สคร.9 เผยช่วงลอยกระทง เด็กและเยาวชน เสี่ยงบาดเจ็บ ตายจากพลุ ดอกไม้ไฟ และอุบัติภัยจมน้ำ



        เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ  หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก ( สคร.9 ) กรมควบคุมโรค  เผยว่า  ประเพณีลอยกระทงคือการบูชารอยพระพุทธบาทแสดงความสำนึกบุญคุณของแหล่งน้ำอันมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต  และเป็นการบูชาพระแม่คงคาเทวีตามความเชื่อแต่โบราณด้วยกระทง  ดอกไม้  ธูป  เทียน  ประกอบกับสิ่งประดิษฐ์จากธรรมชาติที่ลอยน้ำได้  วันลอยกระทงตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยประมาณ 700 ปีมาแล้ว  ประเพณีลอยกระทรงได้เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีจนถือปฏิบัติเป็นประจำจนกระทั่งบัดนี้  จากการที่ภาวะน้ำลดลงทำให้หลายพื้นที่จัดให้มีงานประเพณีลอยกระทง ในทุกปีช่วงเทศกาลนี้มักจะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกี่ยวกับภัยสุขภาพเกิดขึ้นคู่กันอยู่เสมอ จึงขอแจ้งเตือนพร้อมให้คำแนะนำวิธีรับมือ เพื่อจะได้สนุกกับงานประเพณีได้แบบปลอดภัย คือ

         ภัยแรก คือ การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกพลุ ดอกไม้ไฟระเบิดใส่  เพราะไม่ได้มีเพียงเสน่ห์แห่งความสวยงาม แต่ยังแฝงไว้ด้วยมหันตภัยอันร้ายแรง  ส่วนประกอบพื้นฐานหลักๆ ของพลุ ดอกไม้ไฟคือ เชื้อเพลิง สารเผาไหม้ สารที่ทำให้เกิดแสง  โดยปกติแล้วพลุและดอกไม้ไฟไม่ใช่ของเล่นอยู่แล้ว แต่ถือว่าเป็นวัตถุระเบิด แม้การจุดเทียนเล่นไฟจะเป็นหนึ่งในการละเล่นในเทศกาลลอยกระทงที่มีมายาวนาน แต่ก็ควรมีความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพลุ ดอกไม้ไฟเป็นวัตถุอันตราย ปัจจุบันการจุดพลุและประทัดหรือดอกไม้เพลิงที่ถูกต้อง จะอนุญาตให้เฉพาะผู้จัดงานหรือผู้ประกอบการเท่านั้น  ในแต่ละปีช่วงเทศกาลลอยกระทงจะมีผู้เข้ารักษาในห้องฉุกเฉินกว่า 13,000 ราย โดยเฉพาะเด็กอายุ 10-14 ปี ร้อยละ 44 ของผู้บาดเจ็บเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี  และมีผู้บาดเจ็บรุนแรงกว่าร้อยละ 30 คือ คนเมาสุรา ผู้บาดเจ็บทั้งหมดพบว่า 3 เท่าเป็นเด็กผู้ชาย  สาเหตุการบาดเจ็บส่วนใหญ่มาจากการจุดเล่นผิดวิธี เช่น มีการดัดแปลงให้มีแรงระเบิดหรือแรงอัดเสียงดัง  เล่นจุดประทัดใส่ขวดแก้ว การโยนใส่กลุ่มเพื่อน เล่นอย่างผาดโผน ผิดวิธี  การจุดไม่ติดแล้วจุดซ้ำ ทำให้เกิดระเบิดและได้รับบาดเจ็บ 

         โดยเฉพาะเยาวชน ผู้ปกครองควรอธิบายให้ความรู้แก่บุตรหลานเกี่ยวกับอันตราย งดเว้นการซื้อพลุ ดอกไม้ไฟ ให้บุตรหลานมาเล่นเอง  และควรห้ามไม่ให้จุดดอกไม้ไฟ หรือ พลุเองอย่างเด็ดขาด  ระยะปลอดภัยในการยืนดูพลุคือ 10 เมตรขึ้นไป  ให้ครู ผู้ปกครอง ช่วยกันสอดส่อง ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กแอบซื้อไปเล่นเองโดยลำพัง เพราะอาจมีอันตรายทำให้เสียโฉม นิ้วขาด อันตรายต่อแก้วหู หรือตาบอดถาวรได้  สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้จัดงานที่ได้รับอนุญาตควรจุดดอกไม้ไฟหรือพลุอย่างถูกวิธีตามข้อแนะนําอย่างเคร่งครัด  จุดในที่โล่ง ราบ ห่างไกลจากบ้านเรือน ใบไม้แห้ง และวัตถุไวไฟ ตรวจสอบว่าคนอื่นอยู่ห่างจากดอกไม้ไฟหรือพลุเพียงพอ ห้ามพยายามจุดดอกไม้ไฟหรือพลุที่จุดแล้วไม่ติดอย่างเด็ดขาด ควรเตรียมถังน้ำไว้ 1 ถัง ใกล้ตัวเสมอเพื่อดับเพลิง หรือดอกไม้ไฟ พลุ ที่จุดแล้วไม่ติด  ควรหาวิธีปกป้องอวัยวะที่มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ เช่น มือ ตา ใบหน้า 

          ภัยที่สอง คือ การจมน้ำ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงต่อเนื่องถึงหลังวันลอยกระทงเป็นช่วงที่เด็กไทยเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิตสูงสุดในรอบปี  มีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำสูงกว่าปกติเกือบ 3 เท่า สาเหตุหลัก คือ การพลัดตกน้ำเพราะผู้คนเบียดเสียด และการลงน้ำไปเก็บเศษเงินในกระทง  ดังนั้นผู้ปกครองควรพาเด็กไปลอยกระทงในสถานที่ปลอดภัย  และถูกจัดเตรียมสำหรับลอยกระทงโดยเฉพาะ ตลิ่งต้องไม่สูงชันจนเกินไป หากมีการลงเรือต้องเตรียมเสื้อชูชีพให้พร้อมทุกครั้ง  ดูแลเด็กไม่ให้คลาดสายตา จูงมือเด็กให้แน่น และไม่ปล่อยเด็กให้ลอยกระทงเพียงลำพัง หลีกเลี่ยงการพาเด็กเดินเล่นบริเวณริมน้ำเพราะมีผู้คนเบียดเสียด เสี่ยงต่อการตกน้ำ  และกำชับเด็กไม่ให้ลงไปในน้ำเพื่อเก็บเงินในกระทง เพราะการแช่อยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เป็นตะคริวจมน้ำเสียชีวิต

         เภสัชกรเชิดเกียรติ กล่าวต่อว่า หากพบคนจมน้ำควรมีวิธีช่วยที่ถูกต้อง คือ  ตั้งสติอย่าวู่วาม  ไม่ควรลงไปในน้ำเพื่อช่วยคนจมน้ำทันทีทันใด  ควรหาอุปกรณ์ใกล้ตัว เช่น ไม้ เชือก หรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ช่วยเหลือ และคนจมน้ำลอยตัวได้ เพื่อโยนหรือยื่นให้คนจมน้ำแล้วลากเข้าฝั่งโดยที่คนช่วยเหลืออยู่บนฝั่ง หากจำเป็นต้องจะลงน้ำไปช่วยเหลือ ต้องมั่นใจว่าว่ายน้ำเป็น และควรต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือนำติดตัวไปด้วยเพื่อยืนให้คนจมน้ำจับแล้วลากเข้าฝั่ง ที่สำคัญไม่ควรสัมผัสคนจมน้ำโดยตรงเพราะอาจจะถูกกอดรัดและจมน้ำไปพร้อมกัน หากประชาชนพบเห็นผู้จมน้ำและช่วยเหลือด้วยตนเองไม่ได้ หรือไม่มีอุปกรณ์ ให้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือพบผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบริเวณนั้นๆ หรือโทรแจ้ง 1669 โดยเร็วที่สุด

ข้อความหลัก “ รู้ก่อน รู้ทัน  ป้องกันได้  แคล้วคลาดจากอุบัติภัยและการจมน้ำ “

กรมควบคุมโรค  รู้ก่อน  รู้ทัน  ป้องกันได้

ข่าวนี้สนับสนุนยุทธศาสตร์ที่ 3 กรมควบคุมโรค : การสื่อสารสาธารณะและประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงและได้ผล เพื่อป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ

รายละเอียดภาพข่าวนี้ทั้งหมดที่http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/2556/11_27_Loy.html



ชามาณัฏฐ์  เชาว์ปัญญานนท์ / รายงาน

จิดาภา รอดอยู่ / เผยแพร่

 เชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ/ ตรวจทาน

โดย…กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

สำนักงานป้องควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก 

กรมควบคุมโรค รู้ก่อน รู้ทัน ป้องกันได้

โทร 0-5521-4615 -7 ต่อ 333 หรือ 334 โทรสาร 0-5532-1238

Email : [email protected]

ดูข่าวสุขภาพใหม่ ๆ ตลอดเวลาได้ที่ http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd

คำสำคัญ (Tags): #ลอยกระทง
หมายเลขบันทึก: 510291เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2012 00:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 19:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท