแต่สิ่งที่เกิดประโยชน์สุขแก่ตนมากที่สุดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ

 สวัสดีค่ะคุณคนบ้านไกล

 ไม่ค่อยได้พบกันนะคะ

ดิฉันต้องขอขอบพระคุณเรื่องราวดีๆจากผู่ไม่ประมาท

และอุทิศตนเช่นนี้

แม้ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคใดๆ

และได้กระทำอย่างนี้

ก็นับว่าชีวิตมีคุรค่า

และน่ายกย่องอย่างยิ่งค่ะ

 ขอให้มีความสุขกับทางสายกลาง

ที่จะนำใจให้เจริญได้ง่ายขึ้นไปเรื่อยๆนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท