เวียงหวาย 2‏ : สุดท้ายปลายทางของการให้


การให้ก็เหมือนกับสายรุ้ง โดยเฉพาะการให้ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน มันไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่แท้จริง

สุดท้ายปลายทางของการให้

เกศินี จุฑาวิจิตร

  เมื่อตอนเป็นเด็ก ก็คิดแบบเด็กๆ อยากจะไปให้ถึงปลายฟ้า ตรงที่ขอบฟ้าจรดขอบน้ำหรือตรงที่สายรุ้ง จมหายไปในเวิ้งกว้าง

  ด้วยอยากรู้อยากเห็นว่า ที่สุดของที่สุดคืออะไร  ครั้นโตมาแม้จะรู้แล้วว่าปลายฟ้าไม่มีจริง  ก็ยังอยากเก็บความคิดแบบนั้นไว้เพื่อความคิดฝันและจินตนาการ  การให้ก็เหมือนกับสายรุ้ง โดยเฉพาะการให้ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน  มันไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่แท้จริง 

  การเดินทางไปเยี่ยมโครงการของแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่ต่างๆ ทำให้ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้ง  ที่โรงเรียนบ้านเวียงหวายก็เช่นกัน  ครูตัวเล็กๆ คนหนึ่งทำงานเกินเงินเดือน เกินบทบาทของข้าราชการครู เกินเวลาทำงานแปดชั่วโมงต่อวัน เกินภาระหน้าที่ของการเป็นแม่และเป็นเมีย  โดยไม่ได้หวังให้ใครมาเห็นแต่ก็มีคนเห็น รางวัลต่างๆ ที่ได้รับ... ไม่ใช่สุดท้ายปลายทางของการให้

  ครูแดง – กรวรรณ พนาวงค์ เป็นคนสันกำแพง แต่มาสอนอยู่ที่โรงเรียนเวียงหวาย อำเภอฝาง  กว่าสามสิบปีที่เธอทำงานร่วมกับชุมชนชาวไตหรือไทใหญ่ ทำให้ครูแดงเห็นชัด ลึกซึ้ง พวกเขาคือคนชายขอบ มิใช่แค่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจด้วยระยะทาง แต่ยังห่างไกลด้วยสิทธิและความเสมอภาคทั้งในด้านการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน การศึกษาและการงานอาชีพ เพียงเพราะการถูกประทับตรา “คนไร้สัญชาติ” 

  ชาวไทใหญ่โดยส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา  ไม่ว่าจะนับถือโดยการสืบทอดกันมาโดยชาติพันธุ์หรืออย่างไรก็ตาม แต่พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับงานบุญ งานประเพณีและการถือศีลครองธรรม ยิ่งกว่าอื่นใด  หญิงชายวัยกลางคนนิยมที่จะไปถืออุโบสถศีลในวันพระ  เงินนับสิบนับร้อยเพียรบรรจบอธิษฐานไปถึงชาติหน้า   เกิดมาครั้งใด  อย่าให้เป็นคนไร้สัญชาติอีกเลย  ใช่ว่าจะไม่ได้สำนึกในบุญคุณของผืนแผ่นดิน แต่เพราะเห็นความสุขของคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย

  เดินออกจากโรงเรียนไปที่วัดเพื่อร่วมงานกฐิน ฉันเห็นรั้วด้านนอกของโรงเรียนและของกำแพงวัด  จดจารรายชื่อผู้มีส่วนร่วมสร้างด้วยศรัทธา กำแพงวัดอาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่รั้วโรงเรียนต่างหากที่มีความหมาย ชาวบ้านร่วมสร้างเพราะความหวังให้ลูกหลานมีอนาคต พวกเขาพยายามที่จะดูแลตัวเองมิได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว ...ฉันคิด

  ความไม่แบ่งแยกกีดกันของคนไทยที่มีต่อคนไร้สัญชาติ ณ เวียงหวาย จนกลายเป็นความหนึ่งเดียวบนความหลากหลายของชาติพันธุ์ นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ...ก็ความสามัคคีและความสงบเรียบร้อยมิใช่หรือคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา... และถ้าเราบ่มเพาะให้เด็กและเยาวชนเติบโตมาอย่าง “รู้คิด” คือ มีความคิด ความรู้และความเท่าทันในความยั่วยุของสังคมบริโภคและสื่อน้ำเน่า พวกเขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักตัวเองและอยู่รอดได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

