ในทุกปีพี่น้องมุสลิมจะมีการทำบุญทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับกุโบร์(สุสานฝังศพ)อย่างน้อย
๓ ครั้ง คือการทำบุญโบร์(ทำบุญสุสาน) วันฮารีรายา และวันฮารีรายอ
ที่พี่น้องมุสลิมจะรำลึกถึงบรรพบุรุษหรือญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว และวันนี้(๒๖
ตุลาคม ๒๕๕๕) เช่นเดียวกับทุกครั้งข้าพเจ้าและญาติ ๆ
ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้มาเยี่ยมกุโบร์ของผู้ญาติสายตรงคือปะ(พ่อ) หลานชาย ๒ คน
หลานสะใภ้ น้าชาย และญาติห่าง ๆ อีกหลายคน
ภาพที่ข้าพเจ้ากับพี่ ๆ น้อง ๆ เห็นหัวใจแทบสลายเมื่อไปเยี่ยมกุโบร์ ในสถานที่ ๆ พี่น้องมุสลิมใช้ฝังศพบรรพบุรุษและผู้เฒ่าผู้แก่ ตลอดจนลูกหลานที่เขาสูญเสียไปไม่มีวันกลับมา การจากไปด้วยวัยอันสมควรหรือไม่สมควรก็แล้วแต่ มันคือความเศร้าใจของคนอยู่เหลือคณานับยากที่จะประเมินหรือให้ระดับของความเศร้าใจได้ คุณเชื่อไหมว่าวันนี้เสียงร้องไห้ระหมกุโบร์ แห่งนี้อีกครั้ง เพราะเขาไม่เห็นหลุมฝังศพของญาติเขา แต่กลับเห็นเสาเข็มจำนวนมากกองทับหลุม โดยมีดินลูกลังที่ขนมาถมจนไม่เหลือเค้ากุโบร์
ภาพที่เห็นทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความเศร้า เสียใจ มันย้อนมาอีกครั้งหลังจากสูญเสียคนที่รักไป ความหวังเดียวที่ทำให้ใจเขารู้สึกสัมผัสถึงว่า เขายังมีคนที่รักอยู่ใกล้แม้จะนอนอยู่ในผืนดิน ความรู้สึกมันสื่อผ่านผืนแผ่นดินแห่งนี้ แต่ทุกคราที่พวกเรามาที่นี่ก็เหมือนได้มาหาและได้พบเจอกับพวกเขา แต่วันนี้ข้าพเจ้าเดินเข้าไปยังหลุมปะ(พ่อ) แต่สายตาของข้าพเจ้ามองเลยไปยังริมคลองที่ชาวบ้านแถบนั้นใช้เลี้ยงปลาในกระชัง มันดูโล่งและสว่างกว่าเดิม ในห้วงความคิดเว็บแรกไม่นึกอะไรแต่ความรู้สึกมันย้อนมาอีกครั้งว่า อ้าวแล้วหลุมของหลานชายที่อยู่ตรงนั้นล่ะ พี่ ป้า น้า อา หลาน ทั้งหลายที่นอนอยู่ตรงนั้นมันหายไปไหน
พลันก็เดินเลยไปยังต้นเหตุของคำถาม พบกับเสาเข็มขนาดใหญ่จำนวนกว่า ๒๐ ต้นกองอยู่ ข้าพเจ้าและญาติอีก ๒ คนเดินเพื่อหาจุดที่พอจะจำได้ว่าเป็นหลุมฝังศพของหลานชาย ระหว่างทางเจอผู้ชายสองคนยืนคุยกันจับใจความได้ว่า หลุมของพ่อเขาโดนถมโดยไม่รู้มาก่อน เขามาเมื่อครั้งก่อน(๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕)ยังไม่เป็นอย่างนี้ ข้าพเจ้าถามว่ารู้ไหมทำไมเขาถึงทำร้ายจิตใจกันอย่างเลือดเย็น ผู้ชายคนนั้นตอบว่า “นั่นนะสิแจ้งก็ไม่แจ้งเราว่าจะถมจะทำอะไร” น้ำเสียงของลูกผู้ชายสั่นเครือแล้วก็เดินถอยจากไปยังจุดนั้น ส่วนข้าพเจ้าและญาติยังคงมีความหวัง คงเดินต่อไปเพื่อหาหลุมของหลายชาย ในใจคิดไม่โดนหรอก....
แต่ความคิดของข้าพเจ้ามันไม่เป็นผล เพราะเดินเลยไปความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่ ตรงนี้คือหลุมของหลานชาย แต่มันไม่มีแล้วต้นแก้วที่เราปลูกไว้ ไม้แหนะสัน(เสาสัญลักษณ์) ที่ทำไว้ทั้งหมดไม่เหลืออะไรอีกแล้ว มันกลายเป็นดินลูกลังที่ถมสูงขึ้นมาแทนทุกอย่างที่เคยมีกว่า ๒๐ ปี
คำถามมันผลุดขึ้นมาในสมองพร้อม ๆ กับเปล่งออกมาเป็นคำพูด “เขาทำอะไร เขาคิดอะไร เขาทำลายความศรัทธาคนอื่นได้อย่างไร เขาเป็นใคร เขาต้องการอะไร เขารู้สึกอะไรบ้างไหมตอนที่ทิ้งดินลงบนหลุมฝังศพของญาติคนอื่น หรือต่าง ๆ เหล่านี้เขาไม่คิดอะไรเลย ข้าพเจ้าพยายามหาคำตอบว่าเขาจะทำอะไรกับที่แห่งนี้ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน มีแต่เสียงบอกว่าเป็นของหลวงแน่เพราะไม่ง้านคงไม่มีใครกล้าที่จะทำอย่างนี้กลับสถานที่แห่งนี้ ในความหมายของเขาคือรัฐ อย่างงั้นหรือ หน่วยงานรัฐเขามาทำการพัฒนาริมคลองเพื่อเป็นทางเดินกันน้ำเซาะริมคลอง...เอาเสาเข็มมาทำเขื่อนกั้นน้ำงั้นหรือ
“เรามีแหล่งเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในชุมชน วัด บ้าน บ้านภูมิปัญญา ทั่วประเทศพันกว่าแห่ง อาจโชคดีที่ภาครัฐไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องนี้(ศาสตราจารย์ ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ,พลังวัฒนธรรม:๑๗) สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สังคมสมัยใหม่ สังคมโลกาภิวัตน์กำลังทำลายศิลปวัฒนธรรม ชุมชน ระบบครอบครัว อัตลักษณ์เฉพาะตัวของท้องถิ่นชุมชนอย่างเลือดเย็น(ศาสตราจารย์ ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ,พลังวัฒนธรรม:๑๕)
จากสิ่งที่เห็นในวันนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกภาพจากประโยคเหล่านี้ได้ดีที่เดียวว่ารัฐควรทบทวน......................
ไม่มีความเห็น