  อยู่ที่นั่นสองวัน ฉันเห็นความสุขและการเกื้อกูลแบ่งปันของเด็กๆ หากก็เร็วไปที่จะด่วนสรุป จึงถามครูแดง ตรงไปตรงมา ทำงานนี้มาหลายสิบปี เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในตัวเด็ก ครูและผู้ใหญ่บ้านตอบตรงกัน... เด็กที่นี่ไม่มีเรื่องเหล้า เรื่องบุหรี่ แต่มีความสุข เพราะผู้ใหญ่ได้เห็นคุณค่าของพวกเขาจากผลงานที่ปรากฏ   การได้มีส่วนร่วมกับงานของชุมชนและการเป็นหน่อเนื้อของการสืบสานวัฒนธรรมพื้นบ้าน ทำให้เด็กที่เป็น “nobody” กลายเป็น “somebody” แค่นี้ ฉันก็ว่า มันคุ้มเกินคุ้มแล้ว

  หากที่มากไปกว่านั้น  โรงเรียนบ้างเวียงหวายกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบของการศึกษาที่แสดงจุดเด่นเรื่อง อัตลักษณ์ของนักเรียนและเอกลักษณ์ของโรงเรียน ใครต่อใครมาขอศึกษาดูงานแล้วนำกลับไปทำตามบริบทของพื้นที่ของตน นับเป็นเรื่องที่ดี ฉันและครูแดงเห็นตรงกัน ถ้าได้ “เรียนรู้” ก็ไม่จำเป็นต้อง “เลียนแบบ” ด้วยบริบทและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน และถ้าจะนำไปต่อยอดให้ดีกว่า..มากกว่า ก็นับเป็นเรื่องที่ดีอีกเช่นกัน ความดีไม่ จำเป็นต้องแข่งขัน

  ก่อนกลับฉันได้พบและคุยกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลม่อนปิ่น ซึ่งเดินหน้าลงมือต่อยอดงานของครูแดงแล้วอย่างเป็นรูปธรรม โดยหยิบจับขึ้นมาเป็นโครงการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น “อุ๊ยสอนหลาน” รายการนี้มีทุกสามเดือน จัดให้กับนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ที่ อบต.รับผิดชอบ  บรรจุไว้เป็นงบประมาณประจำปีเรียบร้อย และอีกโครงการหนึ่งคือกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในอันที่จะเชื่อมร้อยคนสามวัยเข้าด้วยกัน  เห็นความเชื่อมโยงของกลุ่มพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยกับโรงเรียน ภายใต้การสนับสนุนของชุมชนและท้องถิ่นแบบนี้ ก็ชื่นใจเสียจนอยากให้ใครต่อใครมาเห็นบ้าง .. เราจะได้ให้กันต่อๆ ไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด...

  ลงจากฝางแล้ว เห็นพอมีเวลา คณะของเราจึงแวะเติมใจให้อิ่มเอมมากขึ้นด้วยการไปบ้านซอยวัดอุโมงค์  นั่งคุยกับศิลปินชื่อดัง “เทพศิริ สุขโสภา”  ลองว่าได้คุยกัน นักเล่านิทานคนนี้ก็เกือบทำให้เราตกเครื่องบินทีเดียว

หมายเลขบันทึก: 509601เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2012 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 22:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ได้งาน ได้บุญ แถมยังได้ฟังนิทานด้วย คุ้มจริงๆ นะคะ

อ่านแล้วชื่นใจจัง ภูมิใจจริงๆที่มีครูดีๆแบบนี้อยู่ คอยสนับสนุนเด็กๆให้มีโอกาสดีๆ ได้แสดงออก

โชคดีของตำบลม่อนปิ่นที่มีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลม่อนปิ่น ที่สนับสนุน สืบสานงานเพื่อชุมชนต่อไป

อนุโมทนาสาธุนะคะ ได้บุญเยอะนะคะพี่เกด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท